| 1 |
|
1.2 |
|
นำปัสสาวะที่ไปต้มกับกรดไฮโดรคลอริกก่อน หารกับปัสสาวะที่ต้มปกติ จะได้คำตอบออกมา |
เพราะปัสสาวะที่ไปต้มกับกรดจะกลายเป็นกลูโคส ส่วนปัสสาวะที่ต้มปกติจะเป็นมอลโทส |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 2 |
|
จ. ซูโครส,ข้าวสวย |
|
ซูโครสเป็นมอนอแซ็คคาไรด์สามารถทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์ให้สีแดงอิฐ
ข้าวสวยเป็นแป้งสามารถทำปฏิกิริยากับสารละลายไอโอดีนให้สีน้ำเงินม่วง |
ซูโครสเป็นมอนอแซ็คคาไรด์สามารถทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์ให้สีแดงอิฐ
ข้าวสวยเป็นแป้งสามารถทำปฏิกิริยากับสารละลายไอโอดีนให้สีน้ำเงินม่วง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 3 |
|
ก. 1 เท่านั้น |
|
เพราะที่ pH 6-7 เอนไซม์นี้จะทำปฏิกิริยาได้ดีที่สุดที่อุณภูมิ 35 องศาเซลเซียส และข้อที่เหลือผิด |
เพราะที่ pH 6-7 เอนไซม์นี้จะทำปฏิกิริยาได้ดีที่สุดที่อุณภูมิ 35 องศาเซลเซียส และข้อที่เหลือผิด |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 4 |
|
ข. ธนนท์แช่เนื้อไว้ในตู้เย็นเพื่อเตรียมทำอาหาร |
|
ตอบข้อ 2 เพราะโปรตีนจะเสียสภาพเมื่อทำปฏิกิริยากับกรด โลหะหนัก และอุณหภูมิสูง |
ตอบข้อ 2 เพราะโปรตีนจะเสียสภาพเมื่อทำปฏิกิริยากับกรด โลหะหนัก และอุณหภูมิสูง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 5 |
|
ก. |
|
เพราะมี C=O มากกว่า 1 หมู่ |
เพราะมี C=O มากกว่า 1 หมู่ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 6 |
|
17 ไอโซเมอร์ |
|
เพราะ ไฮโดรคาร์บอนที่มีคาร์บอน 6 อะตอม จะมีแบบ
โซ่ตรง มี 1 ไอโซเมอร์
โซ่กิ่ง มี 4 ไอโซเมอร์
โซ่ปิด(แบบวง) มี 12 ไอโซเมอร์ |
เพราะ ไฮโดรคาร์บอนที่มีคาร์บอน 6 อะตอม จะมีแบบ
โซ่ตรง มี 1 ไอโซเมอร์
โซ่กิ่ง มี 4 ไอโซเมอร์
โซ่ปิด(แบบวง) มี 12 ไอโซเมอร์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 7 |
|
1. 3 พันธะ
2. 3 โมเลกุล
3. 4 โมเลกุล
4. 1:2:1
5. พอลิเพปไทด์ |
|
เมื่อมีพันธะเพปไทด์จำนวน 3 โมเลกุล จะมีน้ำที่ใช้ต่อ 1 โมเลกุลของพอลิเพปไทด์ 3 โมเลกุลเช่นเดียวกัน และจำนวนของกรดอะมิโนมี 4 โมเลกุล ดังนั้นจำนวนกรดอะมิโนที่เป็น กรด : เบส : กลาง 1:2:1 ซึ่งประเภทของเพปไทด์ คือ พอลิเพปไทด์เพราะเกิดจากกรดอะมิโนมากกว่า 3 ตัว |
เมื่อมีพันธะเพปไทด์จำนวน 3 โมเลกุล จะมีน้ำที่ใช้ต่อ 1 โมเลกุลของพอลิเพปไทด์ 3 โมเลกุลเช่นเดียวกัน และจำนวนของกรดอะมิโนมี 4 โมเลกุล ดังนั้นจำนวนกรดอะมิโนที่เป็น กรด : เบส : กลาง 1:2:1 ซึ่งประเภทของเพปไทด์ คือ พอลิเพปไทด์เพราะเกิดจากกรดอะมิโนมากกว่า 3 ตัว |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 8 |
|
ง. |
|
การทดสอบโปรตีน จะให้สารละลายสีม่วง
การทดสอบน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว จะให้ตะกอนสีแดงอิฐ
การทดสอบแป้ง จะให้สารละลายสีน้ำเงิน |
การทดสอบโปรตีน จะให้สารละลายสีม่วง
การทดสอบน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว จะให้ตะกอนสีแดงอิฐ
การทดสอบแป้ง จะให้สารละลายสีน้ำเงิน |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 9 |
|
เติม หมู่ -H และ -OH เข้าไปเพื่อสร้างพันธะ |
|
เป็นส่วนย่อยของโมเลกุลโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดแอมิโน 2 โมเลกุลต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์ |
เป็นส่วนย่อยของโมเลกุลโปรตีนที่ประกอบด้วยกรดแอมิโน 2 โมเลกุลต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 10 |
|
ค. ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเรียกว่าสปอนิฟอเคชั่น |
|
เพราะเป็นปฏิกิริยาการเกิดสบู่ |
ปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน (Sponification) เป็นปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสไขมันและน้ำมันด้วยเบส เป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากไขมันและน้ำมันกับด่าง เกิดเกลือของกรดไขมัน (RCOO- Na+) ซึ่งก็คือ สบู่ กับกลีเซอรอล ดังนี้ คือ การตรวจหาปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวในไขมันและน้ำมัน |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 11 |
|
3 ชนิด |
|
เพราะใช้กรด 3 ชนิดในการสังเคราะห์ |
เพราะใช้กรด 3 ชนิดในการสังเคราะห์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 12 |
|
3 แบบ |
|
เอา Br6 (Na) ไปแทนที่ H 3 อะตอม จะเกิดปฏิกิริยาสปอนิฟิเคชั่น 3 แบบ |
เอา Br6 (Na) ไปแทนที่ H 3 อะตอม จะเกิดปฏิกิริยาสปอนิฟิเคชั่น 3 แบบ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 13 |
|
ลดการดูดซึมของโคเลสเตอรอลในทางเดินอาหารออกทางลำไส้ใหญ่ และขับถ่ายออกไปและเลซิตินยังมีส่วนในการสร้างไลโพโปรตีนและเร่งปฏิกิริยาการขนย้าย โคเลสเตอรอลออกจากกระแสเลือดช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและนำไขมันไปใช้เป็นพลังงานให้ดีขึ้นเพราะเลซิตินเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสร้างโมเลกุลที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย เช่น เอนไซม์ฮอร์โมนสารเคมีระบบภูมิคุ้มกันบางชนิด การแข็งตัวของเลือด เป็นต้น ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันให้ดีขึ้น |
|
ลดการดูดซึมของโคเลสเตอรอลในทางเดินอาหารออกทางลำไส้ใหญ่ และขับถ่ายออกไปและเลซิตินยังมีส่วนในการสร้างไลโพโปรตีนและเร่งปฏิกิริยาการขนย้าย โคเลสเตอรอลออกจากกระแสเลือดช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและนำไขมันไปใช้เป็นพลังงานให้ดีขึ้นเพราะเลซิตินเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสร้างโมเลกุลที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย เช่น เอนไซม์ฮอร์โมนสารเคมีระบบภูมิคุ้มกันบางชนิด การแข็งตัวของเลือด เป็นต้น ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันให้ดีขึ้น |
ลดการดูดซึมของโคเลสเตอรอลในทางเดินอาหารออกทางลำไส้ใหญ่ และขับถ่ายออกไปและเลซิตินยังมีส่วนในการสร้างไลโพโปรตีนและเร่งปฏิกิริยาการขนย้าย โคเลสเตอรอลออกจากกระแสเลือดช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและนำไขมันไปใช้เป็นพลังงานให้ดีขึ้นเพราะเลซิตินเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการสร้างโมเลกุลที่มีบทบาทสำคัญต่อร่างกาย เช่น เอนไซม์ฮอร์โมนสารเคมีระบบภูมิคุ้มกันบางชนิด การแข็งตัวของเลือด เป็นต้น ช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันให้ดีขึ้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 14 |
|
กรดไขมัน และ แอลกอฮอล์ |
|
ไข (wax) คือสารในกลุ่มลิพิด (lipid) ไขที่พบในธรรมชาติเป็นเอสเทอร์ของกรดไขมันกับแอลกอฮอล์ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง และเป็นแอลกอฮอล์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิลเพียงหมู่เดียว (monohydric alcohol) |
ไข (wax) คือสารในกลุ่มลิพิด (lipid) ไขที่พบในธรรมชาติเป็นเอสเทอร์ของกรดไขมันกับแอลกอฮอล์ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง และเป็นแอลกอฮอล์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิลเพียงหมู่เดียว (monohydric alcohol) |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 15 |
|
ง. |
|
เพราะผงซักฟอกทั้งสองชนิดเป็นสารลดแรงตึงผิวทั้งชนิดไอออนบวกและไอออนลบ |
ผงซักฟอกประเภทแอมโฟเทอริก มีสารลดแรงตึงผิวที่สามารถแตกตัวเป็นได้ทั้งไอออนบวกและไอออนลบ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 16 |
|
ง. |
|
สารละลาย Cu2So ในเบสจะทำปฏิกิริยากับพันธะเพปไทด์ในสายโปรตีน(-CONH-) ให้สารสีม่วง |
สารละลาย Cu2So ในเบสจะทำปฏิกิริยากับพันธะเพปไทด์ในสายโปรตีน(-CONH-) ให้สารสีม่วง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 17 |
|
ง. |
|
กรดไรโบนิวคลีอิก เป็นกลุ่มของสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เป็นสายพอลิเมอร์ของไรโบนิวคลีโอไทด์ ทำหน้าที่อยู่ภายนอก นิวเคลียสของเซลล์ เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน RNA มี 4 ชนิด คือ messenger RNA (mRNA) |
กรดไรโบนิวคลีอิก เป็นกลุ่มของสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เป็นสายพอลิเมอร์ของไรโบนิวคลีโอไทด์ ทำหน้าที่อยู่ภายนอก นิวเคลียสของเซลล์ เกี่ยวข้องกับกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน RNA มี 4 ชนิด คือ messenger RNA (mRNA) |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 18 |
|
2 หน่วย มีปลายสายด้านคาร์บอกซิลิกเป็นกรดอะมิโน ชื่อว่า โปรลีน (Proline)
|
|
เพราะมีสายเพปไทด์จำนวน 2 สายที่มี อาร์จินีน เป็นปลายสายเพปไทด์ด้านหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 สายจะมี โปรตีน เป็นปลายสายอีกด้านหนึ่งของสายเพปไทด์เหมือนกัน |
เพราะมีสายเพปไทด์จำนวน 2 สายที่มี อาร์จินีน เป็นปลายสายเพปไทด์ด้านหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 สายจะมี โปรตีน เป็นปลายสายอีกด้านหนึ่งของสายเพปไทด์เหมือนกัน |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 19 |
ข้อใดไม่ถูกต้อง
|
ข. ไดแซคคาไรด์ที่ได้จากการย่อยสลายเซลลูโลสและอะไมเลสมีโครงสร้างเหมือนกัน |
|
ไดแซคคาไรด์ที่ได้จากการย่อยสลายเซลลูโลสและอะไมเลสมีโครงสร้างไม่เหมือนกัน |
ไดแซคคาไรด์ที่ได้จากการย่อยสลายเซลลูโลสและอะไมเลสมีโครงสร้างไม่เหมือนกัน |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
| 20 |
นักกำหนดอาหารได้มีการจัดอาหารกลางวันสำหรับผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยอาหารประกอบไปด้วย ข้าว กะหล่ำปีผัดน้ำมัน และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ อาหารมื้อนี้ ผู้ป่วยจะได้รับสารชีวโมเลกุลประเภทให้พลังงานกี่ชนิด อะไรบ้าง
|
ค. 3 ชนิด ได้แก่ ไขมัน คาร์โบไฮเดต และโปรตีน |
|
3 ชนิด ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต
ข้าวมีคาร์โบไฮเดรตเป็นองค์ประกอบที่ให้พลังงาน
กะหล่ำปลีผัดน้ำมัน มีไขมันจากน้ำมันเป็นองค์ประกอบที่ให้พลังงาน
แกงจืดเต้าหู้หมูสับ มีโปรตีนจากเต้าหู้และหมูสับ และไขมันจากหมูสับเป็นองค์ประกอบที่ให้พลังงาน |
3 ชนิด ไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรต
ข้าวมีคาร์โบไฮเดรตเป็นองค์ประกอบที่ให้พลังงาน
กะหล่ำปลีผัดน้ำมัน มีไขมันจากน้ำมันเป็นองค์ประกอบที่ให้พลังงาน
แกงจืดเต้าหู้หมูสับ มีโปรตีนจากเต้าหู้และหมูสับ และไขมันจากหมูสับเป็นองค์ประกอบที่ให้พลังงาน |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|