1 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
|
ข.นํ้าตาลทาราย,แป้ง |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
|
ข. 1 และ 2 |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
|
จ. ไม่มีข้อใดถูกต้อง |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
|
จ. |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
|
6 |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
|
จ. สาร Y เป็นสารที่สามารถละลายได้ดีทั้งในน้ำและในไขมัน |
|
สารประเภทไขมันไม่ละลายในน้ำ |
สาร X เป็นสารพวกไขมัน โดย Y เป็นกรดไขมันซึ่งไม่สามารถละลายในน้ำได้ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
|
6 |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
|
18 |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
|
ทำให้โมเลกุลแตกตัวกลายเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ เป็เนื้อเดียวกันแลัวไม่ให้ไขมันไม่ไปเกาะที่หลอดเลือด |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
|
แอลกอฮอล์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่กลีเซอรอลและกรดไขมัน |
|
การเกิดไขเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างแอลกอฮอล์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่กลีเซอรอลและกรดไขมัน |
แอลกอฮอล์ + กรดไขมัน ---> ไข + น้ำ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
|
ค. |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
|
ข. |
|
ไดเพปไทด์จะมีปลาย NH2 และ COOH และมีพันธะเพปไทด์ (CONH) 1 ที่ |
ไดเพปไทด์เกิดจากมอนอเพปไทด์ 2 โมเลกุลเชื่อมกันด้วยพันธะเพปไทด์โดยมีปลาย NH2 และ COOH |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
|
ค. |
|
ก.คาร์บอนตัวที่ 3 ตัวล่างต้องห้อย OH
ข.ต้องนำมาต้มกับเบส
ค.ไรโบโซมทำหน้าที่สร้างโปรตีน
จ.โปรตีนเป็นแหล่งพลังงานขั้นสุดท้ายของร่างกาย |
nitrosamine เป็นสารจำพวกหนึ่งที่นำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารในการทำให้เนื้อสัตว์มีสีแดง ส่วนใหญ่นำมาใช้กับพวกเนื้อวัว เนื้อหมู แต่เป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
|
9 ปลายด้านคาร์บอกซิลิกชนิด Arg |
|
สายแรกของสายเพปไทด์ยาวคือสายที่ 4 โดยเรียงได้ดังนี้
Arg - Pro - Pro - Gly - Phe - Ser - Pro - Phe - Arg |
ตัวแรกของสายจะอยู่ฝั่งซ้ายของสายและตัวสุดท้ายของสายอยู่ฝั่งขวาโดยตัวสุดท้ายของสายเพปไทด์จะต้องเหมือนกับตัวแรกของสายต่อไป |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
ข้อใดไม่ถูกต้อง
|
ข. ไดแซคคาไรด์ที่ได้จากการย่อยสลายเซลลูโลสและอะไมเลสมีโครงสร้างเหมือนกัน |
|
เซลลูโลสมีพันธะไกลโคซิดิกชนิดเบต้า แต่อะไมเลสมีพันธะไกลโคซิดิกชนิดอัลฟ่า ดังนั้นไดแซคคาไรด์ที่ได้จะต่างกัน |
ไดแซคคาไรด์ที่ได้จากพันธะไกลโคซิดิกชนิดอัลฟ่า คาร์บอนตำแหน้งที่ 1 จะห้อย OH ด้านล่าง ส่วนพันธะไกลโคซิดิกชนิดเบต้า OH จะอยู่บนคาร์บอนตำแหน่งที่ 1 |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
นักกำหนดอาหารได้มีการจัดอาหารกลางวันสำหรับผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยอาหารประกอบไปด้วย ข้าว กะหล่ำปีผัดน้ำมัน และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ อาหารมื้อนี้ ผู้ป่วยจะได้รับสารชีวโมเลกุลประเภทให้พลังงานกี่ชนิด อะไรบ้าง
|
จ. 4 ชนิด ได้แก่ ไขมัน คาร์โบไฮเดต โปรตีน และกรดนิวคลีอิก |
|
ข้าวให้คาร์โบไฮเดรต กะหล่ำปีผัดใ้ห้กรดนิวคลีอิก คาร์โบไฮเดรตและไขมัน แกงจืดเต้าหู้หมูสับให้โปรตีนและกรดนิวคลีอิก |
กรดนิวคลีอิกพบในผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพืชและสัตว์
คาร์โบไฮเดรตพบไดเในพวกแป้งเช้นข้าวและพืช (ในรูปของเซลลูโลส)
ไขมันได้จากการผัดน้ำมัน
โปรตีนพบได้ในแกงจืดและหมูสับ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|