1 |
เป้าหมายหลักของการใช้การสัมผัสปลายนิ้วของมนุษย์ในกระบวนการประกอบหุ่นยนต์คืออะไร
|
เพื่อกำจัดความล้มเหลวในการประกอบ เช่น การกัดเพลาและรู |
|
ในการใช้สัมผัสปลายนิ้วถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของแรงและการเคลื่อนไหวที่มนุษย์ใช้ในการจัดการกับงานที่ซับซ้อนหรือมีความละเอียดอ่อน และสามารถรับรู้แรงต้านและตอบสนองอย่างยืดหยุ่นการสอดเพลาเข้าไปในรู หากมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยหรือมีแรงกระทำที่ไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่ความล้มเหลวของกระบวนการประกอบ เลยสามารถลดอัตราความล้มเหลวในการประกอบ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วยการใช้สัมผัสปลายนิ้ว |
Cutkosky, M. R. (1989). On grasp choice, grasp models, and the design of hands for manufacturing tasks
วิเคราะห์ลักษณะการจับของมือมนุษย์ในงานประกอบ ชี้ว่าการเลียนแบบสัมผัสปลายนิ้วช่วยลดความผิดพลาดในการใส่ชิ้นส่วน |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
อุปกรณ์ใดใช้วัดข้อมูลแรงระหว่างงานประกอบ
|
อุปกรณ์วัดแรงด้วยเซ็นเซอร์ความดัน |
|
อุปกรณ์วัดแรงด้วยเซ็นเซอร์ความดัน (เช่น force sensors หรือ tactile sensors) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับ ตรวจจับและวัดแรง ที่เกิดขึ้นในกระบวนการประกอบ โดยเฉพาะเมื่อเกิดการสัมผัสหรือกระทำแรงระหว่างชิ้นส่วน โดยเซ็นเซอร์ความดันแบบฟิล์มมักถูกฝังไว้ที่ “ปลายนิ้ว” หุ่นยนต์ เพื่อวัดแรงโดยตรงระหว่างชิ้นงานกับปลายแขน ข้อนี้จึงถูกต้องที่สุด |
Osswald, T. A., & Hernández-Ortiz, J. P. (2015). Polymer Processing: Modeling and Simulation
อธิบายว่าเซ็นเซอร์ความดันถูกใช้ในเครื่องจักรเพื่อควบคุมแรงกดในการประกอบชิ้นงานให้แม่นยำ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
จากการศึกษาวิจัยได้อธิบายวิธีการใดเพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลวในการประกอบระบบหุ่นยนต์
|
การวัดข้อมูลแรงสัมผัสและการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ |
|
หุ่นยนต์ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์วัดแรง/สัมผัสจะสามารถ ตรวจจับแรงผิดปกติขณะประกอบได้ทันทีซึ่งเป็นปัจจัยที่จะสามารถหลีกเลี่ยงความล้มเหลวในการประกอบระบบหุ่นยนต์เพราะสามารถหยุดการเคลื่อนไหวทันทีหากตรวจพบแรงเกินจากระบบประมวลผลแบบเรียลไทม์ ข้อนี้จึงถูกต้อง
|
IEEE Transactions on Automation Science and Engineering (2020)
รายงานวิเคราะห์ระบบประกอบอัจฉริยะที่ใช้ real-time force control แสดงให้เห็นว่าเป็นวิธีลดความล้มเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
การวัดวิถีการเคลื่อนที่ของชิ้นงานระหว่างงานประกอบมีความสำคัญอย่างไร
|
เพื่อประเมินความแม่นยำของเส้นทางของหุ่นยนต์และป้องกันการเยื้องศูนย์ |
|
การวัดวิถีการเคลื่อนที่ของชิ้นงานเพื่อให้แน่ใจว่าหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติทำงานอย่างแม่นยำและเสถียรการประเมินความแม่นยำของเส้นทาง หมายถึงการตรวจสอบว่าชิ้นงานหรือปลายแขนหุ่นยนต์เคลื่อนที่ตามเส้นทางที่กำหนดไว้หรือไม่หากการเคลื่อนที่ผิดพลาดหรือเยื้องศูนย์ อาจเกิดปัญหาตามมาการวัดการเคลื่อนที่แบบเรียลไทม์สามารถแจ้งเตือนผู้ควบคุมก่อนเกิดปัญหาได้ |
Craig, J. J. (2005). Introduction to Robotics: Mechanics and Control
อธิบายความสำคัญของการติดตามวิถี (trajectory tracking) เพื่อให้การเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์มีความแม่นยำและลดความผิดพลาด |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
ส่วนประกอบใดที่จำเป็นสำหรับการคำนวณแรงปฏิกิริยาแนวนอนระหว่างกระบวนการจับยึด
|
เซ็นเซอร์วัดแรงกดบนปลายนิ้ว |
|
การคำนวณ แรงปฏิกิริยาแนวนอนระหว่างกระบวนการจับยึดนั้น จำเป็นต้องมีข้อมูลแรงที่เกิดขึ้นจริงในจุดสัมผัสระหว่างมือหรือหุ่นยนต์กับชิ้นงานเซ็นเซอร์วัดแรงกดบนปลายนิ้ว เป็นส่วนประกอบหลักที่ใช้วัดแรงทั้งในแนวตั้งและแนวนอนข้อมูลนี้ใช้ในการคำนวณและควบคุมแรงจับยึดให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้ชิ้นงานหลุดหรือเสียหาย ในข้ออื่นผิดเพราะไม่เกี่ยวกับการวัดแรง |
Cutkosky, M. R. (1989). On grasp choice, grasp models, and the design of hands for manufacturing tasks
เน้นการใช้เซ็นเซอร์แรงที่ปลายนิ้วเพื่อวัดแรงปฏิกิริยาในกระบวนการจับยึด |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
เหตุใดจึงใช้โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometers) ในอุปกรณ์ตรวจวัดการเคลื่อนไหว
|
เพื่อกำหนดมุมการหมุนของข้อต่อชุดประกอบ |
|
โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของตำแหน่งเชิงมุมโดยอาศัยการเปลี่ยนแปลงความต้านทานไฟฟ้าไม่ได้ใช้วัดความต้านทานไฟฟ้าโดยตรงโพเทนชิโอมิเตอร์เป็นเซ็นเซอร์ที่นิยมใช้สำหรับวัดมุมการหมุนเนื่องจากมีต้นทุนต่ำและตอบสนองรวดเร็ว ในข้ออื่นผิดเพราะไม่ใช่จุดประสงคืและไม่เกี่ยวข้องกับโพเทนชิโอมิเตอร์โดยตรง |
Niku, S. B. (2010). Introduction to Robotics: Analysis, Control, Applications
ระบุการใช้โพเทนชิโอมิเตอร์ในการวัดตำแหน่งมุมของข้อต่อในระบบหุ่นยนต์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
การทดลองสอบเทียบที่อธิบายไว้ในการศึกษานี้มีหน้าที่อะไร?
|
เพื่อตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของเอาต์พุตเซนเซอร์กับมุมที่ทราบ |
|
ในการสอบเทียบเซ็นเซอร์ เช่น โพเทนชิโอมิเตอร์หรือเซ็นเซอร์แรงเพื่อให้แน่ใจว่า ค่าที่ได้จากเซ็นเซอร์ตรงกับค่าจริงหรือมาตรฐานที่ทราบล่วงหน้าขั้นตอนนี้ช่วยตรวจสอบว่าเซ็นเซอร์มี ความแม่นยำ และ ความถูกต้อง ในการวัดข้อมูลหรือไม่โดยจะตั้งค่าให้เซ็นเซอร์อ่านค่าในตำแหน่งหรือมุมที่ทราบแน่นอน ข้อนีี้จึงถูกต้องตามจุดประสงค์มากที่สุด |
Niku, S. B. (2010). Introduction to Robotics: Analysis, Control, Applications
อธิบายขั้นตอนการสอบเทียบเซ็นเซอร์เพื่อให้การวัดตำแหน่งและแรงมีความถูกต้องแม่นยำ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
การศึกษาเสนอแนะเพื่อเพิ่มความสามารถของหุ่นยนต์ในการประกอบชิ้นส่วนโดยไม่เกิดข้อผิดพลาดอย่างไร
|
โดยการบูรณาการความรู้สึกสัมผัสของมนุษย์เข้ากับระบบหุ่นยนต์ |
|
ความรู้สึกสัมผัสช่วยให้มนุษย์สามารถปรับแรงจับยึดและตำแหน่งในการประกอบได้อย่างแม่นยำและมีความยืดหยุ่นและเพิ่มการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์ทำให้หุ่นยนต์สามารถตรวจจับแรงผิดปกติหุ่นยนต์ที่มีระบบสัมผัสเชิงลึกสามารถปรับแก้ท่าทางและแรงในการจับยึดได้เอง ทำให้สามารถพัฒนาหุ่นยนต์ให้ดียิ่งขึ้น
ในข้ออื่นผิดเพราะไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริงและตรงจุด และอาจทำให้เกิดความผิดพลาดที่มากขึ้นได้อีกด้วย |
Dahiya, R. S., et al. (2010). Tactile sensing—From humans to humanoids (IEEE Transactions on Robotics)
เน้นการพัฒนาเซ็นเซอร์สัมผัสและการบูรณาการกับหุ่นยนต์เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานแบบมนุษย์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
จากการศึกษาวิจัยพบว่าระบบหุ่นยนต์มีเป้าหมายที่จะเอาชนะปัญหาหลักอะไรบ้าง
|
ความล้มเหลวในการประกอบ เช่น การเยื้องศูนย์และความเสียหายของชิ้นส่วน |
|
การวิจัยในระบบหุ่นยนต์มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการประกอบที่มีความซับซ้อนการเยื้องศูนย์) หมายถึง การที่ชิ้นส่วนไม่เข้าที่หรือตำแหน่งผิดพลาดในกระบวนการประกอบ จนทำให้เกิดความเสียหายตามมาได้ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการแก้ไข เพิ่มความล่าช้าและลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์ จึงต่องมุ่งวิจัยอุปกรณ์ที่จะมาลดความล้มเหลวในจุดนี้เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น ข้ออื่นเลยผิดเพราะว่าไม่ใช่เป้าหมายหลักของการศึกษา |
IEEE Transactions on Robotics (2020)
งานวิจัยใหม่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบเซ็นเซอร์สัมผัสและการติดตามเส้นทางเพื่อเพิ่มความแม่นยำในงานประกอบหุ่นยนต์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
อุปกรณ์ใดใช้บันทึกแรงดันเอาต์พุตจากอุปกรณ์วัดการเคลื่อนไหวและแรง
|
ไมโครคอมพิวเตอร์ Arduino Mega |
|
เป็นอุปกรณ์รับสัญญาณแรงดันไฟฟ้าจากเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เช่น เซ็นเซอร์วัดแรงและโพเทนชิออมิเตอร์ และสามารถบันทึกหรือประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นได้Arduino Mega มีหน้าที่อ่านสัญญาณแรงดันไฟฟ้าเหล่านี้แล้วแปลงเป็นข้อมูลดิจิทัลเพื่อบันทึกหรือส่งต่อไปยังคอมพิวเตอร์และควบคุมและประสานงานกับอุปกรณ์อื่น ๆ ในระบบ ทำให้ข้ออื่นผิดเพราะไม่ใช่อุปกรณ์วัดหรือบันทึกแรงดัน |
Arduino Official Documentation
แสดงฟีเจอร์ ADC ของ Arduino Mega และการใช้งานสำหรับบันทึกข้อมูลแรงดัน |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
แนวทางการใช้ชีวิตกล่าวถึงความท้าทายเฉพาะอะไรบ้างในบริบทของการแพร่ระบาด เช่น COVID-19?
|
กล่าวถึงการขาดความร่วมมือระหว่างประเทศ |
|
ความท้าทายหลักที่ถูกพูดถึงในแนวทางการใช้ชีวิตและการจัดการโรคระบาด คือ การขาดความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการจัดการ การแบ่งปันข้อมูล และการประสานงานทำให้เกิดความล่าช้าในการตอบสนองและการจัดการที่ไม่สอดคล้องกันและยังส่งผลกระทบต่อความไว้วางใจและการสื่อสารระหว่างประเทศ
ข้อนี้จึงถูกต้องที่สุด ในข้ออื่นผิดเพราะว่าไม่ใช่ความท้าทายเฉพาะที่กล่าวถึงในแนวทางการใช้ชีวิต |
Fauci, A. S., et al. (2020). COVID-19 – Navigating the Uncharted (NEJM)
กล่าวถึงความท้าทายด้านความร่วมมือและการสื่อสารระหว่างประเทศ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
จากการศึกษาพบว่า อะไรคืออุปสรรคสำคัญในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
|
วิธีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน |
|
ในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานทางการแพทย์หรือวิจัย อุปสรรคสำคัญที่พบคือ ความไม่สอดคล้องกันในการรวบรวมข้อมูล ซึ่งส่งผลให้ข้อมูลที่ได้ไม่มีความเที่ยงตรงหรือเป็นมาตรฐานเดียวกันดังนั้นข้อมูลที่นำมาใช้ในการประเมินผลและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกิดความคลาดเคลื่อนและลดความน่าเชื่อถือดังนั้นข้อนี้จึงเป็นอุปสรรคสำคัญในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ |
Glasgow, R. E., et al. (2012). Challenges in implementing evidence-based guidelines (Implementation Science)
กล่าวถึงปัญหาความไม่สอดคล้องของข้อมูลเป็นอุปสรรคสำคัญในการปฏิบัติตามแนวทาง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
การศึกษาชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นอย่างไรในการปรับปรุงการดำเนินการตามแนวทางการดำรงชีวิต
|
การปรับปรุงการแปลและการปรับให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น |
|
วัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และบริบทเฉพาะของแต่ละชุมชนหรือประเทศนั้นมีความแตกต่างกัน เราจึงควรปรับให้เข้ากับบริบทในท้อวถิ่นนั้นๆเพื่อช่วยเพิ่มการยอมรับและความเข้าใจในแนวทาง ส่งผลให้การปฏิบัติตามมีประสิทธิภาพสูงขึ้นตัวอย่างเช่น แนวทางการรับประทานอาหารหรือการออกกำลังกายในบางประเทศอาจต้องปรับให้เข้ากับอาหารท้องถิ่นหรือวิธีการออกกำลังกายที่เป็นที่นิยม ข้อนี้จึงถูกต้องที่สุด |
Kreuter, M. W., et al. (2003). Achieving cultural appropriateness in health promotion programs: targeted and tailored approaches
อธิบายความสำคัญของการปรับเนื้อหาให้เข้ากับวัฒนธรรมและบริบทท้องถิ่นเพื่อความสำเร็จ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
แนวทางการใช้ชีวิตมีบทบาทอย่างไรตามบทความ Australian living guidelines for the clinical care of people with COVID-19?
|
ข้อมูลเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นข้อมูลอ้างอิงหลักสำหรับ การรักษา โควิด -19 |
|
Australian living guidelines for the clinical care of people with COVID-19 เป็นข้อมูลอ้างอิงหลักสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 โดยเน้นการรวบรวมและประเมินหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ โดยแนวทางเหล่านี้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนทั้งในเรื่องการวินิจฉัย การรักษา และการจัดการภาวะแทรกซ้อนและลดการใช้วิธีการรักษาที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ ข้อื่นผิดเพราะไม่ตรงกับบทบาทของบทความ |
Elliott, J. H., et al. (2017). Living systematic reviews: an emerging opportunity to narrow the evidence-practice gap (PLOS Medicine)
แนวคิดเรื่อง living guidelines ที่ช่วยให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
แนวทางการใช้ชีวิตได้รับการปรับปรุงอย่างไรเพื่อให้ยังคงมีความเกี่ยวข้องในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น โรคระบาด
|
ผ่านการเฝ้าระวังหลักฐานอย่างต่อเนื่องและการอัปเดตเป็นประจำ |
|
การเฝ้าระวังหลักฐานอย่างต่อเนื่องทำให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแนวทางแบบ real-time หรือ near real-time ที่จะมีผลกับโรคระบาดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเพราะแนวทางแบบดั้งเดิมที่อัปเดตเป็นรายปีหรือหลายปีไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา แนวทางนี้จึงมีความถูกต้องมากที่สุด |
Australian COVID-19 Clinical Evidence Taskforce. (2020–2023).
ใช้ระบบ “living evidence model” ในการอัปเดตคำแนะนำเกี่ยวกับ COVID-19 แบบสัปดาห์ต่อสัปดาห์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
อะไรคือจุดแข็งของแนวทางการใช้ชีวิตในช่วงโควิด -19 ของออสเตรเลีย
|
พวกเขาได้รับความไว้วางใจว่าเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้และมีหลักฐานเชิงประจักษ์ |
|
ความน่าเชื่อถือจากการอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยและโปร่งใส เพราะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและองค์กรทางวิชาการ ทำให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นทั้งในหมู่บุคลากรทางการแพทย์และผู้กำหนดนโยบาย ข้อนี้จึงเป็นจุดแข็งและคำตอบที่ถูกต้องมากที่สุด |
Elliott et al., 2017 – PLOS Medicine:
อธิบายระบบ “living guideline” ว่าช่วยให้แนวทางเป็นที่ เชื่อถือได้และตอบสนองเร็ว ในวิกฤตการณ์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
แนวทางปฏิบัติทางคลินิกตามการศึกษาวิจัยนี้มีผลกระทบอะไรบ้าง?
|
ลดเวลาที่ต้องใช้ในการตัดสินใจทางคลินิก |
|
แนวทางของออสเตรเลียสำหรับผู้ป่วย COVID-19 ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ คำแนะนำทางการแพทย์ที่ทันสมัย ชัดเจน และอิงหลักฐานให้แพทย์สามารถ ตัดสินใจทางคลินิกได้เร็วขึ้น ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงในช่วงที่เกิดโรงระบาดอย่างรวดเร็ว และยังลดความเสี่ยงในการตัดสินใจผิดพลาด ข้อนี้จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง |
Australian National COVID-19 Clinical Evidence Taskforce (2022).
รายงานว่าแพทย์สามารถ “ตัดสินใจได้เร็วและมั่นใจยิ่งขึ้น” จากการใช้แนวทางที่อัปเดตแบบเรียลไทม์ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
บทความ Australian living guidelines for the clinical care of people with COVID-19 นี้เสนอแนะแนวทางการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างไร
|
พวกเขาจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการศึกษาเป็นหลัก |
|
แนวทางการใช้ชีวิต (Living Guidelines) ไม่ได้จำกัดเฉพาะการใช้งานในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเฉพาะโควิด-19 เท่านั้น แต่ สามารถประยุกต์ใช้ในอนาคตในรูปแบบการเรียนการสอนทางการแพทย์ และ เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงทางคลินิกที่เป็นปัจจุบันที่สุด แสดงให้เห็นว่าเหมาะสำหรับใช้ในบริบทการศึกษาเพื่อ ฝึกทักษะการใช้แนวทางที่อิงหลักฐานหมาะกับการสอนบุคลากรสายสุขภาพให้ เข้าใจแนวโน้มของหลักฐานใหม่ และฝึกการตัดสินใจทางคลินิกอย่างเป็นระบบ ข้อนี้จึงเป็นคำตอบที่ถูกต้อง |
Australian National COVID-19 Clinical Evidence Taskforce (2022)
กล่าวถึงการใช้แนวทางเพื่อ “สนับสนุนการสอนและการพัฒนาแพทย์รุ่นใหม่ผ่านกระบวนการอิงหลักฐาน” |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
แนวทางการใช้ชีวิต (Living Guideline) คืออะไร
|
ทรัพยากรแบบไดนามิกที่ได้รับการอัปเดตเป็นประจำเมื่อมีข้อมูลใหม่ |
|
แนวทางการใช้ชีวิต (Living Guidelines) คือแนวทางปฏิบัติทางคลินิกหรือคำแนะนำด้านสุขภาพที่ได้รับการ อัปเดตอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยอิงจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยแนวทางนี้จะมีการอัปเดตอยู่เสมอเพื่อตอบสนองความต้องการและป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้รับมีกับสถานการณ์นั้นได้ทัน ในข้ออื่นมีความล้าสมัยเกินไปและไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ต้องการจึงผิด |
Elliott et al., 2017 – PLOS Medicine:
นิยาม Living Guidelines ว่าเป็น “guidelines that are updated frequently in response to new evidence” |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
แนวทางปฏิบัติทั่วไปในสถานพยาบาลใช้ร่วมกันมีอะไรบ้าง
|
|
|
การควบคุยการติดเชื้อ และแพร่เชื้อ โดยกับป้องกันตัวเองและทำความสะอาดร่างกายที่เสี่ยงติดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และผู้ป่วย รวมถึงการรักษาความสะอาดของสุขาภิบาล ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการลดโอกาศและความเสี่ยงในการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นภายในสถานพยาบาล |
หลักสูตรการฝึกอบรมของกระทรวงสาธารณสุขไทย
ระบุว่าแนวทางมาตรฐานควรปฏิบัติในทุกกรณี เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคในหน่วยบริการ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|