ตรวจข้อสอบ > อัครนันท์ จรัสวรวรรธน์ > การแข่งขันและทดสอบความถนัดทางการแพทย์ | ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย > Part 2 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 48 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


เป้าหมายหลักของการใช้การสัมผัสปลายนิ้วของมนุษย์ในกระบวนการประกอบหุ่นยนต์คืออะไร

เพื่อกำจัดความล้มเหลวในการประกอบ เช่น การกัดเพลาและรู

- - 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


อุปกรณ์ใดใช้วัดข้อมูลแรงระหว่างงานประกอบ

อุปกรณ์วัดแรงด้วยเซ็นเซอร์ความดัน

- - 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


จากการศึกษาวิจัยได้อธิบายวิธีการใดเพื่อหลีกเลี่ยงความล้มเหลวในการประกอบระบบหุ่นยนต์

การวัดข้อมูลแรงสัมผัสและการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์

คำถามนี้เกี่ยวกับการศึกษาและการวิเคราะห์จากการวิจัยเพื่อหาวิธีการลดความล้มเหลวในการประกอบ โดยการวัดข้อมูลแหล่งลม (หรือข้อมูลอื่นๆ) ที่เกี่ยวข้องในการควบคุมกระบวนการผลิต การใช้เทคนิคการวิเคราะห์แบบ เรียลไทม์ ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เกิดขึ้นทันที ทำให้สามารถตัดสินใจและปรับปรุงกระบวนการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การใช้งาน Real-Time Monitoring Systems โดยใช้เซ็นเซอร์และเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวดเร็วช่วยลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมกระบวนการต่างๆ ทำให้กระบวนการที่มีความซับซ้อนสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถอ้างอิงจากงานวิจัยใน Process Analytical Technology (PAT) และการควบคุมกระบวนการแบบเรียลไทม์ในอุตสาหกรรมต่างๆ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


การวัดวิถีการเคลื่อนที่ของชิ้นงานระหว่างงานประกอบมีความสำคัญอย่างไร

เพื่อประเมินความแม่นยำของเส้นทางของหุ่นยนต์และป้องกันการเยื้องศูนย์

- - 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


ส่วนประกอบใดที่จำเป็นสำหรับการคำนวณแรงปฏิกิริยาแนวนอนระหว่างกระบวนการจับยึด

โพเทนชิออมิเตอร์ (Potentiometer)

การใช้ ไฟเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer) สำหรับการกำหนดแรงปฏิกิริยาตามแนวอนุภาคระหว่างกระบวนการจับยึด เกี่ยวข้องกับการวัดค่าแรงดันไฟฟ้าที่เกิดขึ้นเมื่อทำการวัดพลังงานหรือการเคลื่อนไหวของอนุภาคในกรณีของการทำงานกับสัญญาณไฟฟ้าในกระบวนการต่างๆ ไฟเทนชิโอมิเตอร์ หรือ Potentiometer เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดค่าแรงดันไฟฟ้า ซึ่งสามารถนำไปใช้กับการจับยึดและวัดพลังงานที่เกิดขึ้นจากอนุภาค โดยที่การเปลี่ยนแปลงของแรงดันไฟฟ้าจะแสดงถึงค่าการเคลื่อนไหวและพลังงานในกระบวนการนี้ เเละ อ้างอิงจาก หลักการการวัดพลังงานผ่านไฟเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometer) ที่เกี่ยวข้องกับการวัดพลังงานไฟฟ้า 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


เหตุใดจึงใช้โพเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometers) ในอุปกรณ์ตรวจวัดการเคลื่อนไหว

เพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิระหว่างการทำงาน

การใช้ โพรเทนชิโอมิเตอร์ (Potentiometers) ในการตรวจวัดการเคลื่อนที่ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการวัดอุณหภูมิจะช่วยให้สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานได้ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่สำคัญในการควบคุมหรือปรับปรุงกระบวนการทำงาน โพรเทนชิโอมิเตอร์สามารถใช้ในการวัดอุณหภูมิหรือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้โดยการใช้หลักการที่เกี่ยวข้องกับ แรงดันไฟฟ้า ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ซึ่งจะให้ข้อมูลที่มีความแม่นยำในการติดตามกระบวนการต่างๆ โดยอ้างอิงจาก การใช้โพรเทนชิโอมิเตอร์ในระบบที่ต้องการวัดความเปลี่ยนแปลงทางอุณหภูมิ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


การทดลองสอบเทียบที่อธิบายไว้ในการศึกษานี้มีหน้าที่อะไร?

เพื่อตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำของเอาต์พุตเซนเซอร์กับมุมที่ทราบ

การทดสอบเพื่อ วัดความเเม่นยําของเซ็นเซอร์ เป็นสิ่งสำคัญในการศึกษาการทำงานของหุ่นยนต์หรือระบบที่ต้องพึ่งพาเซ็นเซอร์เพื่อการตรวจวัดและตรวจสอบ เพื่อให้สามารถให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและแม่นยำในทุกการใช้งาน การทดสอบเซ็นเซอร์เพื่อตรวจสอบความถูกต้องและเเม่นยําในกระบวนการเก็บข้อมูลหรือการควบคุมหุ่นยนต์ จะช่วยให้แน่ใจว่าเซ็นเซอร์ทำงานตามที่คาดหวังและไม่มีข้อผิดพลาดในการทำงานที่อาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการทดลอง โดยอ้างอิงจากการ ทดสอบเซ็นเซอร์ ที่ใช้ในการตรวจสอบความเเม่นยําของเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยหรือในอุตสาหกรรมต่างๆ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


การศึกษาเสนอแนะเพื่อเพิ่มความสามารถของหุ่นยนต์ในการประกอบชิ้นส่วนโดยไม่เกิดข้อผิดพลาดอย่างไร

โดยการลดความซับซ้อนของโค้ดโปรแกรมของหุ่นยนต์

การศึกษาเกี่ยวกับการ เพิ่มความสามารถของหุ่นยนต์ จะมุ่งเน้นไปที่การ ทำให้โปรแกรมมีความง่ายและไม่ซับซ้อน เพื่อช่วยให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ดีขึ้นและหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากโปรแกรมที่ซับซ้อนเกินไป ในกระบวนการที่ใช้หุ่นยนต์ในการทำงาน เช่น การควบคุมหุ่นยนต์ หรือการพัฒนาระบบที่ต้องการให้หุ่นยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลดความซับซ้อนของโค้ดโปรแกรมจะช่วยให้หุ่นยนต์ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานที่ซับซ้อน สามารถอ้างอิงจาก การพัฒนาโปรแกรมหุ่นยนต์และการออกแบบระบบควบคุมที่มีประสิทธิภาพ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


จากการศึกษาวิจัยพบว่าระบบหุ่นยนต์มีเป้าหมายที่จะเอาชนะปัญหาหลักอะไรบ้าง

ความล้มเหลวในการประกอบ เช่น การเยื้องศูนย์และความเสียหายของชิ้นส่วน

- - 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


อุปกรณ์ใดใช้บันทึกแรงดันเอาต์พุตจากอุปกรณ์วัดการเคลื่อนไหวและแรง

ไมโครคอมพิวเตอร์ Arduino Mega

Arduino Mega เป็น ไมโครคอนโทรลเลอร์ ที่ใช้ในการควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเซ็นเซอร์ต่างๆ ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเก็บข้อมูลหรือการควบคุมการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะในงานที่ต้องการการคำนวณหรือการประมวลผลจากเซ็นเซอร์หลายๆตัว Arduino Mega เป็นอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์ต่างๆ ซึ่งสามารถใช้ในการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจจับการเคลื่อนไหวและแรงได้ ด้วยการใช้งาน ไมโครคอนโทรลเลอร์ ที่สามารถเขียนโปรแกรมเพื่อควบคุมการทำงานและเก็บข้อมูลได้ง่าย เเละ อ้างอิงจาก ไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino Mega ที่มีการใช้งานในโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวัดและควบคุมการเคลื่อนไหว 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


แนวทางการใช้ชีวิตกล่าวถึงความท้าทายเฉพาะอะไรบ้างในบริบทของการแพร่ระบาด เช่น COVID-19?

ช่วยให้การพัฒนาวัคซีนเร็วขึ้น

การใช้ชีวิตที่เน้นการติดตามข้อมูล จากแหล่งข้อมูลทางการแพทย์ เช่น การพัฒนาวัคซีนในช่วง COVID-19 มีความสำคัญในการเร่งกระบวนการพัฒนาวัคซีนและการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้ข้อมูลจากการวิจัยเชิงคลินิกที่สามารถปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว การเร่งกระบวนการพัฒนาวัคซีนและการรักษาในช่วงวิกฤต COVID-19 มีการใช้งานข้อมูลทางการแพทย์และการวิจัยเชิงคลินิกที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและปรับตัวตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการระบาดได้อย่างรวดเร็ว สามารถอ้างอิงจากการ พัฒนาวัคซีนและการวิจัยในช่วงวิกฤต COVID-19 ที่เน้นการอัปเดตข้อมูลอย่างรวดเร็ว 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


จากการศึกษาพบว่า อะไรคืออุปสรรคสำคัญในการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์

ปัญหาด้านอุปทานที่ส่งผลต่อการรักษาที่แนะนำ

ในการศึกษาทางการแพทย์ ปัญหาด้านอุปทาน เช่น การขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็นในการรักษา เป็นสิ่งที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการปฏิบัติการตามหลักเกณฑ์ทางคลินิก การจัดสรรทรัพยากรที่มีจำกัดอาจส่งผลให้ไม่สามารถให้การรักษาตามมาตรฐานที่แนะนำได้ ในหลายๆ สถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเช่น COVID-19 การจำกัดทรัพยากรที่มีอยู่จำเป็นต้องมีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดการอุปทานนี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาผู้ป่วยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่มีอยู่ อ้างอิงมาจาก การศึกษาและวิธีการทางการแพทย์ ในการจัดการทรัพยากรที่จำกัด 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


การศึกษาชี้ให้เห็นว่ามีความจำเป็นอย่างไรในการปรับปรุงการดำเนินการตามแนวทางการดำรงชีวิต

การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อการเผยแพร่แนวปฏิบัติ

การศึกษาที่เน้นการ ปรับปรุงการดำเนินการตามแนวทางการดำรงชีวิต ควรใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ในการเผยแพร่ข้อมูลที่ดี ช่วยให้การเรียนรู้หรือการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้ เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการเผยแพร่ข้อมูลช่วยให้การกระจายความรู้เกิดขึ้นในวงกว้างและมีผลกระทบมากขึ้นในสังคม โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการทางการแพทย์หรือการดูแลสุขภาพในสถานการณ์ที่ท้าทาย โดยอ้างอิงจากการศึกษาและ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เพื่อสนับสนุนการแพทย์และการวิจัย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


แนวทางการใช้ชีวิตมีบทบาทอย่างไรตามบทความ Australian living guidelines for the clinical care of people with COVID-19?

ข้อมูลเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นข้อมูลอ้างอิงหลักสำหรับ การรักษา โควิด -19

Australian living guidelines เป็นเอกสารที่ใช้ข้อมูลใหม่ ๆ เพื่อให้การรักษาในเชิงคลินิกมีความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่ได้รับการอัปเดตตามข้อมูลใหม่ ๆ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการดูแลผู้ป่วย COVID-19 โดยเน้นที่ มาตรการที่มีความยืดหยุ่น และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น Living Guidelines ใช้ข้อมูลและหลักฐานจากการวิจัยใหม่ๆ และมีการอัปเดตต่อเนื่อง โดยเน้นที่การปรับแนวทางปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา เช่น การตอบสนองต่อการระบาดของ COVID-19 เเละ อ้างอิงจาก Australian living guidelines และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ การดูแลทางคลินิกสำหรับ COVID-19 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


แนวทางการใช้ชีวิตได้รับการปรับปรุงอย่างไรเพื่อให้ยังคงมีความเกี่ยวข้องในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น โรคระบาด

โดยการเปลี่ยนผู้นำภายในคณะกรรมการแนวปฏิบัติ

การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงกระบวนการที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤต เช่น COVID-19 จำเป็นต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการจัดการผู้นำและทีมงานภายในองค์กรหรือกระบวนการ เพื่อให้การจัดการการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การนำการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้นำที่มีมิติจะช่วยให้กระบวนการในองค์กรปรับตัวได้เร็วขึ้น ในหลักการ การจัดการการเปลี่ยนแปลง (Change Management) การมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และสามารถปรับกระบวนการภายในองค์กรตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ้างอิงได้จากงานวิจัยและแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดการการเปลี่ยนแปลงในช่วงวิกฤต 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


อะไรคือจุดแข็งของแนวทางการใช้ชีวิตในช่วงโควิด -19 ของออสเตรเลีย

พวกเขาได้รับความไว้วางใจว่าเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้และมีหลักฐานเชิงประจักษ์

ในช่วงวิกฤตของ COVID-19 การใช้แนวทางที่มีความเชื่อมั่นและสามารถอ้างอิงได้จากข้อมูลเชิงประจักษ์ถือเป็นสิ่งสำคัญ แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และการรายงานจากองค์กรสุขภาพที่มีความน่าเชื่อถือ (เช่น WHO) ช่วยสร้างความมั่นใจในแผนการดูแลผู้ป่วยและมาตรการที่ดำเนินการ การตัดสินใจทางการแพทย์และสาธารณสุขควรอิงจาก หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤต เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เเละ อ้างอิงจาก ข้อปฏิบัติจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และงานวิจัยที่มีการทดสอบและประเมินผล 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


แนวทางปฏิบัติทางคลินิกตามการศึกษาวิจัยนี้มีผลกระทบอะไรบ้าง?

ลดความซับซ้อนของขั้นตอนการบริหาร

แนวทางปฏิบัติทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิจัยควรมีการจัดการที่ ลดความซับซ้อนของขั้นตอนการบริหาร เพื่อให้กระบวนการต่างๆ มีประสิทธิภาพและตรงไปตรงมา ซึ่งช่วยให้การนำข้อมูลจากการวิจัยไปใช้ในทางปฏิบัติสามารถทำได้ง่ายและเร็วขึ้น ลดความยุ่งยากในการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาในระบบสุขภาพ การปรับปรุง ระบบการบริหารจัดการในงานวิจัย เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้แนวทางปฏิบัติสามารถนำมาใช้ได้จริงในคลินิก การลดความซับซ้อนช่วยให้การตัดสินใจในกระบวนการรักษามีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยอ้างอิงจาก หลักการจัดการคลินิกและกระบวนการนำแนวทางวิจัยไปใช้ในภาคปฏิบัติ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


บทความ Australian living guidelines for the clinical care of people with COVID-19 นี้เสนอแนะแนวทางการใช้ชีวิตในอนาคตอย่างไร

สิ่งเหล่านี้อาจมีผลผูกพันทางกฎหมาย

บทความ Australian living guidelines for the clinical care of people with COVID-19 เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้หลักเกณฑ์ที่เป็น ข้อบังคับทางกฎหมาย ในการดูแลผู้ป่วย COVID-19 โดยมีการจัดการที่ชัดเจนและมีการตรวจสอบผลลัพธ์ตามกฎหมาย เพื่อให้การรักษามีมาตรฐานและมีความปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ป่วย หลักการใน living guidelines มีการกำหนดให้อัปเดตแนวทางการรักษาและการดูแลผู้ป่วยตามข้อมูลใหม่ที่มีอยู่ โดยสิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากมาตรการทางกฎหมายเพื่อให้มั่นใจว่าการดูแลเป็นไปตามมาตรฐานที่ถูกต้อง เเละ อ้างอิงจากแนวทางทางคลินิกที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานสุขภาพในประเทศออสเตรเลีย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


แนวทางการใช้ชีวิต (Living Guideline) คืออะไร

ทรัพยากรแบบไดนามิกที่ได้รับการอัปเดตเป็นประจำเมื่อมีข้อมูลใหม่

Living Guideline หมายถึงแนวทางปฏิบัติที่เป็นแบบไดนามิก ซึ่งจะถูกอัปเดตอย่างสม่ำเสมอเมื่อมีข้อมูลใหม่หรือหลักฐานเชิงประจักษ์เพิ่มเติม แนวทางนี้ช่วยให้แน่ใจว่าการตัดสินใจทางคลินิกอิงกับข้อมูลที่ทันสมัยที่สุด ลดความล้าสมัยของแนวทางเดิม ตัวอย่างการใช้ Living Guideline เช่น แนวทางการรักษาโรคติดเชื้อที่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ การอัปเดตข้อมูลใน Living Guideline เป็นแนวทางที่อิงกับ Evidence-Based Medicine (EBM) ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความแม่นยำในการตัดสินใจทางคลินิก เมื่อมีการค้นพบข้อมูลใหม่ แนวทางจะได้รับการปรับปรุงอย่างรวดเร็ว โดยอ้างอิงจากแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ Living Guidelines 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


แนวทางปฏิบัติทั่วไปในสถานพยาบาลใช้ร่วมกันมีอะไรบ้าง

เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจในการรักษา

แนวทางปฏิบัติในสถานพยาบาลเป็น เครื่องมือสำคัญในการช่วยแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการวินิจฉัยและการรักษา โดยอ้างอิงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Medicine) ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย ตามหลักการของ Clinical Practice Guidelines (CPGs) แนวทางปฏิบัติจะช่วยให้การตัดสินใจของบุคลากรทางการแพทย์มีมาตรฐานและเป็นระบบมากขึ้น โดยการวางแนวปฏิบัติที่ชัดเจนทำให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความแปรปรวนในวิธีการรักษา สามารถอ้างอิงจากแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์และบทความในวารสารวิชาการที่เกี่ยวข้อง 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 66.4 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา