1 |
What is the primary role of gallic acid in sustainable packaging as discussed in the article?
|
To enhance mechanical strength and UV barrier properties |
|
กรดแกลลิกเป็นสารประกอบธรรมชาติที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และสามารถเพิ่มความแข็งแรงทางกล และช่วยปรับปรุงคุณสมบัติกันยูวี ให้กับวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันรังสี UV ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์บูดเสียหายได้เร็วขึ้น |
กรดแกลลิกเป็นสารประกอบธรรมชาติที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น ชาและผลไม้บางชนิด โดยมีคุณสมบัติทางเคมีที่สำคัญคือ การต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องวัสดุจากการเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสกับแสงแดดหรืออุณหภูมิที่สูง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
According to the article, what effect does gallic acid have on the biodegradability of chitosan films?
|
It increases biodegradability |
|
กรดแกลลิกมีคุณสมบัติในการ ส่งเสริมกระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพ ของวัสดุ โดยเฉพาะในกรณีของฟิล์มที่ทำจาก ไคโตซาน ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ |
กรดแกลลิกเป็นสารประกอบธรรมชาติที่มีคุณสมบัติ pro-oxidant ซึ่งหมายถึงสารที่ช่วยกระตุ้นหรือเร่งกระบวนการออกซิเดชันในวัสดุ เมื่อกรดแกลลิกถูกเพิ่มลงในวัสดุที่ย่อยสลายได้ เช่น ฟิล์มไคโตซาน มันช่วยทำให้โครงสร้างของฟิล์มอ่อนแอลง ซึ่งทำให้จุลชีพสามารถทำลายและย่อยสลายวัสดุได้ง่ายขึ้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
How does gallic acid impact the antimicrobial properties of packaging materials?
|
It has a synergistic effect with nanoparticles to enhance antimicrobial properties |
|
กรดแกลลิกเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติต้านจุลชีพ โดยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรียและเชื้อราได้ผ่านกลไกต่างๆ เช่น การทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของจุลชีพหรือการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในเซลล์ |
กรดแกลลิกเป็นสารโพลีฟีนอลธรรมชาติที่มีคุณสมบัติ ต้านจุลชีพ ซึ่งหมายถึงมันสามารถยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส โดยการทำลายเยื่อหุ้มเซลล์จุลชีพหรือการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในเซลล์จุลชีพ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
If gallic acid improves oxygen scavenging capacity by 120 mg O2 per gram, how much oxygen can 10 grams of gallic acid scavenge?
|
1.2 mg O2 |
|
Oxygen scavenged = Oxygen scavengenging capacity per gram x Mass |
แทนสูตร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
Given that adding gallic acid at 0.5% to a polymer increases its tensile strength by 15%, how much would the tensile strength increase if 2% gallic acid is added, assuming the relationship is linear?
|
60% |
|
ถ้า 0.5% กรดแกลลิกเพิ่มความแข็งแรง 15% ดังนั้น เมื่อใช้ 2% กรดแกลลิก (ซึ่งเป็น 4 เท่าของ 0.5%) ความแข็งแรงจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าของ 15% คือ 60%
ด้วยความสัมพันธ์เชิงเส้น การเพิ่มกรดแกลลิกจาก 0.5% เป็น 2% จะทำให้ความแข็งแรงเพิ่มขึ้นเป็น 60% โดยไม่ต้องมีการคำนวณซับซ้อนอื่นๆ |
แทนสูตร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
If the water vapor permeability of a packaging film decreases by 10% with each 0.1% increase in gallic acid content, what is the decrease in permeability when the content is increased from 0.1% to 0.5%?
|
40% |
|
10 x 4 =40 |
แทนสูตร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
What is a significant benefit of using gallic acid in food packaging according to the article?
|
It significantly extends the shelf life of food products |
|
กรดแกลลิก มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยยับยั้งกระบวนการออกซิเดชันที่เกิดขึ้นในอาหาร เช่น การเกิดการบูดเสียหรือการสูญเสียสารอาหาร โดยการต้านอนุมูลอิสระจะชะลอการเสื่อมสภาพของอาหาร ทำให้อายุการเก็บรักษานานขึ้น |
กรดแกลลิก เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชัน ซึ่งช่วยชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ทำให้สารอาหารในอาหารเสื่อมสภาพ เช่น การเกิดรสขมหรือการสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ โดยการชะลอกระบวนการนี้ช่วยให้สินค้าคงคุณภาพได้นานขึ้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
Which of the following is not a property affected by gallic acid in food packaging materials?
|
Aroma of the food product |
|
กรดแกลลิกมีคุณสมบัติที่เด่นชัดในการ ต้านจุลชีพ , เพิ่มความสามารถในการกันแสง UV เพิ่มความแข็งแรงของวัสดุ , และ การดูดซับออกซิเจน ซึ่งช่วยในการเก็บรักษาคุณภาพของอาหารและยืดอายุการเก็บรักษา |
กรดแกลลิกมีคุณสมบัติสำคัญในการ ต้านจุลชีพ, ต้านออกซิเดชัน, และ เพิ่มความสามารถในการดูดซับออกซิเจน ซึ่งช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์อาหาร โดยการป้องกันการเสื่อมสภาพที่เกิดจากแบคทีเรีย, รา, หรืออนุมูลอิสระ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
What sustainability challenge does gallic acid address when used in packaging?
|
Reducing plastic waste and enhancing biodegradability |
|
กรดแกลลิก ถูกใช้ในวัสดุบรรจุภัณฑ์เพื่อ เพิ่มความสามารถในการย่อยสลายทางชีวภาพ ของวัสดุ เช่น ฟิล์มจากไคโตซาน ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเมื่อเทียบกับพลาสติกแบบดั้งเดิม |
วัสดุพลาสติกทั่วไปใช้เวลานานมากในการย่อยสลายและเป็นแหล่งสะสมขยะที่ยาวนานในธรรมชาติ จึงมีการพัฒนาวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายกว่า เช่น วัสดุบรรจุภัณฑ์จากไคโตซานหรือวัสดุชีวภาพอื่นๆ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
Which of the following is a future research direction for gallic acid mentioned in the article?
|
Exploring its pro-oxidative activities and interactions with food |
|
กรดแกลลิกมีคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชัน (antioxidant) แต่ก็สามารถมีผลกระทบในบางกรณีที่อาจจะทำให้เกิดการออกซิเดชันในบางสถานการณ์ เช่น เมื่อมีการปฏิกิริยากับสารในอาหาร |
กรดแกลลิกเป็นสารที่สามารถมีทั้งคุณสมบัติต้านออกซิเดชัน และกระตุ้นการออกซิเดชัน ขึ้นอยู่กับบริบทและสภาวะแวดล้อมที่มันมีปฏิสัมพันธ์ การศึกษากิจกรรมทางออกซิเดชันของกรดแกลลิกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับคุณภาพของอาหาร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
What is the primary reason CCUS is considered essential for achieving carbon neutrality in India by 2070?
|
To manage and reduce CO2 emissions from heavy industries. |
|
ในประเทศอินเดีย อุตสาหกรรมหนัก เช่น ซีเมนต์ เหล็ก และเคมีภัณฑ์ เป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่สำคัญ ซึ่งยากที่จะลดลงได้โดยการใช้พลังงานทดแทนเพียงอย่างเดียว การใช้เทคโนโลยี CCUS ช่วยจับและเก็บ CO2 ที่ปล่อยออกมาเหล่านี้ จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อย CO2 จากอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ |
อุตสาหกรรมหนัก เช่น ซีเมนต์ เหล็ก และเคมีภัณฑ์ เป็นแหล่งหลักที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ในปริมาณมาก การลดการปล่อย CO2 จากแหล่งเหล่านี้เป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากการผลิตในอุตสาหกรรมเหล่านี้มักใช้กระบวนการที่ต้องการพลังงานจากฟอสซิล การพึ่งพาพลังงานทดแทนไม่สามารถทำได้ในทันที |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
According to the article, how does the Indian government aim to support the implementation of CCUS technology?
|
By providing subsidies and funding for CCUS research and development. |
|
การให้การสนับสนุนทางการเงินและการวิจัยจะช่วยให้มีการพัฒนาเทคโนโลยี CCUS ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ในอินเดีย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ปล่อย CO2 สูง การลงทุนนี้จะช่วยลดต้นทุนในการใช้งานและเพิ่มความสามารถในการจัดการกับการปล่อย CO2 จากอุตสาหกรรมหนัก |
เพื่อที่จะทำให้เทคโนโลยี CCUS สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในประเทศอินเดีย รัฐบาลจึงมุ่งเน้นการให้การสนับสนุนทางการเงินและการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ โดยการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา จะช่วยให้เทคโนโลยี CCUS มีความพร้อมในการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
What are the anticipated benefits of integrating CCUS technology in thermal power plants by 2030?
|
Significant reduction in CO2 emissions contributing to decarbonization goals. |
|
เทคโนโลยี CCUS ถูกออกแบบมาเพื่อดักจับและจัดเก็บ CO2 ที่ปล่อยออกจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยลดการปล่อย CO2 จากกระบวนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอน ของประเทศต่างๆ รวมถึงอินเดีย |
Carbon Capture, Utilization, and Storage คือเทคโนโลยีที่ช่วยดักจับและเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ปล่อยออกมาจากแหล่งอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ซึ่งเป็นแหล่งปล่อย CO2 ที่ใหญ่ การใช้เทคโนโลยีนี้ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนช่วยลดการปล่อย CO2 ไปยังบรรยากาศ โดยการดักจับและเก็บไว้ในที่เก็บหรือใช้ประโยชน์ในภาคส่วนอื่น เช่น อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
If a CCUS facility captures 2 million metric tonnes of CO2 annually from a power plant, how much CO2 is captured in 5 years?
|
10 million metric tonnes |
|
2 x 5 =10 |
แทนสูตร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
Given the current rate of CO2 emissions reduction targets, if India needs to reduce emissions by 50% by 2050 from a baseline of 3 billion metric tonnes, what will be the target emissions per year by 2050?
|
1.5 billion metric tonnes |
|
3 - 1.5 =1.5 |
แทนสูตร |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
If CO2 emissions from the power sector are reduced by 25% from an initial value of 1200 mtpa due to CCUS, what are the new emission levels?
|
900 mtpa |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
What is the main driver for the adoption of CCUS technology in India?
|
To meet international climate agreements. |
|
การนำเทคโนโลยี CCUS มาใช้ในอินเดียเป็นการตอบสนองต่อความมุ่งมั่นที่ประเทศได้ทำไว้ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามข้อผูกมัดในข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศระดับสากล เช่น ข้อตกลงปารีส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2070 โดย CCUS ช่วยลดปริมาณ CO2 ที่ปล่อยออกจากอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ |
การตอบคำถามนี้อ้างอิงจากทฤษฎีของการดำเนินการทางด้านนโยบายสภาพภูมิอากาศในระดับโลก ซึ่งหลายประเทศรวมถึงอินเดียได้ลงนามในข้อตกลงปารีส เพื่อร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและควบคุมภาวะโลกร้อน ข้อตกลงนี้กำหนดให้ทุกประเทศมีเป้าหมายลดการปล่อย CO2 และบรรลุภาวะคาร์บอนเป็นกลางในอนาคต ซึ่งการใช้เทคโนโลยี CCUS ช่วยในการจับและเก็บ CO2 ที่ปล่อยออกจากแหล่งกำเนิด เช่น โรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมการผลิต เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถลดปริมาณ CO2 ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ช่วยให้ประเทศต่าง ๆ สามารถบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนได้ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
What sector is anticipated to benefit most from CCUS according to the article?
|
Heavy industry |
|
CCUS ถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดสำหรับ อุตสาหกรรมหนัก เช่น การผลิตปูนซีเมนต์ เหล็ก และสารเคมี เพราะอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่สำคัญ การลดการปล่อย CO2 จากอุตสาหกรรมหนักนั้นเป็นความท้าทาย เนื่องจากกระบวนการผลิตในภาคนี้มักจะใช้พลังงานจากฟอสซิลและปล่อย CO2 ในปริมาณสูง |
การใช้เทคโนโลยี CCUSในอุตสาหกรรมหนักมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากอุตสาหกรรมหนัก เป็นแหล่งปล่อย CO2 ที่ใหญ่และยากต่อการลดลงผ่านการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความร้อนหรือการเผาไหม้ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
Which technology is critical for achieving India's climate goals according to the article?
|
Carbon capture, utilization, and storage |
|
เทคโนโลยี Carbon Capture, Utilization, and Storage ถูกระบุว่าเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของอินเดีย เนื่องจาก CCUS ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกหลักจากอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า การใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้อินเดียสามารถลดการปล่อย CO2 ได้โดยที่ไม่ต้องหยุดการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยทันที ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของอินเดียในการบรรลุ “คาร์บอนเป็นกลาง” ภายในปี 2070 การใช้ CCUS จึงเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการเต |
ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน ในอนาคต เทคโนโลยี Carbon Capture, Utilization, and Storage มีบทบาทสำคัญ เนื่องจากสามารถจับ CO2 ที่ปล่อยออกจากกระบวนการอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งปล่อย CO2 หลัก โดยไม่ต้องหยุดการใช้งานโรงงานหรือการผลิตพลังงานจากแหล่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทันที ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ยังคงต้องการพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมเพื่อความยั่งยืนในอนาคต |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
What is the expected impact of CCUS on India's CO2 emissions by 2050?
|
Decrease by 50% |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|