ตรวจข้อสอบ > พีรดนย์ รัศมีสุขนานนท์ > ความถนัดเคมีเชิงวิศวกรรมศาสตร์ | Engineering Chemistry Aptitude > Part 2 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 22 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is the primary role of gallic acid in sustainable packaging as discussed in the article?

To enhance mechanical strength and UV barrier properties

กรดแกลลิกเป็นสารประกอบธรรมชาติที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และสามารถเพิ่มความแข็งแรงทางกล และช่วยปรับปรุงคุณสมบัติกันยูวี ให้กับวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันรังสี UV ซึ่งเป็นปัจจัยที่สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์บูดเสียหายได้เร็วขึ้น กรดแกลลิกเป็นสารประกอบธรรมชาติที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น ชาและผลไม้บางชนิด โดยมีคุณสมบัติทางเคมีที่สำคัญคือ การต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องวัสดุจากการเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสกับแสงแดดหรืออุณหภูมิที่สูง 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


According to the article, what effect does gallic acid have on the biodegradability of chitosan films?

It increases biodegradability

กรดแกลลิกมีคุณสมบัติในการ ส่งเสริมกระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพ ของวัสดุ โดยเฉพาะในกรณีของฟิล์มที่ทำจาก ไคโตซาน ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ กรดแกลลิกเป็นสารประกอบธรรมชาติที่มีคุณสมบัติ pro-oxidant ซึ่งหมายถึงสารที่ช่วยกระตุ้นหรือเร่งกระบวนการออกซิเดชันในวัสดุ เมื่อกรดแกลลิกถูกเพิ่มลงในวัสดุที่ย่อยสลายได้ เช่น ฟิล์มไคโตซาน มันช่วยทำให้โครงสร้างของฟิล์มอ่อนแอลง ซึ่งทำให้จุลชีพสามารถทำลายและย่อยสลายวัสดุได้ง่ายขึ้น 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


How does gallic acid impact the antimicrobial properties of packaging materials?

It has a synergistic effect with nanoparticles to enhance antimicrobial properties

กรดแกลลิกเป็นสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติต้านจุลชีพ โดยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรียและเชื้อราได้ผ่านกลไกต่างๆ เช่น การทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของจุลชีพหรือการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในเซลล์ กรดแกลลิกเป็นสารโพลีฟีนอลธรรมชาติที่มีคุณสมบัติ ต้านจุลชีพ ซึ่งหมายถึงมันสามารถยับยั้งการเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา หรือไวรัส โดยการทำลายเยื่อหุ้มเซลล์จุลชีพหรือการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในเซลล์จุลชีพ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


If gallic acid improves oxygen scavenging capacity by 120 mg O2 per gram, how much oxygen can 10 grams of gallic acid scavenge?

1.2 mg O2

Oxygen scavenged = Oxygen scavengenging capacity per gram x Mass แทนสูตร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


Given that adding gallic acid at 0.5% to a polymer increases its tensile strength by 15%, how much would the tensile strength increase if 2% gallic acid is added, assuming the relationship is linear?

60%

ถ้า 0.5% กรดแกลลิกเพิ่มความแข็งแรง 15% ดังนั้น เมื่อใช้ 2% กรดแกลลิก (ซึ่งเป็น 4 เท่าของ 0.5%) ความแข็งแรงจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าของ 15% คือ 60% ด้วยความสัมพันธ์เชิงเส้น การเพิ่มกรดแกลลิกจาก 0.5% เป็น 2% จะทำให้ความแข็งแรงเพิ่มขึ้นเป็น 60% โดยไม่ต้องมีการคำนวณซับซ้อนอื่นๆ แทนสูตร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


If the water vapor permeability of a packaging film decreases by 10% with each 0.1% increase in gallic acid content, what is the decrease in permeability when the content is increased from 0.1% to 0.5%?

40%

10 x 4 =40 แทนสูตร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


What is a significant benefit of using gallic acid in food packaging according to the article?

It significantly extends the shelf life of food products

กรดแกลลิก มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยยับยั้งกระบวนการออกซิเดชันที่เกิดขึ้นในอาหาร เช่น การเกิดการบูดเสียหรือการสูญเสียสารอาหาร โดยการต้านอนุมูลอิสระจะชะลอการเสื่อมสภาพของอาหาร ทำให้อายุการเก็บรักษานานขึ้น กรดแกลลิก เป็นสารที่มีคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชัน ซึ่งช่วยชะลอการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันที่ทำให้สารอาหารในอาหารเสื่อมสภาพ เช่น การเกิดรสขมหรือการสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ โดยการชะลอกระบวนการนี้ช่วยให้สินค้าคงคุณภาพได้นานขึ้น 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


Which of the following is not a property affected by gallic acid in food packaging materials?

Aroma of the food product

กรดแกลลิกมีคุณสมบัติที่เด่นชัดในการ ต้านจุลชีพ , เพิ่มความสามารถในการกันแสง UV เพิ่มความแข็งแรงของวัสดุ , และ การดูดซับออกซิเจน ซึ่งช่วยในการเก็บรักษาคุณภาพของอาหารและยืดอายุการเก็บรักษา กรดแกลลิกมีคุณสมบัติสำคัญในการ ต้านจุลชีพ, ต้านออกซิเดชัน, และ เพิ่มความสามารถในการดูดซับออกซิเจน ซึ่งช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์อาหาร โดยการป้องกันการเสื่อมสภาพที่เกิดจากแบคทีเรีย, รา, หรืออนุมูลอิสระ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


What sustainability challenge does gallic acid address when used in packaging?

Reducing plastic waste and enhancing biodegradability

กรดแกลลิก ถูกใช้ในวัสดุบรรจุภัณฑ์เพื่อ เพิ่มความสามารถในการย่อยสลายทางชีวภาพ ของวัสดุ เช่น ฟิล์มจากไคโตซาน ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเมื่อเทียบกับพลาสติกแบบดั้งเดิม วัสดุพลาสติกทั่วไปใช้เวลานานมากในการย่อยสลายและเป็นแหล่งสะสมขยะที่ยาวนานในธรรมชาติ จึงมีการพัฒนาวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายกว่า เช่น วัสดุบรรจุภัณฑ์จากไคโตซานหรือวัสดุชีวภาพอื่นๆ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


Which of the following is a future research direction for gallic acid mentioned in the article?

Exploring its pro-oxidative activities and interactions with food

กรดแกลลิกมีคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชัน (antioxidant) แต่ก็สามารถมีผลกระทบในบางกรณีที่อาจจะทำให้เกิดการออกซิเดชันในบางสถานการณ์ เช่น เมื่อมีการปฏิกิริยากับสารในอาหาร กรดแกลลิกเป็นสารที่สามารถมีทั้งคุณสมบัติต้านออกซิเดชัน และกระตุ้นการออกซิเดชัน ขึ้นอยู่กับบริบทและสภาวะแวดล้อมที่มันมีปฏิสัมพันธ์ การศึกษากิจกรรมทางออกซิเดชันของกรดแกลลิกจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับคุณภาพของอาหาร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is the primary reason CCUS is considered essential for achieving carbon neutrality in India by 2070?

To manage and reduce CO2 emissions from heavy industries.

ในประเทศอินเดีย อุตสาหกรรมหนัก เช่น ซีเมนต์ เหล็ก และเคมีภัณฑ์ เป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ที่สำคัญ ซึ่งยากที่จะลดลงได้โดยการใช้พลังงานทดแทนเพียงอย่างเดียว การใช้เทคโนโลยี CCUS ช่วยจับและเก็บ CO2 ที่ปล่อยออกมาเหล่านี้ จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการปล่อย CO2 จากอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ อุตสาหกรรมหนัก เช่น ซีเมนต์ เหล็ก และเคมีภัณฑ์ เป็นแหล่งหลักที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ในปริมาณมาก การลดการปล่อย CO2 จากแหล่งเหล่านี้เป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากการผลิตในอุตสาหกรรมเหล่านี้มักใช้กระบวนการที่ต้องการพลังงานจากฟอสซิล การพึ่งพาพลังงานทดแทนไม่สามารถทำได้ในทันที 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


According to the article, how does the Indian government aim to support the implementation of CCUS technology?

By providing subsidies and funding for CCUS research and development.

การให้การสนับสนุนทางการเงินและการวิจัยจะช่วยให้มีการพัฒนาเทคโนโลยี CCUS ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ในอินเดีย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ปล่อย CO2 สูง การลงทุนนี้จะช่วยลดต้นทุนในการใช้งานและเพิ่มความสามารถในการจัดการกับการปล่อย CO2 จากอุตสาหกรรมหนัก เพื่อที่จะทำให้เทคโนโลยี CCUS สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในประเทศอินเดีย รัฐบาลจึงมุ่งเน้นการให้การสนับสนุนทางการเงินและการวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ โดยการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา จะช่วยให้เทคโนโลยี CCUS มีความพร้อมในการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What are the anticipated benefits of integrating CCUS technology in thermal power plants by 2030?

Significant reduction in CO2 emissions contributing to decarbonization goals.

เทคโนโลยี CCUS ถูกออกแบบมาเพื่อดักจับและจัดเก็บ CO2 ที่ปล่อยออกจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ซึ่งเป็นแหล่งใหญ่ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยลดการปล่อย CO2 จากกระบวนการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอน ของประเทศต่างๆ รวมถึงอินเดีย Carbon Capture, Utilization, and Storage คือเทคโนโลยีที่ช่วยดักจับและเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ปล่อยออกมาจากแหล่งอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังความร้อน ซึ่งเป็นแหล่งปล่อย CO2 ที่ใหญ่ การใช้เทคโนโลยีนี้ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนช่วยลดการปล่อย CO2 ไปยังบรรยากาศ โดยการดักจับและเก็บไว้ในที่เก็บหรือใช้ประโยชน์ในภาคส่วนอื่น เช่น อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


If a CCUS facility captures 2 million metric tonnes of CO2 annually from a power plant, how much CO2 is captured in 5 years?

10 million metric tonnes

2 x 5 =10 แทนสูตร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


Given the current rate of CO2 emissions reduction targets, if India needs to reduce emissions by 50% by 2050 from a baseline of 3 billion metric tonnes, what will be the target emissions per year by 2050?

1.5 billion metric tonnes

3 - 1.5 =1.5 แทนสูตร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


If CO2 emissions from the power sector are reduced by 25% from an initial value of 1200 mtpa due to CCUS, what are the new emission levels?

900 mtpa

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


What is the main driver for the adoption of CCUS technology in India?

To meet international climate agreements.

การนำเทคโนโลยี CCUS มาใช้ในอินเดียเป็นการตอบสนองต่อความมุ่งมั่นที่ประเทศได้ทำไว้ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตามข้อผูกมัดในข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศระดับสากล เช่น ข้อตกลงปารีส ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2070 โดย CCUS ช่วยลดปริมาณ CO2 ที่ปล่อยออกจากอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ การตอบคำถามนี้อ้างอิงจากทฤษฎีของการดำเนินการทางด้านนโยบายสภาพภูมิอากาศในระดับโลก ซึ่งหลายประเทศรวมถึงอินเดียได้ลงนามในข้อตกลงปารีส เพื่อร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและควบคุมภาวะโลกร้อน ข้อตกลงนี้กำหนดให้ทุกประเทศมีเป้าหมายลดการปล่อย CO2 และบรรลุภาวะคาร์บอนเป็นกลางในอนาคต ซึ่งการใช้เทคโนโลยี CCUS ช่วยในการจับและเก็บ CO2 ที่ปล่อยออกจากแหล่งกำเนิด เช่น โรงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมการผลิต เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถลดปริมาณ CO2 ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ช่วยให้ประเทศต่าง ๆ สามารถบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนได้ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


What sector is anticipated to benefit most from CCUS according to the article?

Heavy industry

CCUS ถูกมองว่าเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดสำหรับ อุตสาหกรรมหนัก เช่น การผลิตปูนซีเมนต์ เหล็ก และสารเคมี เพราะอุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่สำคัญ การลดการปล่อย CO2 จากอุตสาหกรรมหนักนั้นเป็นความท้าทาย เนื่องจากกระบวนการผลิตในภาคนี้มักจะใช้พลังงานจากฟอสซิลและปล่อย CO2 ในปริมาณสูง การใช้เทคโนโลยี CCUSในอุตสาหกรรมหนักมีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากอุตสาหกรรมหนัก เป็นแหล่งปล่อย CO2 ที่ใหญ่และยากต่อการลดลงผ่านการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตที่ต้องใช้ความร้อนหรือการเผาไหม้ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


Which technology is critical for achieving India's climate goals according to the article?

Carbon capture, utilization, and storage

เทคโนโลยี Carbon Capture, Utilization, and Storage ถูกระบุว่าเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของอินเดีย เนื่องจาก CCUS ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกหลักจากอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า การใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้อินเดียสามารถลดการปล่อย CO2 ได้โดยที่ไม่ต้องหยุดการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยทันที ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของอินเดียในการบรรลุ “คาร์บอนเป็นกลาง” ภายในปี 2070 การใช้ CCUS จึงเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการเต ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรลุเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน ในอนาคต เทคโนโลยี Carbon Capture, Utilization, and Storage มีบทบาทสำคัญ เนื่องจากสามารถจับ CO2 ที่ปล่อยออกจากกระบวนการอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นแหล่งปล่อย CO2 หลัก โดยไม่ต้องหยุดการใช้งานโรงงานหรือการผลิตพลังงานจากแหล่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทันที ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ยังคงต้องการพัฒนาแหล่งพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลมเพื่อความยั่งยืนในอนาคต 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


What is the expected impact of CCUS on India's CO2 emissions by 2050?

Decrease by 50%

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 121 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา