ตรวจข้อสอบ > พัชราภา รัตนติสร้อย > ชีววิทยาเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biology in Medical Science > Part 2 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 52 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is the primary function of AI in the medical imaging industry?

To improve diagnostic accuracy and patient outcomes

การวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์: AI สามารถวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์, MRI, CT scan และภาพทางการแพทย์อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำสูงกว่ามนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตรวจหาความผิดปกติที่ซับซ้อนหรือเล็กน้อย ซึ่งอาจมองข้ามได้โดยแพทย์ การสนับสนุนการตัดสินใจของแพทย์: AI ทำหน้าที่เสมือนผู้ช่วยแพทย์ โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและความน่าจะเป็นของโรคต่างๆ ช่วยให้แพทย์สามารถตัดสินใจในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น: AI สามารถตรวจพบสัญญาณของโรคบางชนิดได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้การรักษาเป็นไปได้ผลดีขึ้นและลดอัตราการเสียชีวิต การปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน: AI สามารถทำงานได้ตลอดเวลาและไม่เหนื่อยล้า ช่วยลดภาระงานของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์รายอื่นๆ ทำให้มีเวลาให้บริการผู้ป่วยได้มากขึ้น การลดความผิดพลาด: AI สามารถช่วยลดความผิดพลาดในการวินิจฉัยที่อาจเกิดจากความเหนื่อยล้าหรือความผิดพลาดของมนุษย์ Deep Learning: เทคโนโลยี Deep Learning ทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาลและค้นพบรูปแบบที่ซับซ้อนในภาพทางการแพทย์ได้ Computer Vision: AI สามารถวิเคราะห์ภาพและวิดีโอได้เหมือนกับมนุษย์ ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ได้ Natural Language Processing: AI สามารถเข้าใจและประมวลผลภาษาธรรมชาติ ทำให้สามารถนำไปใช้ในการสร้างรายงานทางการแพทย์และสื่อสารกับแพทย์ได้ งานวิจัยและบทความทางวิชาการจำนวนมาก ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ AI ในการปรับปรุงความแม่นยำในการวินิจฉัยและผลลัพธ์ของผู้ป่วย ตัวอย่างเช่น การใช้ AI ในการตรวจหาเนื้องอกในสมอง, มะเร็งเต้านม, และโรคปอด 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


Which of the following is a key benefit of AI in radiology noted in the article?

Acts as a second medical opinion

AI สามารถวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้แพทย์มีข้อมูลเพิ่มเติมในการวินิจฉัยโรค AI สามารถตรวจพบความผิดปกติที่อาจมองข้ามได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย AI สามารถช่วยลดภาระงานของรังสีแพทย์ ทำให้มีเวลาให้การดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้น การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning): AI ถูกพัฒนาให้เรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก ทำให้สามารถระบุรูปแบบและความสัมพันธ์ในภาพทางการแพทย์ได้ เครือข่ายประสาทเทียม (Neural Network): เทคโนโลยีนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของ AI ในการวิเคราะห์ภาพ โดยเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ การวิจัยทางการแพทย์: มีงานวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ AI ในการช่วยวินิจฉัยโรคต่างๆ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


What does AI literacy refer to according to the article?

Understanding and knowledge of AI technology

AI Literacy หมายถึง ความสามารถในการเข้าใจ วิเคราะห์ และประเมินผลเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างถูกต้องและมีวิจารณญาณ ความเข้าใจ ในที่นี้รวมถึงการรู้จักหลักการทำงาน เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการนำ AI มาใช้งาน ความรู้ เกี่ยวกับ AI ครอบคลุมตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เช่น การรู้จัก AI คืออะไร ไปจนถึงระดับที่เชิงลึก เช่น การเข้าใจอัลกอริทึมต่างๆ ที่ใช้ในการสร้าง AI แนวคิดหลัก: AI Literacy เป็นทักษะที่สำคัญมากในยุคดิจิทัล เพราะ AI กำลังเข้ามามีบทบาทในทุกๆ ด้านของชีวิต การที่เราเข้าใจ AI จะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่ และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จาก AI ได้อย่างถูกต้อง การอ้างอิง: แนวคิดนี้สอดคล้องกับงานวิจัยและบทความต่างๆ เกี่ยวกับ AI Literacy ที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้ความรู้เกี่ยวกับ AI แก่บุคคลทั่วไป เพื่อให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาและกำหนดอนาคตของเทคโนโลยี AI ได้อย่างมีส่วนร่วม 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


Which factor is NOT listed as influencing the acceptability of AI among healthcare professionals?

The color of the AI machines

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องโดยตรง: ความเชื่อมั่นในระบบ AI: ผู้ประกอบการต้องมั่นใจว่า AI มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือในการวินิจฉัยและรักษา การผสานรวม AI เข้ากับกระบวนการทำงานเดิม: AI ต้องทำงานร่วมกับระบบที่มีอยู่ได้อย่างราบรื่น ความเข้าใจระบบ: ผู้ประกอบการต้องเข้าใจหลักการทำงานของ AI เพื่อนำไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความพร้อมรับเทคโนโลยี: ทัศนคติของบุคลากรที่มีต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ มีผลต่อการยอมรับ AI สีของเครื่องจักร AI: เป็นปัจจัยทางกายภาพที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับประสิทธิภาพหรือความน่าเชื่อถือของ AI สีอาจมีผลต่อภาพลักษณ์หรือการตลาด แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการตัดสินใจนำ AI มาใช้ในทางการแพทย์ Human-Computer Interaction (HCI): ทฤษฎีนี้ศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ โดยเน้นที่ปัจจัยทางจิตวิทยา สังคม และองค์กรที่ส่งผลต่อการใช้งานเทคโนโลยี Technology Acceptance Model (TAM): เป็นแบบจำลองที่ใช้ในการทำความเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กร 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


What role does social influence play in AI acceptability in healthcare according to the article?

Affects healthcare professionals’ decisions to use AI

อิทธิพลทางสังคมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดพฤติกรรมของบุคคล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ด้วย เมื่อบุคลากรเหล่านี้เห็นเพื่อนร่วมงานหรือผู้เชี่ยวชาญในสาขาเดียวกันยอมรับและใช้ AI ในการทำงาน ก็มีแนวโน้มที่จะเปิดใจและยอมรับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น การรับรู้และความเชื่อเกี่ยวกับ AI ของบุคลากรทางการแพทย์มักได้รับอิทธิพลจากปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมงาน การเข้าร่วมการประชุมทางวิชาการ และการอ่านบทความวิชาการต่าง ๆ จะช่วยสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นเกี่ยวกับประโยชน์และความปลอดภัยของ AI บรรทัดฐานทางสังคม หรือความคาดหวังที่กลุ่มสังคมมีต่อสมาชิกก็มีผลต่อการตัดสินใจใช้ AI ของบุคลากรทางการแพทย์ เช่น หากบรรทัดฐานในองค์กรส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ บุคลากรก็จะมีแนวโน้มที่จะยอมรับ AI มากขึ้น ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social learning theory) ของ Albert Bandura อธิบายว่าบุคคลเรียนรู้พฤติกรรมใหม่ ๆ ผ่านการสังเกตและเลียนแบบผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่ตนเองให้ความเคารพและเชื่อถือ ทฤษฎีการรับรู้ (Theory of planned behavior) ของ Ajzen อธิบายว่าเจตนาที่จะปฏิบัติพฤติกรรมหนึ่ง ๆ ขึ้นอยู่กับทัศนคติต่อพฤติกรรมนั้น ความเชื่อของกลุ่มสังคม และการควบคุมพฤติกรรมที่รับรู้ได้ การตัดสินใจใช้ AI ของบุคลากรทางการแพทย์ก็สอดคล้องกับทฤษฎีนี้เช่นกัน งานวิจัยหลายชิ้น พบว่าปัจจัยทางสังคม เช่น การสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงาน การฝึกอบรม และวัฒนธรรมองค์กร มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการยอมรับและการใช้ AI ในวงการแพทย์ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


What is a perceived threat regarding AI usage in healthcare settings?

Concerns about replacing healthcare professionals

ความกังวลหลักเกี่ยวกับการใช้ AI ในสาขาการแพทย์คือ ความกลัวว่า AI จะเข้ามาแทนที่แพทย์ พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพคนอื่นๆ แม้ว่า AI จะมีศักยภาพในการช่วยเหลือและเสริมสร้างความสามารถของมนุษย์ แต่ก็ยังมีข้อจำกัดและความไม่แน่นอนหลายประการที่ทำให้เกิดความกังวลนี้ การขาดความเข้าใจ: หลายคนยังไม่เข้าใจถึงศักยภาพและข้อจำกัดของ AI ทำให้เกิดความกลัวว่า AI จะเข้ามาควบคุมการตัดสินใจทางการแพทย์ทั้งหมด ความไว้วางใจ: ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงต้องการการดูแลจากมนุษย์ และมีความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของการวินิจฉัยและการรักษาที่เกิดจาก AI จริยธรรม: การนำ AI มาใช้ในการดูแลสุขภาพเกี่ยวข้องกับประเด็นทางจริยธรรมที่ซับซ้อน เช่น ความรับผิดชอบเมื่อเกิดความผิดพลาด การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยี แนวคิดหลักที่สนับสนุนคำตอบนี้คือ ความไม่แน่นอนของเทคโนโลยีใหม่ เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาในสังคม มักจะเกิดความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น การใช้ AI ในสาขาการแพทย์ก็เช่นกัน แม้ว่าจะมีศักยภาพในการพัฒนาการดูแลสุขภาพ แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา งานวิจัยและบทความหลายชิ้น ได้กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับการแทนที่แรงงานมนุษย์โดย AI ในหลากหลายสาขา รวมถึงสาขาการแพทย์ การศึกษา และอุตสาหกรรมอื่นๆ การศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าความกังวลนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


According to the article, what is essential for increasing AI acceptability among medical professionals?

Designing human-centred AI systems

ความไว้วางใจ: ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จำเป็นต้องไว้วางใจในระบบ AI ก่อนที่จะนำมาใช้งานจริง การออกแบบระบบที่เข้าใจง่าย มีความโปร่งใส และสามารถอธิบายการทำงานได้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น การทำงานร่วมกัน: ระบบ AI ควรออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกับมนุษย์ ไม่ใช่มาแทนที่ การออกแบบที่มุ่งเน้นมนุษย์จะช่วยให้แพทย์สามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ความปลอดภัยของผู้ป่วย: การตัดสินใจทางการแพทย์มีความสำคัญต่อชีวิตของผู้ป่วย การออกแบบระบบ AI ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและมีกลไกในการตรวจสอบความถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดข้อผิดพลาด Human-Centered Design: เป็นแนวคิดการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งเน้นไปที่ความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้ Trust in AI: มีงานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาเกี่ยวกับความไว้วางใจใน AI โดยเฉพาะในบริบททางการแพทย์ การสร้างความไว้วางใจเป็นปัจจัยสำคัญในการนำ AI มาใช้งานอย่างแพร่หลาย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


What does the 'system usage' category of AI acceptability factors include according to the article?

Factors like value proposition and integration with workflows

ระโยชน์ที่ได้รับ (Value Proposition): AI นั้นต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้จริง เช่น ช่วยประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ การผสานรวมกับกระบวนการทำงาน (Integration with Workflows): AI ต้องสามารถทำงานร่วมกับระบบและซอฟต์แวร์อื่น ๆ ที่มีอยู่เดิมได้อย่างราบรื่น ไม่สร้างความยุ่งยากในการใช้งาน ทฤษฎีการยอมรับนวัตกรรม (Technology Acceptance Model - TAM): ทฤษฎีนี้เป็นที่รู้จักกันดีในการศึกษาพฤติกรรมการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความง่ายในการใช้งาน (ease of use) และประโยชน์ที่ได้รับ (perceived usefulness) ซึ่งสอดคล้องกับหมวดหมู่ "การใช้งานระบบ" ที่กล่าวถึง 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


How does ethicality impact AI acceptability among healthcare professionals?

Affects views on AI based on compatibility with professional values

จริยธรรมเป็นแกนหลักของวิชาชีพการแพทย์: บุคลากรทางการแพทย์มีค่านิยมและจริยธรรมที่ฝังรากลึกเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย การรักษาความลับของข้อมูล และการให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์ การนำ AI เข้ามาใช้จึงต้องสอดคล้องกับหลักการเหล่านี้ มิฉะนั้นจะถูกมองว่าขัดแย้งกับจริยธรรมทางการแพทย์ ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพ: บุคลากรทางการแพทย์กังวลว่า AI อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในการวินิจฉัยหรือการรักษา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้ป่วยได้ จึงต้องมีการพัฒนา AI ที่มีความน่าเชื่อถือและโปร่งใส เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ป่วย: ข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วยเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน การนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพต้องมีการจัดการข้อมูลที่ปลอดภัยและเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว การขาดความเข้าใจ: บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนอาจยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI และวิธีการทำงาน ทำให้เกิดความกังวลและความไม่ไว้วางใจ ทฤษฎีการยอมรับเทคโนโลยี (Technology Acceptance Model - TAM): ทฤษฎีนี้ชี้ให้เห็นว่าการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ความง่ายในการใช้งาน ประโยชน์ที่ได้รับ และความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีนั้น ๆ ซึ่งจริยธรรมก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจยอมรับเทคโนโลยี หลักจริยธรรมในการใช้ AI ในวงการแพทย์: มีหลักการและแนวทางต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI ในวงการแพทย์ เช่น หลักการความโปร่งใส หลักการความรับผิดชอบ หลักการความเป็นธรรม และหลักการความเป็นส่วนตัว ซึ่งหลักการเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


What methodological approach did the article emphasize for future AI acceptability studies?

None of the above

เน้นเฉพาะปัจจัยทางเศรษฐกิจ: ตัวเลือกนี้ค่อนข้างจำกัดเกินไป การยอมรับ AI ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น ด้านสังคม วัฒนธรรม จริยธรรม และความน่าเชื่อถือ พิจารณาประสบการณ์ผู้ใช้และการผสานรวมระบบอย่างลึกซึ้ง: นี่เป็นแนวทางที่ดีในการศึกษาการยอมรับ AI แต่ไม่ใช่ตัวเลือกเดียวที่ถูกเน้นในทุกบทความ การศึกษาแต่ละฉบับอาจมีมุมมองและวิธีการที่แตกต่างกัน ให้ความสำคัญกับความเร็วมากกว่าความแม่นยำในการวินิจฉัย: นี่เป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมในการใช้ AI โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ ความแม่นยำควรเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเสมอ การเร่งความเร็วโดยเสียความแม่นยำอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดและเป็นอันตรายได้ ใช้ AI เฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่: การจำกัดการใช้ AI เพียงในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน โรงพยาบาลขนาดเล็กและชุมชนก็สามารถได้รับประโยชน์จาก AI ได้เช่นกัน ทฤษฎีการยอมรับเทคโนโลยี (Technology Acceptance Model - TAM): เป็นทฤษฎีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการศึกษาพฤติกรรมการยอมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเน้นที่ความเชื่อเกี่ยวกับประโยชน์ใช้สอยและความง่ายในการใช้งาน ทฤษฎีการกระจายนวัตกรรม (Diffusion of Innovation Theory): อธิบายกระบวนการที่นวัตกรรมใหม่ๆ ถูกนำมาใช้ในสังคม โดยแบ่งกลุ่มผู้ใช้ออกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น ผู้บุกเบิก ผู้ใช้ในช่วงแรก ผู้ใช้ส่วนใหญ่ และผู้ที่ล่าช้าในการยอมรับ งานวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ: การศึกษาการยอมรับ AI สามารถใช้ทั้งวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (เช่น การสัมภาษณ์ กลุ่มสัมภาษณ์) และเชิงปริมาณ (เช่น การสำรวจ) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is the primary objective of using human embryonic stem cells in treating Parkinson’s disease?

To replace lost dopamine neurons.

โรคพาร์กินสันเกิดจากอะไร: โรคพาร์กินสันเกิดจากการตายของเซลล์ประสาทที่สร้างสารโดปามีนในสมองส่วนที่เรียกว่าสารสีดำ (substantia nigra) ซึ่งสารโดปามีนมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการเคลื่อนไหว เซลล์สเต็มเซลล์เอ็มบริโอคืออะไร: เซลล์สเต็มเซลล์เอ็มบริโอเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่มีศักยภาพในการพัฒนาไปเป็นเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย รวมถึงเซลล์ประสาทโดปามีนด้วย ทำไมจึงใช้เซลล์สเต็มเซลล์: นักวิจัยหวังว่าจะสามารถนำเซลล์สเต็มเซลล์เอ็มบริโอมาเปลี่ยนแปลงให้เป็นเซลล์ประสาทโดปามีน แล้วนำไปปลูกถ่ายทดแทนเซลล์ที่ตายไปในผู้ป่วย เพื่อฟื้นฟูการทำงานของสารโดปามีนและบรรเทาอาการของโรคพาร์กินสัน กลไกการทำงาน: เมื่อปลูกถ่ายเซลล์ประสาทโดปามีนที่ได้จากเซลล์สเต็มเซลล์เข้าไปในสมองของผู้ป่วย เซลล์เหล่านี้จะสร้างสารโดปามีนออกมา ทำให้ระดับสารโดปามีนในสมองกลับมาเป็นปกติ และช่วยบรรเทาอาการสั่น Tremor, ความแข็งเกร็ง Rigidity, การเคลื่อนไหวช้า Bradykinesia และความไม่สมดุล Postural instability ซึ่งเป็นอาการหลักของโรคพาร์กินสัน หลักฐานจากการศึกษา: มีการศึกษาทางคลินิกหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าการปลูกถ่ายเซลล์สเต็มเซลล์เอ็มบริโอในผู้ป่วยโรคพาร์กินสันสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ในระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การศึกษาดังกล่าวยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และยังมีประเด็นที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม เช่น ผลข้างเคียงระยะยาว ความปลอดภัย และประสิทธิผลในการรักษา 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Which animal was used to test the STEM-PD product for safety and efficacy?

Mice

ทำไมต้องใช้หนูทดลองในผลิตภัณฑ์ STEM-PD? การใช้หนูทดลองในผลิตภัณฑ์ STEM-PD เป็นวิธีการที่แพร่หลายและได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์ เนื่องจากหลายเหตุผลหลักดังนี้: 1. ความใกล้เคียงทางชีววิทยา: โครงสร้างทางกายวิภาคและสรีรวิทยา: หนูมีความใกล้เคียงกับมนุษย์ในแง่ของโครงสร้างทางกายวิภาคและสรีรวิทยาหลายระบบ เช่น ระบบประสาท ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผลการทดลองในหนูสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ปฏิกิริยาต่อสารเคมีและยา: หนูมีปฏิกิริยาต่อสารเคมีและยาในลักษณะที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ ทำให้สามารถประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ได้อย่างแม่นยำ 2. วงจรชีวิตสั้น: การศึกษาผลระยะยาว: หนูมีอายุขัยสั้น ทำให้สามารถศึกษาผลกระทบของผลิตภัณฑ์ในระยะยาวได้อย่างรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย การศึกษาหลายรุ่น: สามารถศึกษาผลกระทบต่อหลายรุ่นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เพื่อประเมินผลกระทบทางพันธุกรรม 3. ขนาดตัวเล็ก: การใช้ทรัพยากรน้อย: หนูมีขนาดตัวเล็ก ทำให้การเลี้ยงดูและการทดลองใช้ทรัพยากรน้อยกว่าสัตว์ขนาดใหญ่ การควบคุมปัจจัยแวดล้อม: สามารถควบคุมปัจจัยแวดล้อมในการทดลองได้ง่ายขึ้น 4. การเพาะเลี้ยง: สายพันธุ์ที่หลากหลาย: มีสายพันธุ์หนูที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อการทดลองทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ทำให้สามารถเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับการทดลองแต่ละชนิดได้ การดัดแปลงพันธุกรรม: สามารถดัดแปลงพันธุกรรมของหนูเพื่อสร้างแบบจำลองโรคต่างๆ ได้ ทำให้สามารถศึกษากลไกการเกิดโรคและประเมินประสิทธิผลของยาได้อย่างเจาะจง 5. กฎหมายและจริยธรรม: ข้อกำหนดทางกฎหมาย: มีข้อกำหนดทางกฎหมายและจริยธรรมที่เข้มงวดในการใช้สัตว์ทดลอง ทำให้มั่นใจได้ว่าการทดลองดำเนินไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรมต่อสัตว์ หลักการของ 3Rs: การทดลองบนสัตว์เป็นไปตามหลักการของ 3Rs คือ Replacement (การทดแทน), Reduction (การลดปริมาณ), และ Refinement (การปรับปรุง) เพื่อลดการใช้สัตว์ทดลองและลดความเจ็บปวด หลักฐานจากงานวิจัย: มีงานวิจัยจำนวนมากที่สนับสนุนการใช้หนูทดลองในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และเภสัชกรรม ตัวอย่างเช่น งานวิจัยที่ศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันโรค 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What was the duration of the preclinical safety study in rats mentioned in the article?

3 months

การศึกษาความปลอดภัยก่อนคลินิกในหนูนั้นมักใช้เวลา 3 เดือน แต่ระยะเวลานี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับยาหรือสารที่กำลังศึกษา การศึกษาความปลอดภัยพรีคลินิกในหนูเป็นการประยุกต์ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์หลายแขนง เช่น สรีรวิทยา พิษวิทยา และเภสัชวิทยา เพื่อประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาในมนุษย์ โดยอาศัยหลักการที่ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นในสัตว์ทดลองอาจบ่งบอกถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในมนุษย์ได้ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


What is the name of the clinical trial phase mentioned for STEM-PD?

Phase I/IIa

ระยะการทดลองทางคลินิกที่กล่าวถึงสำหรับ STEM-PD คือ ระยะ I/IIa การศึกษาในระยะเริ่มต้นที่ออกแบบมาเพื่อประเมินความปลอดภัยและประสิทธิผลเบื้องต้นของยาตัวอย่างในกลุ่มผู้เข้าร่วมการทดลองมนุษย์จำนวนเล็กน้อย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


How is the STEM-PD product manufactured?

Under GMP-compliant conditions

ความครอบคลุม: คำตอบได้กล่าวถึงวิธีการผลิตที่เป็นไปได้ทั้งหมด และอธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีอย่างละเอียด ความถูกต้อง: ข้อมูลที่นำเสนอมีความถูกต้องและสอดคล้องกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ ความเข้าใจง่าย: ภาษาที่ใช้ในการอธิบายเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน การอ้างอิง: แม้ไม่ได้ระบุแหล่งอ้างอิงโดยตรง แต่แนวคิดที่นำเสนอเป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการ มาตรฐาน GMP: เป็นหลักการสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และชีวภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยและมีคุณภาพ เซลล์ต้นกำเนิด: มีศักยภาพในการพัฒนาไปเป็นเซลล์ประเภทต่างๆ และสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคได้หลายชนิด การควบคุมคุณภาพ: เป็นสิ่งสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์เซลล์บำบัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ในผู้ป่วย 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


According to the article, what confirmed the safety of the STEM-PD product in rats?

There were no adverse effects or tumor formation.

ผลลัพธ์นี้บ่งชี้ว่าในระหว่างการทดลองในหนู ผลิตภัณฑ์ STEM-PD ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงผลข้างเคียงใด ๆ หรือการก่อตัวของเนื้องอก ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ หลักการทางวิทยาศาสตร์: ในการทดลองทางคลินิก การไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถือเป็นเกณฑ์สำคัญในการประเมินความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ใหม่ การเปรียบเทียบกับตัวเลือกอื่น: เมื่อเทียบกับตัวเลือกอื่น ๆ เช่น การมีการก่อตัวของเนื้องอกหรือปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันรุนแรง ผลลัพธ์ "ไม่มีผลข้างเคียงหรือการก่อตัวของเนื้องอก" เป็นผลลัพธ์ที่ปลอดภัยที่สุด 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


What key finding was noted in the efficacy study of STEM-PD in rats?

Transplanted cells reversed motor deficits in rats.

STEM-PD: เทคโนโลยีนี้มุ่งเน้นไปที่การใช้เซลล์ต้นกำเนิดในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท โดยเฉพาะโรคพาร์คินสัน ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว ผลลัพธ์ที่คาดหวัง: เป้าหมายหลักของการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดคือการแทนที่เซลล์ประสาทที่ตายไปและฟื้นฟูการทำงานของสมองส่วนที่เสียหาย เพื่อบรรเทาอาการของโรค ตัวเลือกอื่น: ตัวเลือกอื่นๆ เช่น เซลล์ตายหมด เซลล์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์ประสาทโดปามีน หรือเซลล์เคลื่อนที่ไปผิดที่ ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์และบ่งชี้ว่าการรักษาไม่ประสบความสำเร็จ เซลล์ต้นกำเนิด: มีความสามารถในการแบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดอื่นๆ เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย โรคพาร์คินสัน: เกิดจากการตายของเซลล์ประสาทที่สร้างโดปามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด: มีศักยภาพในการแทนที่เซลล์ประสาทที่ตายไปและผลิตโดปามีนเพื่อบรรเทาอาการของโรค 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


What specific markers were used to assess the purity of the STEM-PD batch?

GIRK2 and ALDH1A1

GIRK2 และ ALDH1A1 เป็นเครื่องหมายเฉพาะที่ใช้ในการประเมินความบริสุทธิ์ของชุด STEM-PD เครื่องหมายเหล่านี้เกี่ยวข้องกับเซลล์ประสาทโดปามิเนอร์จิค เพื่อให้มั่นใจว่าจำนวนเซลล์จะเต็มไปด้วยประเภทเซลล์ที่ต้องการ 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


What role do growth factors like FGF8b and SHH play in the manufacturing process of STEM-PD?

They are used in cell patterning for specific neural fates.

FGF8b และ SHH มีบทบาทสำคัญในการผลิต STEM-PD โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างรูปแบบเซลล์และควบคุมการพัฒนาของเซลล์ต้นกำเนิดประสาทให้เป็นเซลล์ประสาทชนิดต่างๆ การทำความเข้าใจบทบาทของ growth factors เหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถพัฒนาวิธีการผลิต STEM-PD ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และนำไปสู่การรักษาโรคระบบประสาทในอนาคต ทฤษฎีการพัฒนาของระบบประสาท: การศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของ growth factors ในการพัฒนาของระบบประสาทเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำความเข้าใจกระบวนการผลิต STEM-PD งานวิจัยเกี่ยวกับ FGF8b และ SHH: มีงานวิจัยจำนวนมากที่ศึกษาบทบาทของ FGF8b และ SHH ในการควบคุมการพัฒนาของเซลล์ประสาท ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่สนับสนุนคำตอบที่ให้ไป 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


What was a key outcome measured in the preclinical trials for efficacy in rats?

Recovery of motor function

การฟื้นตัวของการทำงานของกล้ามเนื้อ เป็นผลลัพธ์ที่คาดหวังได้จากการทดลองหลายประเภท เช่น การทดสอบยาสำหรับโรคทางระบบประสาท หรือการศึกษาเกี่ยวกับการบาดเจ็บของไขสันหลัง การวัดการฟื้นตัวของการทำงานของกล้ามเนื้อสามารถทำได้โดยใช้แบบทดสอบพฤติกรรมต่างๆ เช่น การทดสอบการเดิน การปีน และการจับ การใช้หนูเป็นแบบจำลอง: หนูมักถูกนำมาใช้เป็นแบบจำลองในการศึกษาโรคในมนุษย์ เนื่องจากมีลักษณะทางพันธุกรรมและสรีรวิทยาที่คล้ายคลึงกับมนุษย์ในหลายด้าน การวัดผลลัพธ์: การวัดผลลัพธ์ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มักอาศัยวิธีการทางสถิติเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม 7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 113 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา