1 |
What is the primary advantage of using cup lump rubber (CLR) in cold mix asphalt (CMA)?
|
Improves functional properties of the asphalt |
|
การปรับปรุงคุณสมบัติการทำงาน: CLR ช่วยในการปรับปรุงคุณสมบัติการทำงานของแอสฟัลต์ใน CMA โดยการเพิ่มความยืดหยุ่นและความทนทานของแอสฟัลต์ เมื่อใช้ CLR, แอสฟัลต์จะมีความสามารถในการต้านทานการแตกหักและการเสื่อมสภาพได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้ถนนหรือพื้นผิวที่ทำจาก CMA มีความทนทานและยืดหยุ่นมากขึ้น
|
คุณสมบัติของ CLR: CLR เป็นยางที่ได้จากการรีไซเคิล ซึ่งสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นและความทนทานให้กับแอสฟัลต์ได้ เมื่อผสม CLR กับแอสฟัลต์, จะช่วยให้แอสฟัลต์มีคุณสมบัติที่ดีขึ้น เช่น ความทนทานต่อการแตกร้าว, ความสามารถในการคืนตัว และลดปัญหาการเสื่อมสภาพจากอุณหภูมิสูง
การปรับปรุงทางกายภาพ: การใช้ CLR ใน CMA ทำให้แอสฟัลต์มีคุณสมบัติทางกลที่ดีขึ้น เช่น ความแข็งแรงและความทนทานต่อการสึกหรอ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
Which property of CMA is significantly improved by the addition of CLR?
|
Tensile strength |
|
การเพิ่มความแข็งแรงในการยืด: CLR ซึ่งเป็นยางรีไซเคิล ช่วยเพิ่มความแข็งแรงในการยืดของ CMA โดยการเสริมความยืดหยุ่นและความทนทานของแอสฟัลต์. การเพิ่ม CLR ทำให้ CMA สามารถทนต่อแรงดึงและแรงที่เกิดจากการใช้งานได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยลดการแตกหักและการเสื่อมสภาพ |
คุณสมบัติของ CLR: CLR มีคุณสมบัติในการเพิ่มความยืดหยุ่นและความทนทานของ CMA โดยการผสมยางเข้าไปในแอสฟัลต์ ทำให้วัสดุมีความสามารถในการคืนตัวหลังจากถูกแรงดึง และสามารถทนต่อแรงกระแทกและแรงกดได้ดีขึ้น
การเสริมความแข็งแรง: การเพิ่ม CLR ช่วยในการเสริมความแข็งแรงและความทนทานของแอสฟัลต์ โดยการช่วยให้ CMA มีคุณสมบัติที่ดีขึ้นในการทนต่อการใช้งานหนักและสภาพอากาศที่รุนแรง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
If the tensile strength of CMA increases by 26% due to the addition of CLR and the original tensile strength was 5 MPa, what is the new tensile strength?
|
|
|
การคำนวณการเพิ่มขึ้น: การเพิ่มขึ้น 26% หมายถึงการคำนวณจากค่าท tensile strength เดิม โดยการคูณค่าเดิมด้วยเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น (ในรูปแบบทศนิยม) ซึ่งจะให้ค่าเพิ่มขึ้นที่ต้องการ |
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
Given that the rut depth decreases by 70% when CLR is added to CMA and the original rut depth was 10 mm, what is the new rut depth?
|
3 mm |
|
การคำนวณการลดลง: การลดลง 70% หมายถึงการคูณค่า rut depth เดิมด้วยเปอร์เซ็นต์การลดลง (ในรูปแบบทศนิยม) เพื่อหาค่าลดลง
การหาค่าที่เหลือ: การลบค่าที่ลดลงจากค่า rut depth เดิมจะให้ค่า rut depth ใหม่ |
แปลงเปอร์เซ็นต์การลดลงเป็นทศนิยม:
70%=0.70
คำนวณการลดลง:
การลดลง=10 mm×0.70=7mm
คำนวณค่า rut depth ใหม่:
ค่าใหม่=10 mm−7 mm=3mm |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
If the CMA with CLR has a TSR (Tensile Strength Ratio) value of 104% and the minimum requirement is 80%, by what percentage does the TSR exceed the requirement?
|
30% |
|
การคำนวณการเกินของ TSR:
TSR (Tensile Strength Ratio) ของ CMA ที่มีการใช้ Cup Lump Rubber (CLR) คือ 104% และค่า TSR ขั้นต่ำคือ 80%
การคำนวณความแตกต่างระหว่างค่า TSR ที่ได้และ TSR ขั้นต่ำช่วยให้ทราบถึงการเกินมาตรฐานได้ง่าย
การคำนวณเปอร์เซ็นต์การเกินช่วยให้เข้าใจว่า TSR ที่ได้เกินค่ามาตรฐานเป็นสัดส่วนเท่าใด |
การคำนวณการเกินของ TSR ช่วยให้เราทราบถึงประสิทธิภาพของ CMA ที่ใช้ CLR ว่ามีการเกินค่ามาตรฐานอย่างไร โดย TSR ที่ได้ (104%) เกินค่า TSR ขั้นต่ำ (80%) โดย 30% ตามการคำนวณข้างต้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
What is the potential increase in moisture damage resistance for CMA-CR compared to conventional CMA if the improvement is 12%?
|
12% |
|
การเพิ่มขึ้น 12% หมายถึงค่าใหม่ (CMA-CR) มีการปรับปรุงความต้านทานความชื้นมากกว่าค่าเดิม (CMA) โดยการเพิ่มขึ้นเป็น 12% ของค่าเริ่มต้น
ข้อมูลนี้บ่งบอกถึงการปรับปรุงที่ทำให้ CMA-CR มีความทนทานต่อความชื้นได้ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ CMA ทั่วไป |
การแปลงเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้น:
เปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นคือการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงหรือการปรับปรุงในรูปของเปอร์เซ็นต์จากค่าเริ่มต้น
ในกรณีนี้ เปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นของความต้านทานความชื้นสำหรับ CMA-CR คือ 12%
การตีความเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้น:
การเพิ่มขึ้น 12% บอกว่า CMA-CR มีความต้านทานความชื้นสูงขึ้น 12% จากค่าเริ่มต้นของ CMA
การคำนวณนี้ไม่ต้องมีการคำนวณเพิ่มเติมหรือการแปลงค่า เพราะเป็นการเปรียบเทียบโดยตรงระหว่างค่าเริ่มต้นและค่าที่เพิ่มขึ้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
If the shear resistance of CLR-modified CMA increases due to the membrane effect, which physical property is most directly influenced?
|
Tensile strength |
|
Membrane Effect: การเพิ่มขึ้นของแรงต้านทานการเสียรูปในวัสดุที่ได้รับการปรับปรุงด้วย CLR มักจะเกิดจากการที่ CLR ช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับแรงที่กระทำต่อวัสดุ ซึ่งส่งผลต่อความแข็งแรงของวัสดุ
Tensile Strength: ค่า tensile strength (ความแข็งแรงเมื่อถูกดึง) ของวัสดุจะเพิ่มขึ้นเมื่อวัสดุมีความสามารถในการทนต่อแรงดึงได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการกระจายแรงที่ดีขึ้นภายในวัสดุ |
Membrane Effect: ในวัสดุก่อสร้างและการซ่อมบำรุง การปรับปรุงโครงสร้างที่เกิดจากการเพิ่มวัสดุเสริม เช่น CLR สามารถเพิ่มความแข็งแรงและความต้านทานของวัสดุต่อแรงที่กระทำ
Tensile Strength and Elasticity: การเพิ่ม tensile strength แสดงถึงการที่วัสดุมีความสามารถในการทนต่อแรงดึงได้ดีขึ้น ซึ่งมักจะเป็นผลโดยตรงจากการปรับปรุงโครงสร้างภายในวัสดุ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
The viscosity of CLR-modified bitumen at 135°C is 1.16 Pa·s. If the shear rate is 50 s^-1, what is the shear stress?
|
58 Pa |
|
การคำนวณความเค้นเฉือน (shear stress) ใช้ข้อมูลของความหนืด (viscosity) และอัตราการเฉือน (shear rate) เพื่อหาค่าความเค้นที่กระทำต่อวัสดุ ดังนี้:
ความหนืด (Viscosity): เป็นการวัดความต้านทานของของไหลต่อการไหลหรือการเคลื่อนที่ภายใน เมื่อความหนืดสูง หมายถึงของไหลมีความต้านทานสูงต่อการไหล
อัตราการเฉือน (Shear Rate): เป็นการวัดความเร็วที่ของไหลเคลื่อนที่หรือเปลี่ยนรูปร่าง โดยการเปลี่ยนแปลงความเร็วในหน่วยเวลา |
เมื่อวัสดุมีความหนืดสูง ความเค้นเฉือนจะสูงขึ้นหากอัตราการเฉือนสูง เพราะวัสดุจะต้านทานการไหลมากขึ้น
การใช้สูตรนี้ช่วยให้ทราบว่าความเค้นเฉือนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราการเฉือนและความหนืดเป็นเท่าใด |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
If the mass loss in the Cantabro test for CMA-CR is 14.6% and the maximum accepted limit is 20%, by how much does CMA-CR fall below the limit?
|
5.4% |
|
การคำนวณการตกต่ำของการสูญเสียน้ำหนัก:
การคำนวณนี้ช่วยให้ทราบว่า CMA-CR มีการสูญเสียน้ำหนักน้อยกว่าค่าขีดจำกัดสูงสุดที่ยอมรับได้เท่าใด
การสูญเสียน้ำหนักที่น้อยกว่าค่าขีดจำกัดบ่งบอกถึงความทนทานของ CMA-CR ต่อการสึกหรอและการกัดกร่อน
เหตุผลในการหาความแตกต่าง:
การหาความแตกต่างระหว่างการสูญเสียน้ำหนักจริงของ CMA-CR และค่าขีดจำกัดสูงสุดทำให้เราทราบว่า CMA-CR มีการสูญเสียน้ำหนักต่ำกว่าค่าที่อนุญาตได้เท่าใด ซึ่งเป็นการวัดประสิทธิภาพของวัสดุต่อการทนทานต่อการทดสอบ |
ทฤษฎีการคำนวณ:
การหาค่าความแตกต่าง:
การหาค่าความแตกต่างระหว่างค่าการสูญเสียน้ำหนักที่แท้จริงและค่าขีดจำกัดสูงสุดจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัสดุ
ความแตกต่าง=Maximum accepted limit−Mass loss of CMA-CR
ค่า Maximum accepted limit คือ ขีดจำกัดสูงสุดที่อนุญาตให้วัสดุสูญเสียน้ำหนักได้
ค่า Mass loss of CMA-CR คือ การสูญเสียน้ำหนักที่วัดได้จากการทดสอบ
การตีความผลลัพธ์:
การสูญเสียน้ำหนักของ CMA-CR ที่ต่ำกว่าค่าขีดจำกัดแสดงถึงคุณสมบัติที่ดีของวัสดุในการทนทานต่อการสึกหรอ
ผลลัพธ์ที่ต่ำกว่าค่าขีดจำกัดแสดงให้เห็นว่าวัสดุนั้นมีประสิทธิภาพดีในการลดการสูญเสียน้ำหนัก
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
What is the significance of using cup lump rubber in the context of environmental sustainability?
|
It helps in lowering carbon emissions during production. |
|
ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน:
การใช้ CLR ช่วยลดปริมาณการใช้วัสดุใหม่และลดการสร้างของเสียในการผลิต การใช้วัสดุรีไซเคิล เช่น CLR ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิตได้
การนำวัสดุรีไซเคิลมาผสมกับบิทูเมนในกระบวนการทำแอสฟัลต์ช่วยลดการใช้วัสดุใหม่และลดความต้องการในการผลิตบิทูเมนใหม่ ซึ่งมีการปล่อยก๊าซคาร์บอน
การใช้วัสดุรีไซเคิล:
การใช้ CLR เป็นวัสดุรีไซเคิลช่วยลดปริมาณของเสียที่ต้องกำจัดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ช่วยให้การผลิตและการใช้แอสฟัลต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น |
วัสดุรีไซเคิล: การใช้วัสดุรีไซเคิลแทนวัสดุใหม่ช่วยลดการปล่อยก๊าซที่เกิดจากการผลิตวัสดุใหม่ ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซคาร์บอน
การจัดการของเสีย: การนำวัสดุรีไซเคิลเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิตช่วยลดปริมาณของเสียที่ต้องกำจัดและทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
What is one of the emerging trends affecting China's oil and gas pipeline development strategies?
|
Digitization |
|
Digitization หรือการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในกระบวนการต่างๆ เป็นแนวโน้มที่สำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาท่อส่งน้ำมันและก๊าซ
การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มความปลอดภัย และการจัดการข้อมูลที่ดีขึ้น
เทคโนโลยีดิจิทัลสามารถช่วยในการตรวจสอบและบำรุงรักษาท่อส่งน้ำมันและก๊าซได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้เซนเซอร์และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจจับปัญหาและดำเนินการแก้ไขได้เร็วขึ้น |
1. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitization)
ทฤษฎีการบริหารจัดการและเทคโนโลยีสารสนเทศ:
การวิเคราะห์ข้อมูลและการตรวจสอบทางไกล: การใช้เซนเซอร์และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้สามารถตรวจสอบสถานะของท่อส่งน้ำมันและก๊าซได้แบบเรียลไทม์ เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยในการเก็บข้อมูลจากเซนเซอร์ที่ติดตั้งตามท่อ ซึ่งสามารถส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสภาพของท่อไปยังศูนย์ควบคุมได้อย่างรวดเร็ว
การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์: ด้วยการใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) สามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การรั่วไหลหรือความเสียหายของท่อ ทำให้สามารถวางแผนการบำรุงรักษาและซ่อมแซมได้ล่วงหน้า
การจัดการและบำรุงรักษาที่มีประสิทธิภาพ: เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้การบำรุงรักษาและการจัดการท่อส่งน้ำมันและก๊าซเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถวางแผนและจัดการงานบำรุงรักษาตามข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบ
2. ทฤษฎีการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Operational Efficiency):
การเพิ่มประสิทธิภาพ: การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดเวลาการทำงานที่ไม่จำเป็น และเพิ่มความแม่นยำในการทำงาน
การลดความเสี่ยงและต้นทุน: เทคโนโลยีดิจิทัลช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น การรั่วไหลของน้ำมันหรือก๊าซ และช่วยลดต้นทุนในการบำรุงรักษาและซ่อมแซม
3. ทฤษฎีการพัฒนาเทคโนโลยี (Technology Development):
การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้: การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) มาช่วยในการพัฒนาท่อส่งน้ำมันและก๊าซสามารถช่วยให้การพัฒนาและการจัดการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง: การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
What is the proportion of natural gas pipelines in the total length of long-distance oil and gas pipelines in China as of 2022?
|
60% |
|
การเติบโตของการใช้ก๊าซธรรมชาติ:
ความต้องการพลังงานที่สะอาด: การใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีข้อดีในด้านความสะอาดและลดมลพิษทางอากาศเมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ
นโยบายรัฐบาล: รัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปกป้องสิ่งแวดล้อม
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน:
การขยายเครือข่ายท่อส่ง: จีนได้ลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขยายเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งช่วยเพิ่มสัดส่วนของท่อส่งก๊าซธรรมชาติในความยาวรวม
การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน:
การเปลี่ยนแปลงจากน้ำมันไปเป็นก๊าซ: การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการใช้พลังงานจากน้ำมันดิบไปเป็นก๊าซธรรมชาติในภาคอุตสาหกรรมและการใช้พลังงานของประชาชน |
ทฤษฎีการบริหารพลังงาน:
การพัฒนาทรัพยากรพลังงาน: การเปลี่ยนแปลงในการบริหารทรัพยากรพลังงานเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการใช้พลังงานที่ยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การวางแผนและการลงทุน: การวางแผนและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มความสามารถในการส่งก๊าซธรรมชาติและตอบสนองต่อความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น
ทฤษฎีพลังงานยั่งยืน:
การเปลี่ยนแปลงจากเชื้อเพลิงฟอสซิล: การเปลี่ยนแปลงจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (น้ำมัน) ไปเป็นพลังงานที่สะอาดกว่า (ก๊าซธรรมชาติ) เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืน
การบรรเทาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม: การใช้ก๊าซธรรมชาติช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษอื่น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันดิบ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
If the total length of long-distance oil and gas pipelines in China is 180,000 km, how many kilometers are dedicated to natural gas pipelines?
|
108,000 km |
|
สัดส่วนของท่อส่งก๊าซธรรมชาติ:
ตามข้อมูลที่มี สัดส่วนของท่อส่งก๊าซธรรมชาติในท่อส่งน้ำมันและก๊าซรวมในจีนอยู่ที่ประมาณ 60% ของความยาวทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อมูลที่อิงจากแนวโน้มการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการใช้พลังงานในจีน
การขยายเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ:
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขยายเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่องในจีนทำให้สัดส่วนของท่อส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น
ความต้องการพลังงานที่เปลี่ยนแปลง:
การใช้พลังงานที่สะอาดและการลดการปล่อยมลพิษมีผลทำให้การใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการขยายเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ |
ทฤษฎีการบริหารพลังงาน:
การวางแผนและการลงทุน: ทฤษฎีนี้เกี่ยวข้องกับการวางแผนและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการส่งพลังงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรพลังงานและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: การพัฒนาเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติสะท้อนถึงการวางแผนที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทฤษฎีพลังงานยั่งยืน:
การเปลี่ยนแปลงจากพลังงานฟอสซิล: การเปลี่ยนแปลงจากการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่การใช้พลังงานที่สะอาดกว่า เช่น ก๊าซธรรมชาติ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน
การลดมลพิษ: การขยายเครือข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและมลพิษอื่น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิลอื่น ๆ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
According to the article, if the target length for oil and gas pipelines is 210,000 km by 2025, how many kilometers need to be constructed from the 2022 total?
|
30,000 km |
|
การเติบโตของการใช้พลังงาน:
ความต้องการที่เพิ่มขึ้น: การใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนทำให้มีความต้องการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น
การขยายโครงสร้างพื้นฐาน:
การวางแผนและการลงทุน: การเพิ่มความยาวของท่อส่งน้ำมันและก๊าซเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาพลังงานของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้พลังงานและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
การพัฒนาและนโยบายรัฐบาล:
เป้าหมายการพัฒนา: การตั้งเป้าหมายในการขยายเครือข่ายท่อส่งน้ำมันและก๊าซสะท้อนถึงนโยบายของรัฐบาลจีนในการพัฒนาพลังงานและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน |
ทฤษฎีการบริหารพลังงาน:
การวางแผนการลงทุน: การขยายโครงสร้างพื้นฐานเป็นการตอบสนองต่อความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการบริหารพลังงานที่มุ่งเน้นการวางแผนและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการพลังงาน
ทฤษฎีพัฒนาเศรษฐกิจ:
การขยายโครงสร้างพื้นฐาน: การขยายเครือข่ายท่อส่งน้ำมันและก๊าซเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของประเทศ |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
If the failure rate of oil and gas pipelines in Europe is 0.29 per year per hundred kilometers, what is the failure rate per year for a pipeline network of 1,000 kilometers?
|
2.9 failures |
|
อัตราความล้มเหลวต่อระยะทาง:
การประเมินความเสี่ยง: อัตราความล้มเหลวที่ 0.29 ต่อปีต่อ 100 กิโลเมตรใช้ในการประเมินความเสี่ยงของท่อส่งน้ำมันและก๊าซ โดยระบุว่าในแต่ละปีจะเกิดความล้มเหลวเฉลี่ยเท่าไรต่อระยะทางที่กำหนด
การคูณจำนวนระยะทาง: เมื่อเราต้องการหาความล้มเหลวสำหรับเครือข่ายท่อที่ยาวกว่า 100 กิโลเมตร เราต้องคูณอัตราความล้มเหลวต่อ 100 กิโลเมตรกับจำนวน 100 กิโลเมตรในเครือข่าย
การคำนวณตามความยาวที่ต่างกัน:
การขยายความล้มเหลว: การคำนวณความล้มเหลวตามระยะทางที่มากขึ้น (เช่น 1,000 กิโลเมตร) ต้องการการคูณอัตราความล้มเหลวที่ให้ไว้ (0.29) กับจำนวนส่วนของระยะทางที่มี (10 ส่วนของ 100 กิโลเมตร) เพื่อให้ได้อัตราความล้มเหลวที่รวมสำหรับระยะทางทั้งหมด |
ทฤษฎีการจัดการความเสี่ยง:
การประเมินความเสี่ยง: การใช้การคำนวณความล้มเหลวในการจัดการความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินและควบคุมความเสี่ยงในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ โดยให้การประมาณค่าความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นตามระยะทางของท่อ
การคำนวณและการวิเคราะห์: การคำนวณอัตราความล้มเหลวช่วยในการวางแผนการบำรุงรักษาและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อป้องกันปัญหาและลดความเสี่ยง
ทฤษฎีการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน:
การบำรุงรักษา: การคำนวณอัตราความล้มเหลวช่วยในการวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน โดยระบุระยะทางที่ต้องการการตรวจสอบหรือการบำรุงรักษาเพื่อป้องกันการเกิดความล้มเหลว
สรุป:
การคำนวณอัตราความล้มเหลวสำหรับเครือข่ายท่อส่งน้ำมันและก๊าซที่มีความยาว 1,000 กิโลเมตรเป็นการนำอัตราความล้มเหลวต่อ 100 กิโลเมตรมาคูณกับจำนวน 100 กิโลเมตรในเครือข่าย โดยสะท้อนถึงการจัดการความเสี่ยงและการวางแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามทฤษฎีการจัดการความเสี่ยงและการบำรุงรักษา. |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
What is one of the main causes of oil and gas pipeline failures in China according to the article?
|
Oil theft through drilling |
|
ปัญหาด้านความปลอดภัย: การขโมยน้ำมันมักเกิดขึ้นเมื่อมีการเจาะหรือเจาะท่อเพื่อดึงน้ำมันออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสามารถทำให้ท่อส่งเกิดการรั่วไหลหรือความเสียหาย
ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน: การขโมยน้ำมันนี้สามารถทำให้โครงสร้างพื้นฐานของท่อส่งเสียหายและลดความน่าเชื่อถือของระบบการส่งน้ำมันและก๊าซ
ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ: การสูญเสียทรัพยากรและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมและการป้องกันการขโมยส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงทางพลังงาน
|
ทฤษฎีการจัดการความเสี่ยง:
การประเมินและการควบคุม: การจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการขโมยน้ำมันมุ่งเน้นการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและการดำเนินการเพื่อป้องกันและลดความเสียหาย
ทฤษฎีการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน:
การป้องกันการรั่วไหล: การใช้เทคโนโลยีและการดำเนินการที่เหมาะสมในการป้องกันการรั่วไหลและการขโมยน้ำมันช่วยในการรักษาความปลอดภัยของท่อส่งและลดความเสียหาย
สรุป:
การขโมยน้ำมันผ่านการเจาะ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ท่อส่งน้ำมันและก๊าซในจีนล้มเหลว ซึ่งส่งผลกระทบทั้งด้านความปลอดภัยและเศรษฐกิจ ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงและการบำรุงรักษาเชิงป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและลดความเสียหาย. |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
Assuming the failure rate in the United States is 0.14 per year per hundred kilometers, calculate the expected number of failures per year for a 1,500 kilometers pipeline network.
|
2.1 failures |
|
การคำนวณตามอัตราความล้มเหลว:
การใช้ข้อมูลอัตราความล้มเหลว: ข้อมูลอัตราความล้มเหลวที่ 0.14 ความล้มเหลวต่อปีต่อ 100 กิโลเมตรใช้ในการประเมินความเสี่ยงของการล้มเหลวของท่อส่ง
การขยายไปยังความยาวที่มากขึ้น: เมื่อเราต้องการหาความล้มเหลวสำหรับเครือข่ายท่อที่มีความยาวมากกว่าที่กำหนด (เช่น 1,500 กิโลเมตร) เราต้องคูณอัตราความล้มเหลวที่ให้ไว้กับจำนวนของ 100 กิโลเมตรในเครือข่าย
การคำนวณตามสัดส่วน:
การคูณกับจำนวนส่วน: ความยาวของท่อส่ง (1,500 กิโลเมตร) ถูกแบ่งเป็นจำนวนส่วนของ 100 กิโลเมตร (15 ส่วน) และอัตราความล้มเหลวที่ให้ไว้ (0.14) จะถูกคูณกับจำนวนส่วนเพื่อหาจำนวนความล้มเหลวที่คาดว่าจะเกิดขึ้น |
ทฤษฎีการจัดการความเสี่ยง:
การประเมินความเสี่ยง: การคำนวณจำนวนความล้มเหลวช่วยในการประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของท่อส่งน้ำมันและก๊าซ โดยช่วยให้เข้าใจระดับความเสี่ยงและการวางแผนการบำรุงรักษา
การควบคุมความเสี่ยง: การใช้ข้อมูลอัตราความล้มเหลวในการคำนวณช่วยในการวางแผนและดำเนินการเพื่อควบคุมและลดความเสี่ยงที่เกิดจากการล้มเหลว
ทฤษฎีการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน:
การบำรุงรักษา: การคำนวณความล้มเหลวช่วยในการวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันโดยการคาดการณ์จำนวนความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งช่วยให้สามารถวางแผนการตรวจสอบและซ่อมแซมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุป:
การคำนวณจำนวนความล้มเหลวสำหรับเครือข่ายท่อส่งที่มีความยาว 1,500 กิโลเมตรช่วยให้เข้าใจระดับความเสี่ยงและการวางแผนการบำรุงรักษาได้ดีขึ้น โดยอ้างอิงจากอัตราความล้มเหลวที่กำหนดและใช้ในการประเมินความเสี่ยงตามทฤษฎีการจัดการความเสี่ยงและการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน. |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
If a pipeline defect inspection technology improves detection efficiency by 25% and the current detection efficiency is 80%, what will be the new detection efficiency?
|
100% |
|
การปรับปรุงประสิทธิภาพ:
การปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจจับ: เมื่อเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพการตรวจจับดีขึ้นมา 25% หมายถึงความสามารถในการตรวจจับข้อบกพร่องเพิ่มขึ้น 25% จากประสิทธิภาพเดิม
การคำนวณการเพิ่มขึ้น: การคำนวณการเพิ่มประสิทธิภาพ 25% จากประสิทธิภาพเดิม (80%) จะเพิ่มขึ้น 20% ทำให้ค่าใหม่เท่ากับ 100% (80% + 20%)
ข้อจำกัดของการปรับปรุง:
ขีดจำกัดของการปรับปรุง: เนื่องจากการปรับปรุง 25% เพิ่มประสิทธิภาพจาก 80% ซึ่งการเพิ่ม 25% ของ 80% คือ 20% ดังนั้นค่าประสิทธิภาพสูงสุดที่เป็นไปได้คือ 100% ซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุดที่อาจถึงได้ |
ทฤษฎีการพัฒนาเทคโนโลยี:
การเพิ่มประสิทธิภาพ: ทฤษฎีการพัฒนาเทคโนโลยีมักอธิบายการปรับปรุงในด้านประสิทธิภาพ โดยการเพิ่มประสิทธิภาพจะช่วยในการทำงานได้ดีขึ้นและมีความแม่นยำสูงขึ้น
ทฤษฎีการปรับปรุงประสิทธิภาพ:
การประเมินผล: การคำนวณการปรับปรุงเป็นวิธีหนึ่งในการประเมินผลของการปรับปรุง โดยการเปรียบเทียบค่าเดิมกับค่าใหม่ที่ปรับปรุงแล้ว ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนของการปรับปรุง
สรุป:
การปรับปรุงประสิทธิภาพการตรวจจับ 25% จาก 80% จะทำให้ค่าใหม่ของประสิทธิภาพการตรวจจับเป็น 100% ซึ่งเป็นการแสดงถึงการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดตามขีดจำกัดที่เป็นไปได้ โดยการคำนวณการเพิ่มขึ้นจากเปอร์เซ็นต์เดิมช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการพัฒนาเทคโนโลยีและการประเมินผลการปรับปรุง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
If a vibration signal monitoring system faces a 15% reduction in noise levels due to a new technology and the original noise level was 200 units, what is the new noise level?
|
170 units |
|
การลดระดับเสียง:
การลดลงตามเปอร์เซ็นต์: การลดลงของระดับเสียงตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด (15%) หมายถึงการลดลงจากระดับเสียงเดิม
การคำนวณการลดลง: การคำนวณการลดลง 15% จากระดับเสียงเดิม (200 units) ทำให้ระดับเสียงลดลง 30 units (200 units × 0.15)
การหาค่าระดับเสียงใหม่:
การคำนวณระดับเสียงใหม่: เมื่อลดระดับเสียงลงจากระดับเดิม (200 units) ด้วยค่าลดลง 30 units ทำให้ระดับเสียงใหม่เป็น 170 units (200 units - 30 units) |
ทฤษฎีการลดเสียง (Noise Reduction Theory):
การลดเสียง: ทฤษฎีการลดเสียงอธิบายการลดระดับเสียงโดยการใช้เทคโนโลยีหรือวิธีการที่ช่วยลดการรบกวนหรือเสียงรบกวนในระบบ การคำนวณการลดระดับเสียงช่วยให้เห็นผลของการปรับปรุงและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีในการลดเสียง
ทฤษฎีเปอร์เซ็นต์การลดลง:
การคำนวณเปอร์เซ็นต์: การใช้เปอร์เซ็นต์ในการคำนวณการลดลงช่วยให้สามารถระบุจำนวนการลดลงที่เป็นตัวเลขเฉพาะและคำนวณค่าใหม่ได้อย่างแม่นยำ การลดลง 15% จากระดับเสียงเดิมจะช่วยลดระดับเสียงให้ต่ำลงตามอัตราที่กำหนด
สรุป:
การลดระดับเสียงลง 15% จากระดับเดิม 200 units ส่งผลให้ระดับเสียงใหม่เป็น 170 units การคำนวณนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ในการลดเสียงที่มีประสิทธิภาพและการคำนวณตามเปอร์เซ็นต์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนในการปรับปรุงคุณภาพการตรวจจับและการลดเสียง |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
For a hydrogen pipeline with an embrittlement rate of 0.05% per year, calculate the total embrittlement after 10 years.
|
0.5% |
|
การแตกหักสะสม:
การสะสมตามเวลา: การแตกหักที่เกิดขึ้นทุกปีจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการสะสมของการแตกหักจากปีที่แล้ว ส่งผลให้การแตกหักที่สะสมจะมากขึ้นในระยะยาว
การทบต้น: การแตกหักที่เพิ่มขึ้นทุกปีจะไม่เป็นแบบเส้นตรง แต่จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
การคำนวณเชิงทฤษฎี:
การคำนวณแบบสะสม: ใช้การคำนวณที่พิจารณาการเพิ่มขึ้นแบบทบต้นของการแตกหักเพื่อหาค่ารวมที่ถูกต้องในช่วงระยะเวลาหนึ่ง |
ทฤษฎีการสะสม (Cumulative Effect):
การสะสมของการเปลี่ยนแปลง: การสะสมของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เช่น การแตกหักที่เพิ่มขึ้นทุกปี จะมีผลรวมที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป การคำนวณแบบสะสมช่วยให้สามารถคำนวณผลรวมที่ถูกต้องในช่วงระยะเวลานาน
ทฤษฎีการทบต้น (Compound Effect):
การทบต้น: การทบต้นหมายถึงการเพิ่มขึ้นที่เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นก่อนหน้านั้น การใช้ทฤษฎีการทบต้นในการคำนวณการแตกหักสะสมทำให้สามารถคำนวณผลลัพธ์ที่แม่นยำได้
สรุป:
การคำนวณการแตกหักรวมของท่อไฮโดรเจนที่มีอัตราการแตกหัก 0.05% ต่อปี เป็นการใช้ทฤษฎีการสะสมและการทบต้นเพื่อหาค่าการแตกหักรวมในระยะเวลา 10 ปี ซึ่งผลลัพธ์คือ 0.5% ซึ่งสะท้อนถึงผลของการแตกหักที่เพิ่มขึ้นตามเวลาตามทฤษฎีการทบต้น |
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|