ตรวจข้อสอบ > อรพรรณ จันลอย > เคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Chemistry > Part 2 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 52 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


จาก Paper Diabets Mellitus: Insights from Epidemiology, Biochemistry, Risk Factors, Diagnosis, Complications and Comprehensive Management จงตอบคำถามข้อ 1-6 ข้อ 1 Vitamin C มีความเกี่ยวข้องอะไรกับโรคเบาหวาน (เหตุผล)

1. เป็นตัวเพิ่มน้ำตาลในเลือด

ผู้ที่เป็นเบาหวาน ควรรับประทานวิตามินซีวันละ 1,000 มิลลิกรัม เพราะวิตามินซีจะเข้าไปช่วยลดสารอนุมูลอิสระและการอักเสบของหลอดเลือด อีกทั้งช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไตวาย เป็นต้น เพิ่มประสิทธิภาพวิตามินซี ด้วยการทานร่วมกับแคลเซียม แมกนีเซียม และไบโอฟลาโวนอยด์ 5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


จากตาราง Table 2 อยากทราบว่า biguanide ทำหน้าที่อะไร อย่างไร

3. ลดน้ำตาลในเลือด

Biguanide ออกฤทธิ์โดยการลดการ ดื้อต่ออินซูลินทำาให้เพิ่มการนำากลูโคสไปใช้ โดยเซลล์กล้ามเนื้อ ลาย และลดการสร้างกลูโคสจากตับ ข้อดีของยากลุ่มนี้ คือ ไม่ ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ และน้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น ผลที่ไม่พึงประสงค์ที่สำาคัญ คือ ภาวะกรดแลคติกคั่งในเลือด 5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


จากตาราง อยากทราบว่า DPP4 inhibitors ทำงานอย่างไร

5. เพิ่ม GIP & GLP-1

ยา DPP-4 inhibitor (DPP-4i) ออกฤทธิ์ผ่านทาง incretin effect โดยเพิ่มการสร้าง gut hormone ที่สร้างจากลำไส้เล็ก 2 ชนิด คือ GLP-1 (สร้างจาก L-cell ที่ลำไส้เล็กส่วนปลาย) และ GIP (สร้างจาก K-cell ที่ลำไส้เล็กส่วนต้น) ฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดนี้มีผลกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจาก beta-cell โดยเป็นแบบ glucose dependent คือ จะหลั่งอินซูลินเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเท่านั้น สำหรับ GLP-1 ยังมีผลยับยั้งการหลั่งกลูคากอนจาก alpha-cell ของตับอ่อนได้ ซึ่งจะลดการสร้างน้ำตาลจากตับ แต่เป็นแบบ glucose dependent เช่นเดียวกัน (GIP ไม่มีผลนี้) นอกจากนี้ GLP-1 ยังมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลางทำให้รู้สึกอิ่มและลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าการหลั่งของ GLP-1 ลดลง แต่ยังออกฤทธิ์ได้ตามปกติ ส่วน GIP หลั่งได้ปกติ 5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


จากตาราง ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหารไม่ควรทานยาชนิดใดมากที่สุด

4. GLP-1

GLP-1 ยังช่วยทำให้ตับอ่อนไวต่อระดับกลูโคสและยับยั้งการเกิด pancreatic β-cell apoptosis นอกจากนี้ GLP-1 ยังมีฤทธิ์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการลดระดับน้ำตาลในเลือด เช่น ฤทธิ์ลดการหลั่งสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหาร ฤทธิ์ลดการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร 5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


จากตาราง ผู้ป่วยโรคไต ควรปรึกษาหมอหากจะทานยาชนิดใด

5. SGLT-2

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


จงอธิบายการรักษาเบาหวานจากบทความ Diabets Mellitus: Insights from Epidemiology, Biochemistry, Risk Factors, Diagnosis, Complications and Comprehensive Management

รักษาโดยการควบคุมน้ำตาลให้พอดี ไม่ต่ำไม่สูงเกินไป 5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


จากตาราง (มาจากบทความเรื่อง Environmental toxicology) จงอธิบายตารางนี้

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


จากแผนภาพ จงอธิบายว่ายารักษามะเร็งสามารถยับยั้งที่ส่วนใดได้บ้างใน pathway

ยาวินบลาสติน งั้นการรวมตัวของไมโครทูบูล สร้างไมโครทูบูลไม่ได้จึงไม่สามารถแยกโครมาติดไปยังขั้วเซลล์มะเร็งจึงแบ่งเซลล์ไม่ได้จึงไม่ลุกลามและยับยั้งได้ 5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


จากบทความเรื่อง Environmental toxicology จงอธิบายา Emerging contaminants in SADC region

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


จงอธิบายว่ายาลดความดันทำงานอย่างไร

เช่น Captopril , Enalapril , Perindopril, Ramipril ยานี้มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แองจิโอเทนซินคอนเวอร์ติ้ง (angiotensin converting enzymes) ออกฤทธิ์ด้วยกลไกหลายอย่าง เช่น ขยายหลอดเลือด, ขับโซเดียมและน้ำออกจากร่างกาย เป็นต้น จึงส่งผลโดยรวมทำให้สามารถลดความดันโลหิตได้ 5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


จงอธิบายการทำงานของยาต้านไวรัส จากภาพ

ใหญ่ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือ nucleoside reverse transcriptase inhibitors (RTIs) ยกตัวอย่างยาในกลุ่มนี้เช่น AZT (Retrovir), DDI (Videx), DDC (Hivid), 3TC (Epivir), และ D4T (Zerit) กลุ่มที่สองคือ protease inhibitors (PIs) เช่น Indinavir (Crixivan), Nelfinavir (Viracept) 10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


จากแผนภาพ นักเรียนคิดว่ายานี้คือยาอะไร และมีการทำงานอย่างไร

Gastric acid secretion is under nervous and hormonal control. Gastrin, the major circulating stimulus of acid secretion, probably does not stimulate the parietal cells directly but acts to mobilize histamine from the ECL cells in the oxyntic mucosa. Histamine stimulates the parietal cells to secrete HCl. 10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


จงอธิบายการดื้อยาจากภาพ (ยาฆ่าเชื้อ)

เชื้อดื้อยา คือ ภาวะที่เชื้อแบคทีเรียต่อต้านยาปฏิชีวนะ ทำให้การรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไม่ได้ผลดีดังเดิม อาจต้องใช้เวลารักษานานขึ้น เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาแพงขึ้น หรือผู้ป่วยอาจเสี่ยงเสียชีวิตมากขึ้น 10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


จงสร้างยาต้านมะเร็งจาก pathway ด้านบน

สร้างจากROS generation to 10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


จงสร้างยาต้าน HIV จาก Mechanism ที่นักเรียนเลือก

ยา AZT (Retrovir), DDI (Videx), DDC (Hivid), 3TC (Epivir), และ D4T (Zerit) กลุ่มที่สองคือ protease inhibitors (PIs) เช่น Indinavir (Crixivan), Nelfinavir 10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


จากบทความ COVID ที่ให้ไป ให้นักเรียนสร้างการทดลองที่จะสร้างยาต้าน COVID-19 (อ้างบทความที่ให้)

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


จากบทความเรื่อง drug research in cancer จงสรุป design, synthesis และ biological activity ของยาในงานวิจัย

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


จงสรุปการค้นพบยาในปี 1981

ยาต้านบีตาบางชนิด 10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


จงสรุปการค้นพบยาในปี 2019

ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir 10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


รูปนี้มาจากบทความ drug research in cancer นักเรียนสามารถทำอะไรที่แตกต่างจากdesign นี้ได้บ้าง

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 38.25 เต็ม 150

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา