ตรวจข้อสอบ > สุภัควี สายสมร > ภาษาไทย | การแข่งขันและทดสอบความถนัดทางการแพทย์ (มัธยมศึกษาตอนปลาย) > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 0 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


4. B คือ lagging strand โดยด้าน 2 คือ ปลาย 3'และด้าน 5 คือ ปลาย 5'

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


1. IgG

Immunoglobulin G (IgG) เป็นชนิดที่พบมากที่สุด พบในของเหลวในร่างกาย และช่วยป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


2. หมายเลข 10

ห่วงเฮนเลแบ่งออกเป็น2ส่วน คือส่วนของฮ่วงเฮนเลขาขึ้นและห่วงเฮนเลขาลง ซึ่งห่วงเฮนเลขาลงจะมีการดูดน้ำกลับได้เพียงอย่างเดียวผ่านโปรตีนกลุ่ม aquaporin ซึ่งลำเลียงน้ำเข้าสู่ท่อหน่วยไตได้โดยผ่านการลำเลียงแบบ Facilitated diffusion

ห่วงเฮนเลแบ่งออกเป็น2ส่วน คือส่วนของฮ่วงเฮนเลขาขึ้นและห่วงเฮนเลขาลง ซึ่งห่วงเฮนเลขาลงจะมีการดูดน้ำกลับได้เพียงอย่างเดียวผ่านโปรตีนกลุ่ม aquaporin ซึ่งลำเลียงน้ำเข้าสู่ท่อหน่วยไตได้โดยผ่านการลำเลียงแบบ Facilitated diffusion อ้างอิงจาก หนังสือ BIOLOGY ดร.ศุภณัฐ ไพโรหกุล

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


3. อักษร C เรียกว่า Progesterone

โปรเจสเตอโรน เป็นสตีรอยด์ เช่นเดียวกับเอสโตรเจน สร้างขั้นในรังไข่แต่เป็นการสร้างคนละระยะของรอบเดือนฮอร์โมนตัวนี้ทำให้เส้นเลือดไๅปเลี้ยงเยื่อบุมดลูกเพิ่มมากขึ้นเป็นผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกยิ่งหนาตัว เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับรับการฝังตัวของไข่หากไข่ไม่ถูกผสมรังไข่ก็จะเลิกสร้างฮอร์โมนตัวนี้ เมื่อระดับโปรเจสเตอโรนลดลงเยื่อบุมดลูกก็จะลอกออกมาเป็รประจำเดือน แต่ถ้าหากไข่ที่ได้รับการผสมแล้วฝังตัวลงไปในเยื่อบุมดลูกได้ รังไข่จะทำหน้าที่สร็างโปรเจสเทอโรนต่อไปอ๊กระยะหนึ่ง จนกว่ารกของตัวอ่อนจะเจริญขึ้นและทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนตัวนี้แทนได้

โปรเจสเตอโรน เป็นสตีรอยด์ เช่นเดียวกับเอสโตรเจน สร้างขั้นในรังไข่แต่เป็นการสร้างคนละระยะของรอบเดือนฮอร์โมนตัวนี้ทำให้เส้นเลือดไๅปเลี้ยงเยื่อบุมดลูกเพิ่มมากขึ้นเป็นผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกยิ่งหนาตัว เพื่อเตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับรับการฝังตัวของไข่หากไข่ไม่ถูกผสมรังไข่ก็จะเลิกสร้างฮอร์โมนตัวนี้ เมื่อระดับโปรเจสเตอโรนลดลงเยื่อบุมดลูกก็จะลอกออกมาเป็รประจำเดือน แต่ถ้าหากไข่ที่ได้รับการผสมแล้วฝังตัวลงไปในเยื่อบุมดลูกได้ รังไข่จะทำหน้าที่สร็างโปรเจสเทอโรนต่อไปอ๊กระยะหนึ่ง จนกว่ารกของตัวอ่อนจะเจริญขึ้นและทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนตัวนี้แทนได้ หนังสือ ชีววิทยา

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


หน้าที่ของ progesterone คือกระตุ้นให้ผนังมดลูกเจริญหนาตัวขึ้น ทั้ง myometrium และ endometrium เพื่อ เตรียมพร้อมส้าหรับการฝังตัวของลูกอ่อนและเจริญของคัพภะตลอดการทั้งท้อง ทั้งยังกระตุ้นให้มีการ เจริญของ uterine gland เพื่อผลิตสารอาหารให้แก่ตัวอ่อนก่อนระยะฝังตัว

หน้าที่ของ progesterone คือกระตุ้นให้ผนังมดลูกเจริญหนาตัวขึ้น ทั้ง myometrium และ endometrium เพื่อ เตรียมพร้อมส้าหรับการฝังตัวของลูกอ่อนและเจริญของคัพภะตลอดการทั้งท้อง ทั้งยังกระตุ้นให้มีการ เจริญของ uterine gland เพื่อผลิตสารอาหารให้แก่ตัวอ่อนก่อนระยะฝังตัว

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


4.C5

C5 ได้ C5a และ C5b , C5a จะถูกปล่อยออกสู่กระแสโลหิต มีคุณสมบัติ anaphylatoxin ที่แรงที่สุด และยังมีความสามารถในการดึงดูด neutrophils และ monocytes , ส่วน C5b จะจับกับผิวของเซลล์เป้าหมาย ถ้ามี C6 อยู่ด้วยจะเกิดการรวมตัวกันเป็น C5b6 ขึ้น ซึ่งจะมีความคงตัว แล้วตามด้วย C7 ได้ C5b67 complex ซึ่งจะเปลี่ยนสถานะจาก hydrophilic เป็น hydrophobic ม้วนตัวแทรกไปในชั้นของ lipid bilayer ต่อมา C8 เข้ามาจับเริ่มเกิดรูเล็กๆขนาด 10oA ครั้น C9 ประมาณ 10-17 โมเลกุลมารายล้อม การเกิดรูจะใหญ่ขึ้น (70-100oA) ของเหลวเริ่มไหลเข้าเซลล์ ทำให้เซลล์แตก(reactive lysis)เพราะเสียสมดุลของ osmosis การรวมตัวของ C5b678 อย่างละ 1 โมเลกุล กับ C9 หลายโมเลกุล เรียก Membrane-Attack Complex ( MAC )

C5 ได้ C5a และ C5b , C5a จะถูกปล่อยออกสู่กระแสโลหิต มีคุณสมบัติ anaphylatoxin ที่แรงที่สุด และยังมีความสามารถในการดึงดูด neutrophils และ monocytes , ส่วน C5b จะจับกับผิวของเซลล์เป้าหมาย ถ้ามี C6 อยู่ด้วยจะเกิดการรวมตัวกันเป็น C5b6 ขึ้น ซึ่งจะมีความคงตัว แล้วตามด้วย C7 ได้ C5b67 complex ซึ่งจะเปลี่ยนสถานะจาก hydrophilic เป็น hydrophobic ม้วนตัวแทรกไปในชั้นของ lipid bilayer ต่อมา C8 เข้ามาจับเริ่มเกิดรูเล็กๆขนาด 10oA ครั้น C9 ประมาณ 10-17 โมเลกุลมารายล้อม การเกิดรูจะใหญ่ขึ้น (70-100oA) ของเหลวเริ่มไหลเข้าเซลล์ ทำให้เซลล์แตก(reactive lysis)เพราะเสียสมดุลของ osmosis การรวมตัวของ C5b678 อย่างละ 1 โมเลกุล กับ C9 หลายโมเลกุล เรียก Membrane-Attack Complex ( MAC )

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


เอนไซม์ตัดจำเพาะ (Restriction enzyme) เป็นเอนไซม์ที่สามารถทำปฏิกิริยากับโมเลกุลอะไรบ้าง

2. polynucleotide และ plasmid

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


ข้อใดจัดเป็น nonspecific defense mechanism ของระบบภูมิคุ้มกัน

2. Inflammation

Inflammation หรือการอักเสบเป็นระบบการจัดการ กำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายที่ไม่มีเป้าหมายเฉพาะและสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ พันธุกรรม ฮอร์โมน และความสมบูรณ์ทางร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งส่งผลให้ระบบดังกล่าวมีความสามารถในการป้องกันและทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมอย่างจำกัด

Inflammation หรือการอักเสบเป็นระบบการจัดการ กำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายที่ไม่มีเป้าหมายเฉพาะและสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ พันธุกรรม ฮอร์โมน และความสมบูรณ์ทางร่างกายของแต่ละบุคคล ซึ่งส่งผลให้ระบบดังกล่าวมีความสามารถในการป้องกันและทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมอย่างจำกัด

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


ถ้าเอนไซม์ในรูปที่ lable A ไม่มีในการจำลอง DNA จะเกิดเหตุการณ์ใด

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


ผู้ป่วยชายไทยอายุ 60 ปี มีประวัติการรับประทานมังสวิรัติ มีตลอด 10 ปี มีอาการเหนื่อยล้าและและหน้ามืดบ่อยครั้ง หายใจหอบถี่ จึงมาพบแพทย์ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า RBC 2.51 x 1012/L, HGB 7.2 g/dL, HCT 19 %, MCV 75.7 fL (80-100 fL), MCH 28.8 pg (27-31 pg), MCHC 37.9 g/dL (32-36%), RDW 20.2 ผู้ป่วยรายนี้มีโอกาสเป็นโรคอะไรเนื่องจากสาเหตุใดมากที่สุด?

5. โลหิตจาง เนื่องจากขาด Iron

Mean cell volume (MCV) ค่าเฉลี่ยปริมาตรเม็ดเลือดแดง ถ้าค่านี้ต่ำ แสดงว่าเม็ดเลือดแดงของผู้เข้ารับการตรวจมีขนาดเฉลี่ยเล็กกว่าปกติ (Microcytic) พบได้ในภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency) และโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)

Mean cell volume (MCV) ค่าเฉลี่ยปริมาตรเม็ดเลือดแดง ถ้าค่านี้ต่ำ แสดงว่าเม็ดเลือดแดงของผู้เข้ารับการตรวจมีขนาดเฉลี่ยเล็กกว่าปกติ (Microcytic) พบได้ในภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency) และโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


ผู้ป่วยชายไทยอายุ 60 ปี มีประวัติการรับประทานมังสวิรัติ มีตลอด 10 ปี มีอาการเหนื่อยล้าและและหน้ามืดบ่อยครั้ง หายใจหอบถี่ จึงมาพบแพทย์ ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า RBC 2.51 x 1012/L, HGB 7.2 g/dL, HCT 19 %, MCV 75.7 fL (80-100 fL), MCH 28.8 pg (27-31 pg), MCHC 37.9 g/dL (32-36%), RDW 20.2 ถ้าผู้ป่วยท่านนี้ยังต้องการกินมังสะวิรัติต่อไปควรกินอาหารใดเพิ่มเติม

2. เต้าหู้

อาหารที่บำรุงโลหิตได้แก่พวกธัญพืชต่างๆที่มีธาตุเหล็กมากเช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลืองซึ่งเต้าหู้ทำมาจากถํ่วเหลืองและผู้กินมังสะวิรัติทานได้

อาหารที่บำรุงโลหิตได้แก่พวกธัญพืชต่างๆที่มีธาตุเหล็กมากเช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลืองซึ่งเต้าหู้ทำมาจากถํ่วเหลืองและผู้กินมังสะวิรัติทานได้

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ในการทดสอบและวินิจฉัยระดับโมเลกุลสำหรับตรวจสอบการติดเชื้อ Mycobacterium tuberculosis ใช้ ribosomal RNA เป็นเป้าหมาย ไพรเมอร์ที่ทำขึ้นเพื่อให้จำเพาะกับหน่วยย่อย RNA ใด

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


คำ prefix hypo- หมายถึง _____________, ในขณะที่ suffix -penia หมายถึง_____________.

5. low / lack

Penia มาจากภาษาGermanแปลว่า ขาดแคลน และ Hypo แปลว่าใต้ หรือ ต่ำกว่า

อ้างอิง longdo dict

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


มีนักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นยาตัวใหม่ที่มีกลไกในการยับยั้ง spindle fiber formation ระยะใดในไมโทซิสได้รับผลกระทบ

2. Prophase

โครงสร้างของโครโมโซมจะปรากฏให้เห็นเป็นรูปตัวเอกซ์ (X) ชัดเจนขึ้น โดยในเซลล์ของสัตว์มีการเคลื่อนที่ของเซนทริโอล (Centriole) ซึ่งเคลื่อนตัวไปอยู่บริเวณขั้วตรงข้ามทั้ง 2 ด้านของเซลล์ ก่อนสร้างเส้นใยโปรตีนที่เรียกว่า “ไมโทติกสปินเดิล” (Mitotic Spindle) หรือ “สปินเดิลไฟเบอร์” (Spindle Fiber) ไปยึดเกาะเซนโทรเมียร์ (Centromere) หรือบริเวณจุดกึ่งกลางของโครโมโซม ซึ่งในเซลล์พืชจะมีขั้วตรงกันข้าม (Polar Cap) ทำหน้าที่แทนเซนทริโอล โดยในปลายระยะนี้ เยื่อหุ้มนิวเคลียส (Nuclear Membrane) และนิวคลีโอลัส (Nucleolus) ภายในเซลล์จะค่อย ๆ สลายตัวไป

โครงสร้างของโครโมโซมจะปรากฏให้เห็นเป็นรูปตัวเอกซ์ (X) ชัดเจนขึ้น โดยในเซลล์ของสัตว์มีการเคลื่อนที่ของเซนทริโอล (Centriole) ซึ่งเคลื่อนตัวไปอยู่บริเวณขั้วตรงข้ามทั้ง 2 ด้านของเซลล์ ก่อนสร้างเส้นใยโปรตีนที่เรียกว่า “ไมโทติกสปินเดิล” (Mitotic Spindle) หรือ “สปินเดิลไฟเบอร์” (Spindle Fiber) ไปยึดเกาะเซนโทรเมียร์ (Centromere) หรือบริเวณจุดกึ่งกลางของโครโมโซม ซึ่งในเซลล์พืชจะมีขั้วตรงกันข้าม (Polar Cap) ทำหน้าที่แทนเซนทริโอล โดยในปลายระยะนี้ เยื่อหุ้มนิวเคลียส (Nuclear Membrane) และนิวคลีโอลัส (Nucleolus) ภายในเซลล์จะค่อย ๆ สลายตัวไป

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


ผู้ป่วยได้รับยาแก้ปวด หลังจาก 30 นาที ผู้ป่วยรายนี้มีอาการลมพิษทั่วไปที่มีอาการบวมน้ำที่ใบหน้าและริมฝีปาก เป็นไปได้มากที่สุด กลไกภูมิคุ้มกันที่รับผิดชอบต่ออาการแพ้เหล่านี้คืออะไร

3. Mast cell degranulation

Mast cell Degranulation ทำให้เซลล์หลั่ง Histamine และสารอื่นๆที่ทำให้เกิดอาการแพ้ออกมา Histamine เป็นสารที่สำคัญที่สุด ออกฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัว และ ทำให้เกิดอาหการบวมแดง คัน

Mast cell Degranulation ทำให้เซลล์หลั่ง Histamine และสารอื่นๆที่ทำให้เกิดอาการแพ้ออกมา Histamine เป็นสารที่สำคัญที่สุด ออกฤทธิ์ทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัว และ ทำให้เกิดอาหการบวมแดง คัน

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


หากโมเลกุลของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดที่สมองจนเดินทางออกจากจมูกต้องผ่านโครงสร้างทั้งหมดดังต่อไปนี้ ยกเว้น

2. pulmonary vein

Pulmonary vein) เป็นหลอดเลือดดำขนาดใหญ่ซึ่งรับเอาเลือดที่บรรจุออกซิเจนแล้วจากปอดไปยังหัวใจบนซ้าย

Pulmonary vein) เป็นหลอดเลือดดำขนาดใหญ่ซึ่งรับเอาเลือดที่บรรจุออกซิเจนแล้วจากปอดไปยังหัวใจบนซ้าย

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 42.25 เต็ม 100

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา