ตรวจข้อสอบ > ธีธัช ไพบูลย์ > การทดสอบ | ความถนัดฟิสิกส์ทางวิศวกรรมศาสตร์ > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 39 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


ข้อ ง.

F = ma F = (9kg * 10 m/s) / 3s F = 30 N

กฎข้อที่ 2 กฎของแรง (Force) “ความเร่งของวัตถุจะแปรผันตามแรงที่กระทำต่อวัตถุ แต่จะแปรผกผันกับมวลของวัตถุ” ผลรวม F = ma

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


ข้อ จ.

งาน = พื้นที่ใต้กราฟ * มวล = (6*(5+2))*10 งาน = 420 N ไม่มีคำตอบ

งานในทางฟิสิกส์ หมายถึง ผลของการออกแรงกระทำต่อวัตถุแล้ววัตถุนั้นเคลื่อนที่ตามแนวแรงองค์ประกอบของการเกิดงานมีดังนี้ 1. แรงที่กระทำต่อวัตถุ (F) 2. ระยะทางที่วัตถุเคลื่อนที่ (S) 3. ทิศทางที่วัตถุเคลื่อนที่ต้องอยู่ในแนวเดียวกับแรง(จะทิศเดียวกันหรือทิศตรงข้ามกันก็ได้)

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


ข้อ ข.

ข้อ 1 ไม่จำเป็นต้องคิด ข้อ 2 ถูกเพราะการตกกระทบทำให้ความเร็วหายไป 1/2 แสดงว่าเมื่อถึงพื้นมีการเสียพลังงานจลน์ ไป 1/4 ข้อ 3 ผิด เพราะ แรงที่ได้ = 1*(2.8+1.4)/0.001 = 4200 N

การดล (I) คือ โมเมนตัมที่เปลี่ยนแปลงไปของวัตถุ หากมีแรงที่ไม่คงที่ มากระทำกับวัตถุในช่วงเวลาสั้น ๆ และเนื่องจากแรงลัพธ์ที่มากระทำไม่คงที่ จึงต้องคำนวณจากแรงเฉลี่ยและความเร่งเฉลี่ย

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


ข้อ ข.

mgH = mvกำลัง2/2 + 3mgH/10 vกำลัง2 = 7mgH/5 v= 1.18(รากที่2ของ gH)

กฎการอนุรักษ์พลังงาน (law of conservation of energy) กล่าวว่า พลังงานไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ และไม่สามารถทำให้สูญหายได้ แต่สามารถเปลี่ยนรูปได้ เช่น พลังงานศักย์เปลี่ยนเป็นพลังงานจลน์ เมื่อวัตถุตกจากที่สูงลงสู่พื้นโลก พลังงานจลน์เปลี่ยนเป็นพลังงานศักย์ เมื่อวัตถุเคลื่อนที่จากพื้นขึ้นไปในอากาศ​

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


ข้อ จ.

ข้อ 1 , 4 ถูก ข้อ 2 ผิดเพราะ แรงเสียดทางมีทิศตรงข้ามกับการเคลื่อนที่ ข้อ 3 ผิดเพราะ แรงเสียดทานสถิตมีค่ามากกว่าแรงเสียดทานจลน์เล็กน้อย

แรงเสียดทาน (Friction) คือแรงต้านการเคลื่อนที่บนผิวสัมผัสที่เกิดขึ้นระหว่างวัตถุ หรือแรงที่ต้านทานการเคลื่อนที่ของวัตถุไปบนพื้นผิวสัมผัส ซึ่งส่งผลให้วัตถุดังกล่าวเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่งไปในท้ายที่สุด ดังนั้น แรงเสียดทานจึงมีทิศทางตรงกันข้ามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ และมีขนาดขึ้นอยู่กับ ลักษณะของพื้นผิวสัมผัส และ แรงหรือน้ำหนัก ที่กระทำในลักษณะตั้งฉากต่อพื้นผิวดังกล่าว หากแรงกดตั้งฉากกับผิวสัมผัสมีขนาดมากเท่าใดย่อมส่งผลให้ เกิดแรงเสียดทานมากขึ้นเท่านั้น

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


ข้อ ข.

แรงที่เกิดจาก m2 = 40 N แรงที่เกิดจาก m1 = 30 N มีทิศเดียวกัน แรงตึงในเส้นเชือก = 40 - 30 = 10 N

กฏการเคลื่อนที่ข้อที่2 ถ้ามีแรงลัพธ์ซึ่งมีขนาดไม่เป็นศูนย์มากระทำต่อวัตถุ วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่งในทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ที่มากระทำขนาดของความเร่งจะแปรโดยตรงกับแรงลัพธ์ และแปรผกผันกับมวลของวัตถุนั้นจะได้ สมการของการเคลื่อนที่เป็น การแตกแรง

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


ข้อ ง.

T1=(3+2)(10+2) = 60 N T2=(2)(10+2) = 24 N ผลต่าง = 36 N

กฏการเคลื่อนที่ข้อที่2 ถ้ามีแรงลัพธ์ซึ่งมีขนาดไม่เป็นศูนย์มากระทำต่อวัตถุ วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่งในทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ที่มากระทำขนาดของความเร่งจะแปรโดยตรงกับแรงลัพธ์ และแปรผกผันกับมวลของวัตถุนั้นจะได้ สมการของการเคลื่อนที่เป็น

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ข้อ ค.

mg = T3 cosθ T3= mg/cosθ T2 = T3 sinθ T2 = mgsinθ/cosθ T2 = mgtanθ

กฏการเคลื่อนที่ข้อที่2 ถ้ามีแรงลัพธ์ซึ่งมีขนาดไม่เป็นศูนย์มากระทำต่อวัตถุ วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่งในทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ที่มากระทำขนาดของความเร่งจะแปรโดยตรงกับแรงลัพธ์ และแปรผกผันกับมวลของวัตถุนั้นจะได้ สมการของการเคลื่อนที่เป็น การแตกแรง

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


ข้อ ง.

หาคำตอบไม่ได้เนื่องจากไม่ทราบมุมของพื้นเอียง

กฏการเคลื่อนที่ข้อที่2 ถ้ามีแรงลัพธ์ซึ่งมีขนาดไม่เป็นศูนย์มากระทำต่อวัตถุ วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร่งในทิศทางเดียวกับแรงลัพธ์ที่มากระทำขนาดของความเร่งจะแปรโดยตรงกับแรงลัพธ์ และแปรผกผันกับมวลของวัตถุนั้นจะได้ สมการของการเคลื่อนที่เป็น การแตกแรง แรงเสียดทาน (Friction) คือแรงต้านการเคลื่อนที่บนผิวสัมผัสที่เกิดขึ้นระหว่างวัตถุ หรือแรงที่ต้านทานการเคลื่อนที่ของวัตถุไปบนพื้นผิวสัมผัส ซึ่งส่งผลให้วัตถุดังกล่าวเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่งไปในท้ายที่สุด ดังนั้น แรงเสียดทานจึงมีทิศทางตรงกันข้ามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ และมีขนาดขึ้นอยู่กับ ลักษณะของพื้นผิวสัมผัส และ แรงหรือน้ำหนัก ที่กระทำในลักษณะตั้งฉากต่อพื้นผิวดังกล่าว หากแรงกดตั้งฉากกับผิวสัมผัสมีขนาดมากเท่าใดย่อมส่งผลให้ เกิดแรงเสียดทานมากขึ้นเท่านั้น

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


ข้อ ก.

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


ข้อ ข.

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


ข้อ ง.

จาก g = Gm/R กำลัง2 m = gRกำลัง2/G

นิวตันเสนอกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลได้ว่า "วัตถุทั่งหลายในเอกภพจะออกแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน โดยขนาดของแรงดึงดูดระหว่างวัตถุคู่หนึ่ง ๆจะแปรผันตรงกับผลคูณระหว่างมาลวัตถุที่สองและจะ แปรผกผันกับกำลังสองชองระยะทางระหว่างวัตถุทั้งสองนั่น" ตามกฎแรงดึงดูดระหว่างมวลที่นิวตันเสนอ เราจะสามารถเขียนได้ว่า F = Gm1m2/Rกำลัง2 m1a = Gm1m2/Rกำลัง2 พิจารณามวลของโลก ถ้าเราตัดมวล m ทั้งสองข้างจะได้ g =Gm/Rกำลัง2 จากสมการ จะเห็นว่า ค่า g ซึ่งเป็ นค่าความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง จะมีค่าขึ้นกับรัศมี โลก Re หรืออาจกล่าวให้ชัดเจนขึ้นว่า g ขึ ้นกับระยะทางห่างจากโลกออกไป กล่าวคือ g จากเมื่อระยะทาง น้อย และ g จะน้อยเมื่อระยะทางงมาก หรือกล่าวสรุปว่า g แปรผันกับระยะห่างจากจุดศูนย์กลางของโลก ยกกำลังสอง

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


ข้อ ก.

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


ข้อ ก.

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


ข้อ ข.

แปลงน้ำแข็งเป็น น้ำ ใช้ 333 *100 /1000 = 33.3 kj แปลงน้ำให้อุณหภูมิ เป็น 10 อง3ศา C ใช้ 10*100*4200/1000*1000 = 4.2kj รวมได้ 37.5 kj

ในทางฟิสิกส์ ความร้อน (ใช้สัญลักษณ์ว่า Q ) หมายถึง พลังงานที่ถ่ายเทจากสสารหรือระบบหนึ่งไปยังสสารหรือระบบอื่นโดยอาศัยความแตกต่างของอุณหภูมิ ในทางอุณหพลศาสตร์จะใช้ปริมาณ TdS ในการวัดปริมาณความร้อน ซึ่งมีความหมายถึง อุณหภูมิสัมบูรณ์ของวัตถุ (T) คูณกับอัตราการเพิ่มของเอนโทรปีในระบบเมื่อวัดที่พื้นผิวของวัตถุ ความร้อนสามารถไหลผ่านจากวัตถุที่มีอุณหภูมิสูงไปยังวัตถุที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า หากต้องการให้ความร้อนถ่ายเทไปยังวัตถุที่มีอุณหภูมิเท่ากันหรือสูงกว่าจะทำได้ก็ต่อเมื่อใช้ปั๊มความร้อนเท่านั้น การสร้างแหล่งความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงสามารถทำได้จากปฏิกิริยาเคมี (เช่นการเผาไหม้) ปฏิกิริยานิวเคลียร์ (เช่นฟิวชันในดวงอาทิตย์) การเคลื่อนที่ของอนุภาคแม่เหล็กไฟฟ้า (เช่นเตาไฟฟ้า) หรือการเคลื่อนที่ทางกล (เช่นการเสียดสี) โดยที่อุณหภูมิเป็นหน่วยวัดปริมาณของพลังงานภายในหรือเอนทาลปี ซึ่งเป็นพื้นฐานที่ส่งผลต่ออัตราการถ่ายเทความร้อนของวัตถุนั้นๆ

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ข้อ จ.

ความยาวคลื่นเท่าเดิมเสมอเมื่ออยู่ตัวกลางเดิม

คลื่น เป็นปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่รูปแบบหนึ่ง มีการแผ่กระจายเคลื่อนที่ออกไป ในลักษณะของการกวัดแกว่ง หรือกระเพื่อม และมักจะมีการส่งถ่ายพลังงานไปด้วย เช่น คลื่นผิวน้ำ คลื่นยังเเบ่งออกเป็นหลายชนิดโดยที่คลื่นบางชนิดอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ เเต่บางชนิดก็ไม่อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ การหักเห หมายถึง การที่คลื่นเปลี่ยนอัตราเร็วเมื่อคลื่นเปลี่ยนแนวทางเดินขณะเปลี่ยนตัวกลาง เมื่อคลื่นผิวน้ำเดินทางจากตัวกลางที่ 1 ไปยังตัวกลางที่ 2 อัตราเร็วของคลื่นจะเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้ความยาวคลื่นเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย แต่ความถี่ของคลื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง การหักเห เมื่อคลื่นเดินทางจากตัวกลางที่ 1 ไปยังตัวกลางที่ 2 (น้ำตื้นไปน้ำลึกหรือน้ำลึกไปน้ำตื้น) โดยแนวทางเดินของคลื่นไม่ตั้งฉากกับผิวรอยต่อระหว่างตัวกลาง จากกฎการหักเหของสเนลล์จะได้ว่า “อัตราส่วนของค่าไซน์ของมุมตกกระทบกับค่าไซน์ของมุมหักเหจะมีค่าเท่ากับอัตราส่วนระหว่างอัตราเร็วคลื่นในตัวกลางที่คลื่นตกกระทบกับอัตราเร็วคลื่นในตัวกลางที่คลื่นหักเห”

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


ข้อ ข.

sinθ2/sinθ1 = n1/n2 n1/n2 = sin 45องศส /sin 30องศา ท1/n2 = 1.414

การหักเห หมายถึง การที่คลื่นเปลี่ยนอัตราเร็วเมื่อคลื่นเปลี่ยนแนวทางเดินขณะเปลี่ยนตัวกลาง เมื่อคลื่นผิวน้ำเดินทางจากตัวกลางที่ 1 ไปยังตัวกลางที่ 2 อัตราเร็วของคลื่นจะเปลี่ยนไปจากเดิม ทำให้ความยาวคลื่นเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย แต่ความถี่ของคลื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง การหักเห เมื่อคลื่นเดินทางจากตัวกลางที่ 1 ไปยังตัวกลางที่ 2 (น้ำตื้นไปน้ำลึกหรือน้ำลึกไปน้ำตื้น) โดยแนวทางเดินของคลื่นไม่ตั้งฉากกับผิวรอยต่อระหว่างตัวกลาง จากกฎการหักเหของสเนลล์จะได้ว่า “อัตราส่วนของค่าไซน์ของมุมตกกระทบกับค่าไซน์ของมุมหักเหจะมีค่าเท่ากับอัตราส่วนระหว่างอัตราเร็วคลื่นในตัวกลางที่คลื่นตกกระทบกับอัตราเร็วคลื่นในตัวกลางที่คลื่นหักเห”

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


ข้อ ค.

จาก s=ut+gtกำลัง2/2 เวลาเคลื่อนที่ของก้อนหิน = รากที่2ของ100/5 = 4.47 วินาที เวลาเคลื่อนที่ของเสียง = 100/331+0.6*20 =0.29 วินาที รวมได้ 4.76 วินาที

การเลื่อนที่แนวดิ่ง อัตราเร็วของเสียง คือ ระยะทางที่เสียงเดินทางไปในตัวกลางใด ๆ ได้ในหนึ่งหน่วยเวลา โดยทั่วไปเสียงเดินทางในอากาศที่มีอุณหภูมิ 25°C (= 298,15 K) ได้ประมาณ 346 เมตร/วินาที และในอากาศที่อุณหภูมิ 20°C ได้ประมาณ 343 เมตร/วินาที อัตราเร็วที่เสียงเดินทางได้นั้นอาจมีค่ามากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของตัวกลางเป็นหลัก และอาจได้รับอิทธิพลจากความชื้นบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ขึ้นกับความดันอากาศ

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


ข้อ ข.

λ=v/f = 375/250 = 1.5 nλ = ค่าสัมบูรณ์ของ AC-BC ค่าสัมบูรณ์ของ AC-BC = 1.5*2 = 3

คลื่น เป็นปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนที่รูปแบบหนึ่ง มีการแผ่กระจายเคลื่อนที่ออกไป ในลักษณะของการกวัดแกว่ง หรือกระเพื่อม และมักจะมีการส่งถ่ายพลังงานไปด้วย เช่น คลื่นผิวน้ำ คลื่นยังเเบ่งออกเป็นหลายชนิดโดยที่คลื่นบางชนิดอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ เเต่บางชนิดก็ไม่อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


ข้อ ข.

ความถึ่ = 5 Hz ความเร็ว = 0.5 m/s v=f*ความยาวคลื่น ความยาวคลื่น = 0.5/5 = 0.1 m

คลื่นกล คลื่นกลเป็นคลื่นที่ต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ สิ่งที่คลื่นนำไปด้วยพร้อมกับการเคลื่นที่คือพลังงาน พลังงานเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางต่างๆ จะมีปริมาณต่างๆกันไปในแต่ละกรณี เช่น พลังงานของคลื่นในทะเลขณะที่พายุจะมีค่ามากกว่าพลังงานที่เกิดจากคลื่นเสียงที่เราตะโกนออกไป เมื่อพิจารณาจากความหมายของคาบและความถี่ของคลื่น จะได้ความสัมพันธ์ดังนี้ T=1/f v=s/t v=fλ

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 72.75 เต็ม 100

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา