ตรวจข้อสอบ > วิรชา สิงห์อังกุระ > ชีวเคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biochemistry > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 33 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


จ. สาร Y เป็นสารที่สามารถละลายได้ดีทั้งในน้ำและในไขมัน

กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับพลังงาน ถ้าพลังงานที่ใช้แยกอนุภาคของของแข็งมีปริมาณน้อยกว่า พลังงานที่เกิดจากการยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคของตัวละลายกับตัวทำละลาย การละลายของสารนี้จะปล่อยพลังงานออกมา สารละลายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การละลายประเภทนี้เรียกว่า การละลายประเภทคายความร้อน

การที่อนุภาคของตัวถูกละลายจะเข้าไปแทรกตัวอยู่ระหว่างอนุภาคของตัวทำละลายได้หรือไม่ จะขึ้นอยู่กับแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของตัวทำละลายกับตัวทำละลาย แรงดึงดูดโมเลกุลระหว่างตัวทำละลายกับตัวถูกละลาย และแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลตัวถูกละลายกับตัวถูกละลาย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


กรดอะมิโน 2 โมเลกุล ที่ต่อเข้าด้วยกันด้วยพันธะเพปไทด์ เราเรียกว่า ไดเพปไทด์ กรดอะมิโน 3 โมเลกุล ต่อกันก็จะได้ ไตรเพปไท ถ้าเป็นกรดอะมิโน 4 โมเลกุล ต่อเข้าด้วยกันก็จะเป็น เตตระเพปไทด์ สำหรับกรดอะมิโนหลายๆ โมเลกุลที่มาเรียงต่อกันเป็นสายยาว เราเรียกมันว่า พอลิเพปไทด์

กรดอะมิโน 2 โมเลกุล ที่ต่อเข้าด้วยกันด้วยพันธะเพปไทด์ เราเรียกว่า ไดเพปไทด์ กรดอะมิโน 3 โมเลกุล ต่อกันก็จะได้ ไตรเพปไท ถ้าเป็นกรดอะมิโน 4 โมเลกุล ต่อเข้าด้วยกันก็จะเป็น เตตระเพปไทด์ สำหรับกรดอะมิโนหลายๆ โมเลกุลที่มาเรียงต่อกันเป็นสายยาว เราเรียกมันว่า พอลิเพปไทด์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


ข้อ จ.

เพราะ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


การเกิดพันธะเพปไทด์ในโมเลกุลของโปรตีน กรดอะมิโน คือ กรดอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่มีหมู่คาร์บอกซิล และหมู่อะมิโนเป็นหมู่ฟังก์ชัน

สารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 2 โมเลกุล เรียกว่า ไดเพปไทด์ สารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 โมเลกุล เรียกว่า ไตรเพปไทด์ สารที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนตั้งแต่ 100 โมเลกุลขึ้นไป เรียกว่า พอลิเพปไทด์นี้ว่า โปรตีน อนึ่งสารสังเคราะห์บางชนิดก็เกิดพันธะเพปไทด์เหมือนกัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


4ไอโมเซอร์

1 2 1 2

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


ข้อ ข.

ระกอบด้วย 4 ส่วนคือ หมู่คาร์บอกซิล (-COOH) หมู่อะมิโน (-NH2) หมู่อาร์ (R) หรือหมู่โซ่ข้างและไฮโดรเจนอะตอม (H) โดยที่หมู่คาร์บอกซิลจะแสดงความเป็นกรด หมู่อะมิโนจะแสดงความเป็นด่างและหมู่อาร์จะแสดงถึงความแตกต่างกันของกรดอะมิโนแต่ละชนิด หมู่ต่าง ๆ

ระกอบด้วย 4 ส่วนคือ หมู่คาร์บอกซิล (-COOH) หมู่อะมิโน (-NH2) หมู่อาร์ (R) หรือหมู่โซ่ข้างและไฮโดรเจนอะตอม (H) โดยที่หมู่คาร์บอกซิลจะแสดงความเป็นกรด หมู่อะมิโนจะแสดงความเป็นด่างและหมู่อาร์จะแสดงถึงความแตกต่างกันของกรดอะมิโนแต่ละชนิด หมู่ต่าง ๆ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


ก. ดาวิกาชอบบีมมะนาวลงในกุ้งเต้น

อุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้พันธะไฮโดรเจนระหว่างสายพอลิเพปไทด์ถูกทำลาย โครงสร้างของโปรตีนจะถูกทำลายโดยเฉพาะพันธะระหว่างสายของโปรตีนกับโปรตีน หรือโปรตีนกับน้ำ หากอุณหภูมิไม่สูงมากนัก การเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติของโปรตีนอาจผันกลับคืนได้

การสูญเสียสภาพธรรมชาติของโปรตีนที่เป็นเอนไซม์ ทำให้โครงสร้างโมเลกุลของเอนไซม์เปลี่ยนแปลงไป จึงมีผลต่อการทำงานของเอนไซม์ หากการเปลี่ยนสภาพธรรมชาติเกิดขึ้นมาก ทำให้เอนไซม์มีโครงสร้างเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จะทำให้เอนไซม์นั้นหยุดทำงาน (inactive) ไม่สามารถเร่งปฏิกิริยาได้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ข. 1 และ 2

pH 6-7 เอนไซม์นี้จะทำปฏิกิริยาได้ดีที่สุดที่อุณภูมิ 35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส และที่ pH 3 และ pH 8 เอนไซม์อาจเกิดการแปลงสภาพอย่างสมบูรณ์

pH 6-7 เอนไซม์นี้จะทำปฏิกิริยาได้ดีที่สุดที่อุณภูมิ 35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส และที่ pH 3 และ pH 8 เอนไซม์อาจเกิดการแปลงสภาพอย่างสมบูรณ์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


ก. นํ้าตาลทราย,กลูโคส

สารละลายเลด (II) ไนเตรต และโพแทสเซียมไอโอไดด์ เป็นของเหลวใส ไม่มีสี เมื่อผสมกันแล้วเกิดตะกอนสีเหลือง

กระบวนการที่เกิดจากการที่สารเคมีเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วส่งผลให้เกิดสาร ใหม่ขึ้นมาซึ่งมีคุณสมบัติเปลี่ยนไปจากเดิม การเกิดปฏิกิริยาเคมีจำเป็นต้องมีสารเคมีตั้งต้น 2 ตัวขึ้นไป (เรียกสารเคมีตั้งต้นเหล่านี้ว่า "สารตั้งต้น" หรือ ทำปฏิกิริยาต่อกัน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคุณสมบัติทางเคมี ซึ่งก่อตัวขึ้นมาเป็นสารใหม่ที่เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ซึ่งสารผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติทางเคมีที่เปลี่ยนไปจากเดิม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


น้ำตาลโมเลกุลคู่ เกิดจากมอโนแซ็กคาไรด์ 2 โมเลกุล ซึ่งอาจเหมือนหรือต่างชนิดกันก็ได้มาเชื่อมกันด้วยพันธะไกลโคซิดิก ไดแซ็กคาไรด์ที่พบมากในธรรมชาติและเป็นอาหารที่สำคัญที่สุดของมนุษย์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ที่มีจ านวนคาร์บอน 1-4 อะตอม ละลายในน้า ไดด้ีเนื่องจากเกิดพนัธะไฮโดรเจน)แต่การละลายจะนอ้ยลงเมื่อโมเลกลุ ใหญ่ข้ึน

กรดคาร์บอกซิลิกและอนุพันธ์ที่มีจ านวนคาร์บอน 1-4 อะตอม ละลายในน้า ไดด้ีเนื่องจากเกิดพนัธะไฮโดรเจน แต่การละลายจะนอ้ยลงเมื่อโมเลกลุ ใหญ่ข้ึน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


ข้อ จ.

หน้าที่ของโปตีนคือ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมเเซมเนื้อเยื่อ

เเละเสริมภูมิคุัมกัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


ข้อ ค.

สายพอลิเมอร์ของกรดอะมิโนที่มาเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์ ปลายด้านที่มีหมู่อะมิโนเป็นอิสระเรียกว่าปลายเอ็น (N-terminal) ส่วนปลายที่มีหมู่คาร์บอกซิลเป็นอิสระเรียกว่าปลายซี (C-terminal) การเรียกชื่อเพปไทด์จะเรียกตามลำดับกรดอะมิโนจากปลายเอ็นไปหาปลายซี เพปไทด์ขนาดเล็กหลายชนิดมีความสำคัญในสิ่งมีชีวิต

สายพอลิเมอร์ของกรดอะมิโนที่มาเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเพปไทด์ ปลายด้านที่มีหมู่อะมิโนเป็นอิสระเรียกว่าปลายเอ็น ส่วนปลายที่มีหมู่คาร์บอกซิลเป็นอิสระเรียกว่าปลายซี การเรียกชื่อเพปไทด์จะเรียกตามลำดับกรดอะมิโนจากปลายเอ็นไปหาปลายซี เพปไทด์ขนาดเล็กหลายชนิดมีความสำคัญในสิ่งมีชีวิต เช่น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


ข้อ ก.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


ข้อ ข. 4 แบบ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


ข้อ ค. 3 ชนิด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


นักกำหนดอาหารได้มีการจัดอาหารกลางวันสำหรับผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยอาหารประกอบไปด้วย ข้าว กะหล่ำปีผัดน้ำมัน และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ อาหารมื้อนี้ ผู้ป่วยจะได้รับสารชีวโมเลกุลประเภทให้พลังงานกี่ชนิด อะไรบ้าง

ง. 4 ชนิด ได้แก่ ไขมัน คาร์โบไฮเดต โปรตีน และเซลลูโลส

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


ข้อใดไม่ถูกต้อง

ข. ไดแซคคาไรด์ที่ได้จากการย่อยสลายเซลลูโลสและอะไมเลสมีโครงสร้างเหมือนกัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 35.95 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา