ตรวจข้อสอบ > สิริ​วรรณ​ แซะหมาด > ชีวเคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biochemistry > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 63 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


ง. เมื่อนำน้ำมันหยดลงในสาร Y สาร Y จะหันไออนลบไปล้อมรอบเกิดเป็นสารอิมัลชัน

เพราะเมื่อหยดน้ำมันลงในสารY สารYจะหันด้านไม่มีขั้วเข้าหาน้ำมัน ไม่ใช่หันด้านลบเข้าหาน้ำมัน

X คือไขมันและน้ำมัน y คือเกลือของกรดไขมันปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นได้คือสปอนนีฟิกเคชั่น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


ข้อ ข.

กดกลูต้ามิกไม่มีพันธะเพปไทด์จึงไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลายCuSo แป้งมันสำปะหลังไม่ทำปฏิกิริยากับสารละลาย เมเนดิกส์น้ำตาลชูรสไม่ตามปฏิกิริยากับสารละลายไอโอดีน

น้ำตาลกลูโคสทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์เกิดตะกอนสีแดงอิฐของCo20

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


ข้อ ค.

จากสารที่กำหนดให้เมื่อนำไฮโดรลิซิสด้วยกรดสารที่ไม่ให้ผลิตภัณฑ์เป็นกรดแอลฟาเมโนจึงเป็นข้อ 3

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


ข. ธนนท์แช่เนื้อไว้ในตู้เย็นเพื่อเตรียมทำอาหาร

โปรตีนในเนื้อไม่เกิดการแปลงสภาพเพราะความเย็นไม่ทำให้โปรตีนแปลงสภาพ

โปรตีนสามารถถูกทำให้เสื่อมสภาพโดยการใช้อุณหภูมิสูงหรือการทำปฏิกิริยากับกรด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


จ. 1, 2, 3 และ 4

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


ง. กลูโคส,แป้ง

เพราะน้ำตาลกลูโคสทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนติกเกิดตะกอนสีแดงอิฐและแป้งตามปฏิกิริยากับสารละลาย เพราะน้ำตาลกลูโคสทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์ เกิดตะกอนสี แดงอิฐและ แป้งตามปฏิกิริยากับสารละลาย ไอโอดีนเกิดสารสีน้ำเงิน เมื่อถูกไอดอลไลต์เกิดไฮโดรลิซิส จะได้กลูโคสกลูโคสทำปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์ได้ตะกอนสีเเดงอิฐ

น้ำตาลตามปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกต์แป้งทำปฏิกิริยากับสารละลายไอโอดีนกลูโคสตามปฏิกิริยากับสารละลายเมเนดิกต์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


การเรียงตัวของสารเพชรไทยจะเริ่มต้นตัวปลายด้านโมมิโนและไปสิ้นสุดที่ปลายด้านคาร์โบซิลิกดังนั้นกรดอะมิโนตัวแรกคือ arg คือสายที่ 2 ตามด้วยสายที่ 6 สายที่ 1 สายที่ 2 สายที่ 3 สายที่ 4 และสายที่ 5 เป็นสายสุดท้ายดังนั้นกรดอะมิโนตัวสุดท้ายคือ Arg และมีกรดอะมิโนทั้งหมด 9 ตัวการเรียงตัวของกรดอะมิโนมีดังนี้ Arg-Pro-Pro-Gly-Phe-Ser-Pro-Phe-Arg

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


ข้อ ค.

ในโดยชามีนใดโดยชาวเมนไม่ได้ใส่ในอาหารโดยตรงแต่เกิดจากสารประเภทใดรฟ์ ที่ใส่ในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์เพื่อให้มีสีแดงทำปฏิกิริยากับสารเคมีในอาหาร

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


ข้อ ข.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


ข้อ ค.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


เพราะเลซิตินเป็นฟอสโฟลิพิดทำหน้าที่ช่วยละลายไขมัน ในกระแสเลือดให้แตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ

เพราะเลซิตินสามารถทำหน้าที่คล้ายคลึงกับสบู่เพราะโมเลกุลของสบู่ละลายทั้งในหยดน้ำมันและในน้ำมันทำให้สิ่งสกปรกถูกชะล้างและแพร่กระจายอยู่ในน้ำในรูปของอีมันชัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


ข้อ ข. 4 แบบ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


ข้อ ง. 4 ชนิด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


นักกำหนดอาหารได้มีการจัดอาหารกลางวันสำหรับผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยอาหารประกอบไปด้วย ข้าว กะหล่ำปีผัดน้ำมัน และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ อาหารมื้อนี้ ผู้ป่วยจะได้รับสารชีวโมเลกุลประเภทให้พลังงานกี่ชนิด อะไรบ้าง

ค. 3 ชนิด ได้แก่ ไขมัน คาร์โบไฮเดต และโปรตีน

ข้าวคาโบไฮเดรต เต้าหู้หมูสับมีโปรตีน ส่วนไขมันได้จากน้ำมัน

ชีวโมเลกุลที่ให้พลังงานคือโปรตีนไขมันและคาร์โบไฮเดรต

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


ข้อใดไม่ถูกต้อง

ง. การนำโปรตีนมาทำปฏิกิริยากับคอปเปอร์ (II) ซัลเฟตในเบสจะทำให้โปรตีนเกิดการแปลงสภาพ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 50.9 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา