1 |
|
จ. คาร์โบไฮเดรต |
|
อินูลิน คือ คาร์โบไฮเดรต ประเภทพอลิแซ็กคาไรด์ จัดเป็น เส้นใยอาหาร ประเภทที่ละลายได้ในน้ำ ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารและไม่ให้พลังงาน แต่ถูกย่อยได้ด้วยแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ๋
|
โครงสร้างโมเลกุลของอินูลิน เหมือนกับโอลิโกฟรักโทส ซึ่งเป็นโอลิโกแซ็กคาไรด์ แต่อินูลินเป็นพอลิเมอร์ที่มีสายยาวกว่า จึงไม่มีรสหวาน
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
|
ค. 3 และ 4 |
|
อินซูลิน เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถผลิตเองได้จากตับอ่อน โดยอินซูลินจะทำหน้าที่ควบคุมสมดุลของระดับกลูโคสในเลือด และยังช่วยให้เซลล์ในร่างกายเก็บสะสมกลูโคสเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน และยังช่วยเก็บกลูโคสส่วนเกินไว้ในตับเพื่อให้ร่างกายเอามาใช้เป็นพลังงานได้เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
|
การผลิตอินซูลินทดแทนโดยการฉีดเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยเบาหวาน เพื่อรักษาสมดุลของน้ำตาลในเลือด
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
|
ง. เอนไซม์ช่วยให้เจลาตินแข็งตัวเร็วขึ้นในpHที่เหมาะสม |
|
จากตารางสังเกตได้ว่าหลอดที่1และ4มีช่วงเวลาการแข็งตัวที่เท่ากันโดยหลอดที่1ไม่มีเอนไซม์ หลอดที่4มีเอนไซม์และค่าPHของ2หลอดนั้นต่างกัน ก็สรุปได้ว่าเอนไซม์ช่วยให้เจลาตินแข็งตัวเร็วขึ้นในpHที่เหมาะสม
|
หลอดที่1และ4มีช่วงเวลาการแข็งตัวที่เท่ากันโดยหลอดที่1ไม่มีเอนไซม์ หลอดที่4มีเอนไซม์และค่าPHของ2หลอดนั้นต่างกัน
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
|
ค. เพปไทด์ที่เกิดจากกรดXกรดYและกรดZเป็นไตรเพปไทด์ที่มีจํานวนพันธะเพปไทด์3พันธะ |
|
กรดแต่ละชนิดเชื่อกันด้วยพันธะพอลิเพปไทด์พอนำทั้งสามมาเชื่อมกันโมเลกุลที่ซ้ำ3ตัวก็จะเชื่อมกันด้วยพันธะไตรเพปไทด์
|
โมลเมกุลที่เหมือนกันนำมาเชื่อต่อกันเป็นสายเพปไทด์
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
|
ข.โครงสร้างแบบทุติยภูมิของโปรตีนแบบเกลียวแอลา เกิดจากการสร้างพันธะไฮโดรเจนระหว่าง C=O ของกรดอะมิโนหนึ่ง N-H ของกรดอะมิโนระหว่างโพลิเพปไทด์ที่อยู่คู่กัน |
|
เป็นโครงสร้างที่เกิดจากกรดแอมิโน ที่อยู่ภายในสายพอลิเพปไทด์เดียวกัน ทำปฎิกิริยากันด้วยพันธะไฮโดรเจน ซึ่งเกิดขึ้นในตำแหน่งที่เว้นระยะห่างสม่ำเสมอกัน ทำให้เกิดโครงสร้างสามมิติของโปรตีนที่ มี 2 รูปแบบหลักคือ เกลียวแอลฟา และแบบ beta sheetsหรือ pleated sheet ซึ่งป็นแผ่นพับซ้อนกันไปมา
|
โครงสร้างแบบทุติยภูมิของโปรตีน เป็นโครงสร้างสามมิติของโปรตีนที่ มี 2 รูปแบบหลักคือ เกลียวแอลฟา และแบบ beta sheetsหรือ pleated sheet ซึ่งป็นแผ่นพับซ้อนกันไปมา
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
|
สารAคือกลีเซอรอล Bคือกรดไขมัน และCคือไขมันและน้ำมัน |
|
จากสมการการเกิดไขมันจะเป็น กลีเซอรอล+กรดไขมัน ได้เป็น ไขมันและน้ำมัน+น้ำ
|
จากสมการการเกิดไขมันจะเป็น กลีเซอรอล+กรดไขมัน ได้เป็น ไขมันและน้ำมัน+น้ำ
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
|
ข้อ ง. |
|
น้ำมันที่มีการหยดไอโอดีนมากที่สุดจะเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอื่มตัวน้อยเช่นน้ำมันพืชจึงไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดส่วนน้ำมันที่เหมาะกับการประกอบอาหารด้วยไฟอ่อนเป็นเวลานานจะเป็นพวกน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวน้อย
|
การหยดไอโอดีนมากที่สุดจะเป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันอื่มตัวน้อยเช่นน้ำมันพืชจึงไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือดส่วนน้ำมันที่เหมาะกับการประกอบอาหารด้วยไฟอ่อนเป็นเวลานานจะเป็นพวกน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวน้อย
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
|
ข้อ ง. |
|
น้ำมันxเป็นน้ำมันพืชส่วนน้ำมันyเป็นน้ำมันจากสัตว์โดยปกติน้ำมันพืชมีจุดหลอมเหลวต่ำและเหม็นหืนยากมีกรดไขมันอิ่มตัวน้อย ส่วนน้ำมันyเป็นน้ำมันจากสัตว์โดยปกติจุดหลอมเหลวสูงและเหม็นหืนง่ายมีกรดไขมันอิ่มตัวมาก
|
น้ำมันพืชมีจุดหลอมเหลวต่ำและเหม็นหืนยากมีกรดไขมันอิ่มตัวน้อย ส่วนน้ำมันจากสัตว์โดยปกติจุดหลอมเหลวสูงและเหม็นหืนง่ายมีกรดไขมันอิ่มตัวมาก
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
|
จ. น้ำมันมะกอกประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่าน้ำมันหมูหรือไขวัว |
|
น้ำมันมะกอกมีจุดหลอมเหลวต่ำและเมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวมาก
|
น้ำมันพืชมีจุดหลอมเหลวต่ำและมีกรดไขมันอิ่มตัวน้อย
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
|
ก. ไข่ขาว , น้ำตาลทราย , เอทิลแอซิเตต |
|
สารxการเติมสารNaOH และ CuSO4แล้วได้เป็นสีม่วงสารนั้นคือโปรตีนในที่นี้คือไข่ขาว ส่วนสารzต้มกับ HCL แล้วมีกลิ่นฉุนคล้ยน้ำส้มสายชูสารนั้นก็คือเอทิลแอซิเตต สารyจึงเป็นน้ำตาลทราย
|
การเติมสารNaOH และ CuSO4แล้วได้เป็นสีม่วงสารนั้นคือโปรตีน และสารที่ต้มกับ HCL แล้วมีกลิ่นฉุนคล้ยน้ำส้มสายชูก็ต้องเป็นส่วนประกอบของน้ำส้มสายชู
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
|
ง. ข้อ 2 และ ข้อ 3 ถูก |
|
-
|
-
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
|
ง. ถูกทุกข้อ |
|
ฮีโมโกลบินหรือเฮโมโกลบิน คือส่วนหนึ่งของระบบไหลเวียนโลหิตซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญจะอยู่ในเม็ดเลือดแดงและช่วยนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย และคอเลสเตอรอล จัดเป็นลิปิด ชนิดหนึ่งในกลุ่มสเตอรอล มีบทบาทสำคัญคือเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ของสัตว์และเป็นสารเริ่มต้นในการสังเคราะห์สเตอรอยด์ฮอร์โมนที่เป็นฮอร์โมนเพศทั้งเพศชายและเพศหญิง สังเคราะห์กรดน้ำดี เกลือน้ำดี และวิตามินดี
|
ฮีโมโกลบินหรือเฮโมโกลบิน คือส่วนหนึ่งของระบบไหลเวียนโลหิต คอเลสเตอรอลเป็นไขมัน ฮิมนูโน สร้างภูมิคุ้มกัน ไตรกลีเซอไรด์เป็นไขมันในเลือด
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
|
- |
|
-
|
-
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
|
- |
|
-
|
-
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
|
ค. มีข้อถูก 3 ข้อ |
|
พันธะที่1 2 3เป็นพันธะที่มีหน่วยย่อยเชื่อต่อกัน2หน่วย
|
พันธะที่เป็นพันธะที่มีหน่วยย่อยเชื่อต่อกัน2หน่วยมักจะมีชื่อพันธะว่า ได
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
|
ก. โปรตีน แป้ง น้ำตาลทราย |
|
สารxต้องเป็นโปรตีนเพราะโปรตีน+สารละลายไบยูเรตจะได้สารสีน้ำเงินม่วงและคำตอบที่เริ่มต้นด้วยโปรตีนมีชอยท์เดียว
|
โปรตีน+สารละลายไบยูเรตจะได้สารสีน้ำเงินม่วง
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
|
ค. ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว ไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว กรดไขมันไม่อิ่มตัว กลูโคส |
|
-
|
-
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
|
ข. W, X และ Z |
|
สาร w และ x เป็นสารชนิดน้ำตาลเมื่อนำไปทดสอบด้วยเบเนดิกต์แล้วจะเกิดตะกอนสีแดงอิฐ
|
น้ำตาลเมื่อนำไปทดสอบด้วยเบเนดิกต์แล้วจะเกิดตะกอนสีแดงอิฐ
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
|
จ. กรดอะมิโน |
|
กรดอะมิโนเมื่อละลายนํ้าแล้วหมู่ –COOH จะแตกตัวให H+ ไปโปรโตเนตหม่ –NH ู 2 เกิดเป็นหมู่ –COO- (เบส) และ –NH3+
(กรด) ทําให้มีสมบัติเป็นบัฟเฟอร์ส่วนกรดไขมนมันมีเฉพาะหมู่ –COOH สําหรับนํ้าตาลโมเลกุล
เดี่ยวมีหมู่ –OH และคลอเลสเตอรอล
|
กรดอะมิโนเมื่อละลายนํ้าแล้วหมู่ –COOH จะแตกตัวให H+ ไปโปรโตเนตหม่ –NH ู 2 เกิดเป็นหมู่ –COO- (เบส) และ –NH3+
(กรด) ทําให้มีสมบัติเป็นบัฟเฟอร์
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
|
5. Ferredoxin และ plastoquinone ถูกสร้างออกมามากขึ้นเพื่อทดแทนการทำงาน cytochrome ในกระบวนการถ่ายทอดอิเล็กตรอน |
|
Ferredoxin และ Plastoquinone ถูกสร้างออกมามากขึ้นเพื่อทดแทนการทำงาน Cytochrome ในกระบวนการถ่ายทอดอิเล็กตรอน
|
-
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
21 |
|
5. จัดเป็นสิ่งมีชีวิตประเภท Prokaryotic cell |
|
เซลล์โปรคารีโอต (prokaryotic cell) เป็นเซลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส (nuclear membrane) และ ไม่มีออร์แกเนลล์ชนิดที่มีเยื่อหุ้ม ได้แก่ เซลล์แบคทีเรีย (bacteria) และเซลล์สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (cyanobacteria)
|
-
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
22 |
ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับอะไมโลสและอะไมเลส
|
ค. อะไมโลส เปลี่ยนสีสารละลายไอโอดีนเป็นสีน้ำเงิน |
|
อะไมโลส เปลี่ยนสีสารละลายไอโอดีนเป็นสีน้ำเงิน
|
อะไมโลส เปลี่ยนสีสารละลายไอโอดีนเป็นสีน้ำเงิน
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
23 |
|
2. Lac operon เกี่ยวข้องกับกระบวนการ breakdown ของ lactose |
|
-
|
-
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
24 |
|
4. Cellular metabolism |
|
-
|
-
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
25 |
|
1. Operon |
|
ในสภาพปกติเมื่อเลี้ยงเชื้อในอาหารที่มีทั้งแลกโตสและกลูโคส เซลล์จะใช้กลูโคส จึงไม่ต้องการเอนไซม์จาก Lac operon ยีนควบคุมจะสร้างโปรตีนมากดการแสดงออกของยีนโดยโปรตีนจะมาเกาะที่ยีนโอเปอเรเตอร์ทำให้เกิดทรานสคริบชันไม่ได้ ต่อมาเมื่อกลูโคสหมดลง เซลล์ต้องใช้แลกโตส แลกโตสจะมาเกาะที่โปรตีน ทำให้โปรตีนหลุดออกจากยีนโอเปอเรเตอร์ เกิดทรานสคริบชันได้ เมื่อแลกโตสทุกโมเลกุลถูกย่อยหมด รวมทั้งตัวที่เกาะกับโปรตีน โปรตีนจะเข้าไปจับกับยีนโอเปอเรเตอร์อีกครั้ง การสังเคราะห์เอนไซม์จึงสิ้นสุดลง
|
ปกติเมื่อเลี้ยงเชื้อในอาหารที่มีทั้งแลกโตสและกลูโคส เซลล์จะใช้กลูโคส จึงไม่ต้องการเอนไซม์จาก Lac operon
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|