1 |
|
จ. คาร์โบไฮเดรต |
|
-อินนูลินเป็นธรรมชาติจัดเก็บ "คาร์โบไฮเดรต"
-มีโครงสร้างคล้ายน้ำตาล
|
เคมีในสิ่งมีชีวิต
อ้างอิง : อินนูลินเป็นธรรมชาติจัดเก็บ "คาร์โบไฮเดรต" อยู่ในกว่า 36,000 ชนิดของพืชรวมทั้งหางจระเข้ , ข้าวสาลี , หัวหอม , กล้วย , กระเทียม , หน่อไม้ฝรั่ง , เยรูซาเล็มอาติโช๊คและสีน้ำเงิน สำหรับพืชเหล่านี้ อินนูลินถูกใช้เป็นพลังงานสำรองและควบคุมความต้านทานความหนาวเย็น เนื่องจากละลายได้ในน้ำ จึงมีปฏิกิริยาออสโมติก พืชบางชนิดสามารถเปลี่ยนศักย์ออสโมติกของเซลล์ได้โดยการเปลี่ยนระดับการเกิดพอลิเมอไรเซชันของโมเลกุลอินนูลินโดยการไฮโดรไลซิส ด้วยการเปลี่ยนศักยภาพการดูดซับโดยไม่ทำให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไป พืชสามารถทนต่อความหนาวเย็นและความแห้งแล้งได้ในช่วงฤดูหนาว
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
|
ง. 2 และ 3 |
|
ข้อ 1 ผิด เพราะเราจะใช้อินซูลินในกรณีที่ผู้ป่วยเบาหวานที่ตับอ่อนสร้างอินซูลินไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ข้อ 4 ผิด เพราะการฉีดอินซูลิน จะช่วยการลดระดับน้ำตาลในเลือด
|
เรื่อง เคมีในสิ่งมีชีวิต
อ้างอิง : อินซูลิน เป็นฮอร์โมนที่ตับอ่อนสร้างขึ้นและจำเป็นในการนำน้ำตาลในเลือดไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายที่ต้องการพลังงาน แต่ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน การสร้างเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงจากอาหารไปใช้ให้เป็นพลังงานได้อย่างเต็มที่ เพราะขาดฮอร์โมนอินซูลิน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีโรคแทรกซ้อนง่าย เช่น โรคติดเชื้อ เป็นแผลหายยาก โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต และโรคตา
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
|
ข. เอนไซม์เป็นสารประเภทโปรตีน |
|
เอนไซม์(Enzyme) คือ กลุ่มของโปรตีน
|
เอนไซม์(Enzyme) คือ กลุ่มของโปรตีนที่มีหน้าที่พิเศษแตกต่างจากโปรตีนอื่นๆ ทั่วไป กล่าวคือ มีความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง เพื่อใช้ในการสังเคราะห์องค์ประกอบภายในเซลล์ และระบบการย่อยอาหาร เป็นต้น โดยเอนไซม์จะมีความจำเพาะต่อสารที่ทำปฏิกิริยาที่เรียกว่า “ซับสเตรต” (Substrate) และสามารถเร่งปฏิกิริยาโดยไม่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์อื่น ตลอดทั้งเอนไซม์จะเพิ่มอัตราเร็วของปฏิกิริยาโดยลดพลังงานกระตุ้นของปฏิกิริยาได้
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
|
ก. เพปไทด์ที่เกิดจากกรดXและกรดYทําปฏิกิริยากับCuSO4ในสภาวะเบสให้สารสีม่วง |
|
เนื่องจากการเกิดปฏิกิริยากับ CuSo4 ในเบสนั้น เป็นการทดสอบไบยูเรต ซึ่งจะเกิดปฏิกิริยาบริเวณพันธะเพปไทด์ของสารไตรเพปไทด์ขึ้นไป
|
การทดสอบไบยูเร็ตเป็นวิธีการที่ใช้ตรวจสอบพันธะเพปไทด์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยารีดักชั่นของไอออน copper(II) ไปเป็น copper(I) ที่จะไปเกิดสารเชิงซ้อนกับไนโตรเจนของพันธะเพปไทด์ในสารละลายที่เป็นเบส ถ้าเกิดสีม่วงแสดงว่ามีโปรตีน การทดสอบไบยูเร็ตนี้ใช้หาปริมาณโปรตีนได้เพราะพันธะเพปไทด์เกิดขึ้นในความถี่เดียวกันต่อโปรตีน 1 กรัม ในโปรตีนหลายชนิด ความเข้มของสีที่มีการดูดกลืนที่ 540 nm แปรผันโดยตรงกับความเข้มข้นของโปรตีน
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
|
ค.โปรตีนจัดเป็นสารประกอบที่เห็น แอมโฟเทริก (amphottric) |
|
สารแอมโฟเทริก หมายถึงสารประกอบที่ในโมเลกุลมีทั้งประจุบวกและลบ
|
เรื่อง เคมีในสิ่งมีชีวิต
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
|
A เป็นกลีเซอรอล
B เป็นกรดไขมัน
C เป็นไขมัน |
|
ในการจำแนกไขมันและน้ำมันจะพิจารณาจากส่วนที่เกิดจากกรดไขมันในเอสเทอร์นั้น ถ้ามี 1 โมเลกุลจัดเป็นมอนอกลีเซอไรด์(monoglyceride) ถ้ามี 2 โมเลกุลจัดเป็นไดกลีเซอไรด์ (diglyceride และถ้ามี 3 โมเลกุลจัดเป็นไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride)
Monoglyceride
Monoacylglycerol
Diglyceride
Diiacylglycerol
Triglyceride
Triacylglycerol
ปฏิกิริยาการเกิดไขมันเป็นปฏิกิริยาการเกิดเอสเทอร์ (esterification) นั่นเอง เช่น ปฏิกิริยาการเกิดไตรกลีเซอไรด์จากกลีเซอรอล 1 โมเลกุลรวมกับกรดไขมัน 3 โมเลกุล จะได้ไตรกลีเซอไรด์ (หรือไตรเอซิลกลีเซอรอล) 1 โมเลกุล ดังสมการ
กลีเซอรอล
(glycerol)
กรดไขมัน
(fatty acid)
ไตรกลีเซอไรด์ (ไขมัน)
(triglyceride
ไขมันหรือไตรกลีเซอไรด์ที่มีหมู่ R1 , R2, R3 เหมือนกันเรียกว่า ไตรกลีเซอไรด์อย่างง่าย (simple triglyceride) แต่ถ้า 2 หรือ 3 หมู่ต่างกันก็จะเรียกว่าไตรกลีเซอไรด์ผสม (mix triglyceride) ไขมันและน้ำมันในธรรมชาติจะเป็นไตรกลีเซอไรด์ผสมเป็นส่วนใหญ่
ไตรกลีเซอไรด์อย่างง่าย
ไตรกลีเซอไรด์ผสม
ตัวอย่างปฏิกิริยาการเกิดไขมันไตรสเตียรินจากปฏิกิริยาระหว่างกลีเซอรอล 1 โมเลกุลกับกรดสเตียริก 3 โมเลกุล โดยมีตัวเร่งปฏิกิริยา จัดเป็นปฏิกิริยาขจัดน้ำ (dehydration reaction) จะได้ไขมันไตรสเตียริน 1 โมเลกุล และน้ำ 3 โมเลกุล ดังนี้
กลีเซอรอล
(glycerol)
กรดสเตียริก
(stearic acid)
ไตรสเตียริน (ไขมัน)
(tristearin)
|
ไขมันและน้ำมันเป็นเอสเทอร์ชนิดหนึ่งซึ่งมีอยู่ในธรรมชาติ จัดว่าเป็นสารอินทรีย์ประเภทเดียวกับไข (Wax) รวมเรียกว่า ไลปิด (Lipid)ไลปิด เป็นเอสเทอร์ที่โมเลกุลมีขนาดใหญ่ไม่มีขั้วจึงไม่ละลายน้ำ แต่ละลายได้ในตัวทำละลายไม่มีขั้ว คือตัวทำละลายอินทรีย์ เช่น คลอโรฟอร์ม อีเทอร์ โพรพาโนน เบนซีน เป็นต้น
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
|
ข้อ ง. |
|
1 เป็นน้ำมันพืช
2 เป็นน้ำมันสัตว์
|
จากการทดสอบปริมาณไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว ถ้าหากเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวจะใช้จำนวนหยดไอโอดีนมากกว่าไขมันอิ่มตัว
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
|
ข้อ จ. |
|
จะได้ว่า X เป็นน้ำมันสัตว์ Y เป็นน้ำมันพืช
แสดงว่าจุดหลอมเหลวในน้ำมันสัตว์มีสูงกว่าในน้ำมันพืช
ไขมันอิ่มตัวในน้ำมันสัตว์มากกว่าพืช
น้ำมันพืชเหม็นหืนง่ายกว่าน้ำมันสัตว์
|
น้ำมันทั้ง ๒ ชนิด มีความแตกต่างกัน คือ
น้ำมันสัตว์ เช่น น้ำมันหมูจะมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไขได้ง่ายเมื่ออากาศเย็นขึ้น ไขมันสัตว์มีกลิ่นเหม็นหืนได้ง่ายเมื่อทิ้งไว้ที่อุณหภูมิธรรมดา ไขมันจากสัตว์นอกจากมีไขมันอิ่มตัวแล้วยังมีโคเลสเตอรอลอีกด้วย การกินไขมันสัตว์มากอาจจะทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันมะพร้าว เนื่องจากมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณมาก
น้ำมันพืช (ยกเว้นน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันเมล็ดปาล์ม) มีคุณสมบัติที่ตรงข้ามกับน้ำมันสัตว์ น้ำมันพืชส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าน้ำมันสัตว์ ไขมันไม่อิ่มตัวนี้จะไม่ค่อยเป็นไข แม้จะอยู่ในที่เย็น เช่น แช่ตู้เย็น แต่จะทำปฏิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนได้ง่าย และมักทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนภายหลังจากใช้ประกอบอาหารแล้ว
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
|
ข. น้ำมันมะกอกเท่านั้นที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว จึงทำปฏิกิริยาฟอกจางสีโบรมีนได้ |
|
ตอบ ข เพราะโจทย์บอกว่ามีกรดไขมันไม่อิ่มตัวน้ำมันมะกอกเท่านั้น แต่น้ำมันอื่นๆก็ยังมีไขมันไม่อิ่มตัว
|
เรื่อง เคมีในสิ่งมีชีวิต
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
|
ก. ไข่ขาว , น้ำตาลทราย , เอทิลแอซิเตต |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
|
ค. ข้อ 1 และ ข้อ 3 ถูก |
|
1 ถูกเพราะ chitin เป็นส่วนประกอบของเห็ดรา
3 ถูกเพราะเป็น polymer ของกลูโคส
|
เรื่อง เคมีในสิ่งมีชีวิต
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
|
ค. มีข้อถูก 3 ข้อ |
|
ข้อ ง ผิด เพราะไขมันทำหน้าที่เป็นตัวละลายวิตามินได้บางชนิดเท่านั้น คือ A D E K
|
เคมีในสิ่งมีชีวิต
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
|
|
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
|
|
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
|
ข. มีข้อถูก 2 ข้อ |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
|
ข. กรดอะมิโน น้ำตาลทราย ไข่ขาว |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
|
ง. ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว แอลกอฮอล์ กรดไขมันไม่อิ่มตัว กลูโคส |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
|
ข. W, X และ Z |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
|
จ. กรดอะมิโน |
|
เพราะกรดอะมิโนเมื่อละลายนํา้แล้วหมู่–COOHจะแตกตวัให้H+ ไปโปรโตเนตหมู่–NH2 เกิดเป็นหมู่– COO- (เบส) และ –NH3+ (กรด) ทําให้มีสมบัติเป็นบัฟเฟอร์ ส่วนกรดไขมนั มีเฉพาะหมู่ –COOH สําหรับนํา้ ตาลโมเลกุลเดี่ยวมีหมู่–OHและคลอเลสเตอรอลมีแตหมู่สเทอร์( OC O )
|
เคมีในสิ่งมีชีวิต
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
|
2. พืชไม่สามารถใช้ ADP และ NADP+ ได้ตามปกติ |
|
พืชจำเป้นต้องใช้ ADP และ NADP+ ได้ตามปกติ
|
การสังเคราห์แสง
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
21 |
|
4. สามารถเพิ่มจำนวนโดยไม่จำเป็นต้องอาศัย host |
|
ใช้วิธีการตัดchoice
|
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
22 |
ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับอะไมโลสและอะไมเลส
|
ก. อะไมโลส จัดเป็นพอลิแซ็กคาไรด์แบบโซ่ตรง ที่สามารละลายน้ำได้ |
|
พอลิแซคคาไรด์ละลายน้ำไม่ได้
|
อะไมโลสเป็นโมเลกุลที่พบในอาหารบางชนิดและเป็นองค์ประกอบหนึ่งของแป้ง ในทางตรงกันข้ามอะไมเลสเป็นเอนไซม์ที่สลายแป้งเป็นชิ้นเล็ก ๆ เนื่องจากแป้งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในร่างกายมนุษย์การทำงานร่วมกันระหว่างอะไมเลสและอะไมโลสจึงมีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญอาหาร แหล่งที่มาของอะไมโลส ได้แก่ มันฝรั่งพาสต้าและขนมปังและร่างกายผลิตอะไมเลสตามธรรมชาติในน้ำลายและน้ำผลไม้ตับอ่อน
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
23 |
|
3. Gene นี้พบใน prokaryote |
|
ในคลิปไม่ได้พูดถึง prokaryote
|
คลิปวิดีโอ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
24 |
|
3. DNA polymerase |
|
เพราะDNA Polymeraseไม่ปรากฏในวิดีโอ
|
คลิปวิดีโอ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
25 |
|
2. Inducer |
|
เพราะ Inducerไม่ปรากฏในวิดีโอ
|
คลิปวิดีโอ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|