ตรวจข้อสอบ > ศุภิสรา ชิงชัย > ชีวเคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biochemistry > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 99 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


จ. คาร์โบไฮเดรต

อินนูลินคือคาร์โบไฮเดรตประเภทพอลิแซ็กคาไรค์ จัดเป็นใยอาหารประเภทที่ละลายได้ในน้ำซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารและไม่ให้พลังงาน แต่ถูกย่อยได้ด้วยแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ มีสมบัติเป็นพรีไบโอติก

โมเลกุลของอินูลิน เป็นเฮเทอโรพอลิแซ็กคาไรค์ มีโมเลกุลของน้ำตาลมากกว่า1 ชนิด

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


ง. 2 และ 3

สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 อินซูลินแบบฉีดจะเข้าไปแทนที่อินซูลินตามธรรมชาติที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้ ส่วนผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 จะใช้การฉีดอินซูลินก็ต่อเมื่อไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ เมื่อฉีดแล้วอินซูลินจะเข้าไปควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หากมีปริมาณน้ำตาลหรือกลูโคสยังสูงอยู่ อินซูลินจะทำหน้าที่นำกลูโคสไปเก็บไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน (Glycogen) เพื่อสำรองไว้ใช้เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง และควรลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล

อินซูลิน (Insulin) เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถผลิตเองได้จากตับอ่อน โดยอินซูลินจะทำหน้าที่ควบคุมสมดุลของระดับกลูโคสในเลือด และยังช่วยให้เซลล์ในร่างกายเก็บสะสมกลูโคสเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน และยังช่วยเก็บกลูโคสส่วนเกินไว้ในตับเพื่อให้ร่างกายเอามาใช้เป็นพลังงานได้เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลง

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


ข. เอนไซม์เป็นสารประเภทโปรตีน

เอนไซม์ คือกลุ่มโปรตีน (protein) ที่ผลิตโดยเซลล์สิ่งมีชีวิต พบได้ทั้งในพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ ทำให้กระบวนการต่างๆเสร็จสิ้นเร็วขึ้น

เอนไซม์ (enzyme) เป็นโปรตีน 99 เปอร์เซนต์ เป็น ส่วนใหญ่ ที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


ค. เพปไทด์ที่เกิดจากกรดXกรดYและกรดZเป็นไตรเพปไทด์ที่มีจํานวนพันธะเพปไทด์3พันธะ

เป็นพันธะเคมีที่สร้างระหว่างหมู่คาร์บอกซิลของโมเลกุลหนึ่งกับหมู่อะมิโนของอีกโมเลกุลหนึ่ง และมีการปล่อยน้ำออกไปหนึ่งโมเลกุล จัดเป็นการสังเคราะห์แบบสูญเสียน้ำ (dehydration synthesis) และมักจะเกิดระหว่างกรดอะมิโน โมเลกุลที่เกิดใหม่เรียกว่าเอไมด์ C (=O) NH- หรือเพปไทด์

กรดอะมิโนเป็นโมเลกุลอินทรีย์ที่เมื่อเชื่อมโยงกับกรดอะมิโนอื่น ๆ จะสร้าง โปรตีน กรดอะมิโนมีความจำเป็นต่อชีวิตเพราะโปรตีนที่พวกมันก่อตัวขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับ การ ทำงาน ของเซลล์ เกือบทุก ชนิด โปรตีนบางชนิด ทำหน้าที่ เป็นเอนไซม์บางตัวเป็น แอนติบอดี ขณะที่บาง ชนิด ให้การสนับสนุนโครงสร้าง แม้ว่าจะมีกรดอะมิโนหลายร้อยชนิดที่พบในธรรมชาติโปรตีนถูกสร้างขึ้นจากชุดของกรดอะมิโน 20 ชนิด

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


ข.โครงสร้างแบบทุติยภูมิของโปรตีนแบบเกลียวแอลา เกิดจากการสร้างพันธะไฮโดรเจนระหว่าง C=O ของกรดอะมิโนหนึ่ง N-H ของกรดอะมิโนระหว่างโพลิเพปไทด์ที่อยู่คู่กัน

.เป็นโครงสร้างที่เกิดจากการขดหรือม้วนตัวของโครงสร้างปฐมภูมิ ถ้าเกิดจากการสร้างพันธะไฮโดรเจนระหว่าง C=O ของกรดอะมิโนหนึ่งกับ N-H ของกรดอะมิโนถัดไปอีก 4 หน่วยในสายพอลิเพปไทด์เดียวกันจะเกิดโครงสร้างในลักษณะบิด โครงสร้างทุติยภูมิ เป็นเกลียวซึ่งเรียกโครงสร้างทุติยภูมิชนิดนี้ว่า เกลียวแอลฟา และถ้าเกิดจากการสร้างพันธะไฮโดรเจนระหว่าง C=O กับ N-H ของกรดอะมีโนระหว่างสายพอลิเพปไทด์ที่อยู่คู่กัน จะเกิดโครงสร้างแบบแผ่น เรียกว่า แผ่นพลีทบีต้า นอกจากจะเกิดพันธะไฮโดรเจนแล้วยังสามารถเกิดพันธะไดซัลไฟด์ พันธะไอออนิก

พันธะไฮโดรเจนระหว่าง C=Oของกรดอะมิโนหนึ่งกับ N-H

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


A=กรดไขมัน B=กรีเซอรอล C=ไขมันและน้ำมัน

เกิดจากกรดอินทรีย์ที่เรียกว่ากรดไขมันรวมกับอัลกอฮอล

กรดไขมัน (อังกฤษ: Fatty acid) เป็นกรดคาร์บอกซิลิก (carboxylic acid) ซึ่งมีหางเป็นโซ่แบบ อะลิฟาติก (aliphatic) ยาวมีทั้งกรดไขมันอิ่มตัว (saturated) และกรดไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated) กรดไขมันจะมีคาร์บอน อย่างน้อย 8 อะตอม และส่วนใหญ่จะเป็นจำนวนเลขคู่ เพราะกระบวนการชีวสังเคราะห์ ของกรดไขมันจะเป็นการเพิมโมเลกุลของอะซิเตต ซึ่งมีคาร์บอน อยู่ 2 อะตอม

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


ข้อ ข.

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ข้อ จ.

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


ข. น้ำมันมะกอกเท่านั้นที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว จึงทำปฏิกิริยาฟอกจางสีโบรมีนได้

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


ก. ไข่ขาว , น้ำตาลทราย , เอทิลแอซิเตต

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


จ. ข้อ 2 ถูกเพียงข้อเดียว

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


ก. มีข้อถูกเพียงข้อเดียว

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


3ชนิด

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


ก. มีข้อถูกเพียง 1 ข้อ

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ข. กรดอะมิโน น้ำตาลทราย ไข่ขาว

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


ก. ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว ไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว กรดไขมันอิ่มตัว กลูโคส

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


ข. W, X และ Z

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


ก. กรดไขมัน

กรดไขมัน (Fatty acid) เป็นกรดคาร์บอกซิลิก (carboxylic acid) ซึ่งมีหางเป็นโซ่แบบ อะลิฟาติก (aliphatic) ยาวมีทั้งกรดไขมันอิ่มตัว (saturated) และกรดไขมันไม่อิ่มตัว (unsaturated) กรดไขมันจะมีคาร์บอน อย่างน้อย 8 อะตอม และส่วนใหญ่จะเป็นจำนวนเลขคู่ เพราะกระบวนการชีวสังเคราะห์ ของกรดไขมันจะเป็นการเพิมโมเลกุลของอะซิเตต ซึ่งมีคาร์บอน อยู่ 2 อะตอม

กรดไขมันที่มีพันธะคู่จะเรียกว่ากรดไขมันไม่อิ่มตัว กรดไขมันที่ไม่มีพันธะคู่จะเรียกว่ากรดไขมันอิ่มตัว จะแตกต่างกันในความยาวเช่นกัน

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


4. ระบบแสง I (PSI) และ ระบบแสง II (PSII) ถูกกระตุ้นการทำงานมากขึ้น ทำให้มีการหลุดของอิเล็กตรอน ในระบบแสงเพิ่มมากขึ้น

Diuron เป็นสมาชิกของ 3-(3,4-substituted-phenyl)-1,1-dimethylureas ที่เป็นยูเรียซึ่งไฮโดรเจนทั้งสองที่แนบมากับไนโตรเจนหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยกลุ่มเมทิลและหนึ่งในไฮโดรเจนที่แนบมากับไนโตรเจนอื่น ๆ จะถูกแทนที่ด้วยกลุ่ม 3,4-dichlorophenyl มันมีบทบาทเป็นสารกําจัดวัชพืช, สารยับยั้งระบบการสังเคราะห์ด้วยไฟ, ซีโนบิโอติก, สารปนเปื้อนสิ่งแวดล้อมและสารยับยั้งห่วงโซ่ทางเดินหายใจไมโตคอนเดรีย. มันเป็นไดคลอโรเบนซีนและ 3-(3,4-แทนฟีนิล)-1,1-dimethylurea

ศูนย์ข้อมูลเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (2565). สรุปสารประกอบผับเคมสําหรับ CID 3120, Diuron. สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2022 จาก https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov/compound/Diuron

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

21


1. จัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใน Kingdom Protista เนื่องจากเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว

ขั้นตอนการเข้าสู่เซลล์นั้น ไวรัสโคโรนาแต่ละสายพันธุ์จะใช้ RBD ไปจับกับ ‘ตัวรับ’ ของเซลล์มนุษย์ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น ไวรัสโคโรนา MERS-CoV ที่ก่อให้เกิดโรคเมอร์สในปี 2012 นั้นจะใช้เอสโปรตีนของมันไปจับกับ ‘ตัวรับ’ ที่เป็นโปรตีน DPP4 ของเซลล์มนุษย์ ส่วนไวรัสโคโรนา SARS-CoV ที่ก่อให้เกิดโรคซาร์สในปี 2003 และไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ในเวลานี้ต่างก็จะเข้าไปจับกับ ‘ตัวรับ’ Angiotensin-Converting Enzyme 2 หรือ ACE2 ที่เปลือกของเซลล์มนุษย์เหมือนๆ กัน จากนั้นมันก็จะสลายเปลือกออกแล้วส่งกรดนิวคลีอิก ซึ่งเป็นหน่วยพันธุกรรมหรือ RNA ของมันเข้าไปเริ่มกระบวนการ ‘ทำสำเนา’ ในเซลล์เป้าหมายนั้น

เอกลักษณ์ของไวรัสตระกูลโคโรนาทั้งหลายที่เหมือนกันคือ จะมีรูปร่างกลมและมีหนามรอบตัวเหมือนแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรียก ‘โคโรนา’ นี้ หนามของไวรัสโคโรนาคือสไปค์โปรตีน (Spike Protein) หรือ เอส-โปรตีน ที่มีชื่อเรียกว่า RBD หรือ Receptor-Binding Domain ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ไวรัสโคโรนาใช้สำหรับบุกรุกเข้าไปในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต​อื่น

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

22


ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับอะไมโลสและอะไมเลส

ข. อะไมเลส จัดเป็นพอลิแซ็กคาไรด์แบบโซ่กิ่ง ที่ไม่สามารละลายน้ำได้

โมเลกุลของอะไมโลส เป็นพอลิเมอร์สายตรงของน้ำตาลดี-กลูโคส (D-glucose) ซึ่งเชื่อมต่อกันด้วยพันธะไกลโคไซด์ (glycosidic bond) ชนิด แอลฟา 1,4 ประมาณ 200-2,000 หน่วย มีน้ำหนักโมเลกุลประมาณ 150,000 ถึง 1,000,000 โดยจะผันแปรไปตามชนิดของสตาร์ช ขนาดและน้ำหนักโมเลกุลของอะไมโลส มีผลมาจาก Degree of Polymerization (DP) ของอะไมโลสที่แตกต่างกัน อะไมโลสในสตาร์ชมันฝรั่งและสตาร์ชมันสำปะหลังมี DP ของอะไมโลสอยู่ในช่วง 1,000 ถึง 6,000 จะมีน้ำหนักโมเลกุลสูงกว่าในสตาร์ชข้าวโพดและข้าวสาลี ที่มี DP ของอะไมโลสอยู่ในช่วง 200 ถึง 1,200 สตาร์ชชนิดที่มีโมเลกุลของอะไมโลสยาวขึ้นจะมีแนวโน้มของการคืนตัวหรือการเกิดรีโทรเกรเดชัน (retrogradation) ต่ำลง (กล้าณรงค์ และ เกื้อกูล, 2543)

อะไมโลสเป็นแป้งดื้อยาชนิดหนึ่งที่พบได้ในอาหารหลายชนิด เป็นหนึ่งในคาร์โบไฮเดรตสองชนิดที่รวมกันเป็นแป้ง หากอาหารมีปริมาณอะมิโลสสูงกว่าอาหารจะถูกย่อยแตกต่างกัน แทนที่จะถูกย่อยตามปกติในลำไส้เล็ก

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

23


4. Lactose เป็น induce molecule

แลคโตสซึ่งเป็นอิสคาไรด์เป็นน้ําตาลที่ประกอบด้วยหน่วยย่อยกาแลคโตสและกลูโคสและมีสูตรโมเลกุล C12H22O11 แลคโตสคิดเป็นประมาณ 2-8% ของนม (ตามน้ําหนัก)

Peter M. Collins (2006). พจนานุกรมคาร์โบไฮเดรต (2nd ed.) โบคา เรตัน: แชปแมนฮอลล์ / CRC p. 677. ISBN 978-0-8493-3829-8

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

24


4. Cellular metabolism

Cellular Metabolism Cell metabolism is the series of processes that take place in living organisms to sustain those organisms. In cell biology and molecular biology, metabolism refers to the biochemical reactions that happen inside organisms to produce energy. The colloquial or nutritional use of metabolism refers to the chemical processes that happen in your body as you convert food into energy

There are actually multiple metabolism processes. Cellular respiration is a type of metabolic pathway that breaks down glucose to make adenosine triphosphate, or ATP.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

25


2. Inducer

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 35.3 เต็ม 161

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา