1 |
|
จ. เป็น RNA virus และ ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเองได้ |
|
เพราะไวรัสโควิดมีโปรตีนปกคลุมทั้งตัว จึงจัดอยู่ใน RNA virus
|
โควิด 19 เป็นไวรัสที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเรื่อย ๆ และหลายจุด เกิดขึ้นที่ปุ่ใโปรตีน ทำให้ไวรัสสามารถแพร่พันธุ์และกลายพันธ์ได้ง่าย และแอนติบอดีที่วัคซีนช่วยสร้าง อาจไม่รู้จักไวรัสชนิดใหม่ ทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
|
ก. พบว่าผู้ป่วยมีเชื้อ COVID-19 จากการตรวจเลือด 0-10 วัน และ เริ่มแสดงอาการของโรค COVID-19 ประมาณ 7 วัน หลังจากได้รับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย |
|
เพราะเมื่อรับเชื้อไวรัสมา ร่างกายก็จะมีเชื้อนั้นเลยภายใน 0-10 วันจากกราฟ และจะแสดงอาการในช่วง Acute phase คือหลังการติดเชื้อ 7 วัน
|
ระยะฟักตัวโควิด คือช่วงเวลาหลังจากรับเชื้อ จนเริ่มมีอาการ โดยจะอยู่ที่ประมาณ 5 - 14 วัน และใช้เวลา 24 - 48 ชั่วโมงในการทราบผล
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
|
ก. Clinical history + Physical Examination + Assessment of Immune status |
|
เพราะการตรวจวินิจฉัยทางคลินิกควรมี ประวัติการตรวจ การตรวจร่างกายทางกายภาพ และ การวินิจฉัยภูมิคุ้มกัน
|
การประเมินผลทางคลินิก คือขั้นตอนการเก็บข้อมูลทางการแพทย์และประเมินข้อมูลทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
|
พบได้แค่บางแห่ง สามารถพบได้มากในอากาศ |
|
เพราะ มีข่าวพูดถึงการติดเชื้อจากอากาศ เลยทำให้ไวรัสสามารถเจือปนในอากาศได้
|
ในแหล่งน้ำตามธรรมชาติอาจมีการค้นพบไวรัสเนื่องจากไม่มีคลอรีน แต่เนื่องจากแหล่งน้ำในธรรมชาติเคลื่อนที่ตลอดเวลาทำให้เชื้อมีการเจือจางอยู่น้อย และที่ต่าง ๆ สามารถมีเชื้อไวรัสอยู่ได้ แต่บางแห่งเชื้อนั้นเข้าสู่ร่างกายได้ยาก
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
|
ง. เข็มที่ 1 AstraZeneca เข็มที่ 2 AstraZeneca ระยะห่างระหว่างเข็ม 3 สัปดาห์ |
|
เพราะการฉีด AstraZeneca ทั้งเข็ม 1 และ 2 ควรฉีดห่างกัน 4-12 สัปดาห์
|
แอสตา แอสตา ห่าง 4-12 สัปดาห์
ซิโนแวค แอสตา/ไฟเซอร์ ห่าง 3-4 สัปดาห์
ไฟเซอร์ ไฟเซอร์ ห่าง 3 สัปดาห์
โมเดอนา โมเดอนา ห่าง 4 สัปดาห์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
|
ก. Johnson & Johnson เป็น recombinant viral vector vaccine พัฒนาวัคซีนโดยใช้ไวรัสเป็นพาหะ เลียนแบบการติดเชื้อตามธรรมชาติของ COVID-19 สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีเมื่อใช้เพียง 1 โดส |
|
เพราะ Johnson and Johnson เป็นชื่อบริษัทไม่ใช่วัคซีน
|
บริษัท Johnson and Johnson เป็นผู้ผลิต Human adenovirus type 26 ซึ่งจัดอยู่ใน Recombinant viral vector vaccine
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
|
ค. เพื่อช่วยเพิ่มการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อ Antigen |
|
เพราะ adjuvants สามารถป้องกันการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของ antigen ได้ เพื่อให้ antibody สามารถผลิตได้
|
Antibody สามารถสร้างโดยการฉีด antigen เข้าไปในสัตว์ แต่เมื่อ antigen เข้าไปแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันบางอย่างจะทำลาย antigen อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ antibody ยังไม่ถูกผลิต เลยต้องเติม adjuvants ลงไปเพื่อไม่ให้ antigen ถูกทำลาย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
|
ง. ไม่ควรรับประทานฟ้าทะลายโจรที่แนะนำต่อวัน และไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากอาจทำให้เอนไซม์ตับสูงขึ้น ส่งผลในต้องชะลอการใช้ยาต้านไวรัสออกไป |
|
เพราะ ฟ้าทะลายโจรสามารถรักษาโควิดได้
|
ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ต้านไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบหายใจได้หลายนิด โดยการป้องกันไม่ให้ไวรัสเข้าเซลล์ ลดการแบ่งตัวของไวรัส เพิ่มภูมิคุ้มกัน และลดการอักเสบของปอด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
|
ง. ปริมาณสารสำคัญที่ผลิตได้จากพืชไม่มีความแตกต่างกัน |
|
เพราะปริมาณสารนั้นแตกต่างกัน
|
กัญชงมี THC น้อยกว่า 0.3 % ส่วนกัญชาจะมี THC สูงกว่า
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
|
ข. THC |
|
เพราะ THC มีผลต่อระบบประสาทและพบในกัญชา
|
THC ทำให้เกิดอาการเมา เคลิ้ม ใจสั่น หน้ามืด เห็นภาพหลอน และดื้อยา ส่วนมากพบในกัญชา
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
|
ค. สูบดม |
|
เพราะกัญชาออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วกัญชานิยมเสพโดยการสูบ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าสู่กระแสเลือดภายใน 2-3 นาที
|
กัญชานิยมเสพโดยการสูบ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าสู่กระแสเลือดภายใน 2-3 นาที
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
|
ก. ช่อดอก, เปลือก, ลำต้น, ใบจริง/ใบพัด, สารสกัดที่มี CBD เป็นส่วนประกอบ และ มี THC ไม่เกิน 0..2% |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
|
ข. Marinol สูตรตำรับมีส่วนผสมของ synthetic THC สามารถใช้บรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็งที่ใช้ยาอื่นแล้วไม่ได้ผล |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
|
ข. การแยกสาร 2 ชนิดขึ้นไปออกจากกัน โดยอาศัยความแตกต่างของ polarity ของตัวทำละลาย 2 ชนิดที่ใช้ละลายสารสำคัญนั้น สารสำคัญที่มี polarity ใกล้เคียงกับตัวทำละลายที่ใช้สกัด จะถูกสกัดแยกออกมา |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
|
ข. Amide |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|