ตรวจข้อสอบ > ชนาภา ทาบทอง > ชีวเคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biochemistry > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 45 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


จ. คาร์โบไฮเดรต

อินนูลิน คือคาร์โบไฮเดรตประเภทพอลิแซ็กคาไรด์ มีโมเลกุลน้ำตาลมากกว่า 1 ชนิดมาเชื่อมกัน เป็นพอลิเมอร์น้ำตาลฟรักโทส มีโมเลกุลที่ปลายสุดด้านหนึ่งเป็นน้ำตาลกลูโคส

อินนูลินละลายน้ำได้แต่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ในระบบย่อยอาหารและไม่ให้พลังงาน แต่สามารถย่อยได้โดยแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ อินนูลินจะลดแบคทีเรียที่ไม่ดีและเพิ่มแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกายขึ้นมาแทน โครงสร้างอินนูลินจะคล้ายโอลิโกฟรักโทส แต่อินนูลินจะมีสายพอลิเมอร์ที่ยาวกว่า ไม่มีรสหวาน ละลายน้ำได้เล็กน้อย

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


ค. 3 และ 4

คนที่เป็นเบาหวานคือคนที่ขาดฮอร์โมนอินซูลิน ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงต้องลดหวานและน้ำตาล และมีการเพิ่มอินซูลินในร่างกายเพื่อเพิ่มปริมาณกลูโคสในกระแสเลือด

ฮอร์โมนอินซูลินเป็นฮอร์โมนประเภทเปปไทด์ ยีนของอินซูลินในคนจะอยู่ที่แขนข้างสั้นของโครโมโซมคู่ที่ 11 โมเลกุลแรกที่สังเคราะห์มาจะมีขนาดใหญ่เรียกว่าโพรอินซูลิน ประกอบด้วยกรดอะมิโนทั้งหมด 51 หน่วย แบ่งเป็นสาย เอ ประกอบด้วยกรดอะมิโน 21 หน่วย สายบีประกอบด้วยกรดอะมิโน 30 หน่วย ทั้ง 2 สายเชื่อมด้วยเปปไทด์เชื่อม หลังจากนั้นจะมีการตัดโมเลกุลบางส่วนของส่วนนำออก เหลือเป็นอินซูลิน และม้วนตัวเชื่อมด้วย พันธะไดซัลไฟด์ 3 ที่ ซึ่งเป็นรูปที่ยังไม่ทำงาน เมื่อร่างกายต้องการใช้จะถูกย่อยด้วยเอนไซม ์ทริปซิน เพื่อตัดเอาเปปไทด์เชื่อม ออกได้เป็นอินซูลิน

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


ข. เอนไซม์เป็นสารประเภทโปรตีน

เอนไซม์มีโครงสร้างทางเคมีเป็นโปรตีน ประกอบไปด้วยโพลีเปปไทด์

เอนไซม์ คือ กลุ่มของโปรตีนที่มีหน้าที่พิเศษแตกต่างจากโปรตีนอื่นๆทั่วไป มีความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงเพื่อใช้ในการสังเคราะห์องค์ประกอบภายในเซลล์ และระบบการย่อยอาหาร เอนไซม์มีความจำเพาะต่อสารที่ทำปฏิกิริยาที่เรียกว่า "ซับสเตรด" และสามารถเร่งปฏิกิริยาโดยไม่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์อื่น เอนไซม์จะเพิ่มอัตราเร็วของปฏิกิริยาโดยลดพลังงานกระตุ้นของปฏิกิริยา เอนไซม์มีโครงสร้างทางเคมีเป็นโปรตีน ซึ่งประกอบไปด้วยโพลีเปปไทด์ เพียงสายเดียวหรือหลายสายที่ม้วนกันเป็นก้อนกลม มีโครงรูปที่จำเพาะ และถูกตั้งมาโดยลำดับการเรียงตัวของกรดอะมิโน และยังมีเอนไซม์อีกจำนวนมากที่มีสารประกอบอื่นที่ไม่ใช่โปรตีนรวมอยู่ด้วยจึงทำหน้าที่ได้ เอนไซม์นี้เรียกว่า "โฮโลเอนไซม์" เฉพาะส่วนที่เป็นโปรตีนจะเรียกว่า "กลุ่มโพรสทีติก" ซึ่งอาจจะเป็นไอออนของโลหะเรียกว่า "โคแฟกเตอร์" และถ้าเป็นสารประกอบอินทรีย์จะเรียกว่า "โคเอนไซม์"

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


ก. เพปไทด์ที่เกิดจากกรดXและกรดYทําปฏิกิริยากับCuSO4ในสภาวะเบสให้สารสีม่วง

โครงสร้าง X Y Zเป็นกรด เนื่องจากมีหมู่ COOH ถ้าทำปฏิกิริยากับCuSO4ในสภาวะเบสจะได้ สีม่วง ถ้าเบสแก่จะได้สีแดง

ถ้าใช้สารละลายลายฟีนอล์ฟทาลีน ซึ่งสารละลายฟีนอล์ฟทาลีนตัวนี้ เป็นอินดิเคเตอร์ที่ไม่มีสีเมื่อหยดสารละลายกรดสีของสารละลายจะคงเดิม เมื่อหยดสารละลายเบสสีของสารละลายฟีนอล์ฟทาลีนจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูม่วง แต่ถ้าเป็นเบสแก่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


ก,ค และ ง

พันธะที่มี 3 พันธะ คือไตร แอมโฟเทริกเป็นสารประกอบที่ในโมเลกุลมีทั้งประจุบวกและประจุลบ เช่น โปรตีน จึงมีสมบัติเป็นได้ทั้งกรดและเบส โปรตีนก้อนกลมเกิดจากสายพอลิเพปไทด์ม้วนขดพันกันเป็นก้อนกลม ละลายน้ำได้ดี ส่วนใหญ่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเมทาบอลิซึมต่างๆที่เกิดขึ้นภายในเซลล์

เมื่อพันธะที่จับกันมี 3 พันธะ จะเรียกว่า ไตร ดครงสร้างทุติยภูมิโปรตีนแบบเกลียวแอลฟาซึ่งมีลักษณะเป็นเป็นเกลียวขดคล้ายสปริงเกิดจากอะตอมพันธะไฮโดรเจนที่อยู่ -NH2 และออกซิเจนในหมู่ -COOH เกลียวแอลฟาเป็นโครงสร้างพื้นฐานทั้งในโปรตีนเส้นใย และในโปรตีนก้อนกลม แอมโฟเทริกเป็นสารประกอบที่ในโมเลกุลมีทั้งประจุบวกและประจุลบ เช่น โปรตีน จึงมีสมบัติเป็นได้ทั้งกรดและเบสโปรตีนก้อนกลมเกิดจากสายพอลิเพปไทด์ม้วนขดพันกันเป็นก้อนกลม ละลายน้ำได้ดี ส่วนใหญ่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเมทาบอลิซึมต่างๆที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ โครงสร้ารงโปรตีนก้อนกลมและโปรตีนเส้นใยเป็นโครงสร้างทุติยภูมิ

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


กลีเซอรอล กรดไขมัน และไขมัน ตามลำดับ

สมหารปฏิกิริยาการเตรียมไขมันและน้ำมันเขียนเป็นสมการได้ กลีเซอรอล + กรดไขมัน = ไขมัน + 3H2O โดยมี H+ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา

ปฏิกิริยาการเตรียมไขมันและน้ำมันเขียนเป็นสมการได้ 1กลีเซอรอล + 3กรดไขมัน = 1ไขมัน + 3H2O โดยมี H+ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา หมู่อัลคิล ทั้ง 3 หมู่ ในไขมันหรือน้ำมัน อาจจะเป็นชนิดเดียวกัน หรือต่างกันก็ได้ อาจจะเป็นสารประเภทอิ่มตัวหรือไม่อิ่มตัวก็ได้ กลีเซอรอล เป็นสารประเภทแอลกอฮอล์ กรดไขมัน เป็นสารประเภทกรดอินทรีย์

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


1. น้ำมัน Z 2. จ.

น้ำมัน Z เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นไขมันดี ทดสอบจากหยดไอโอดีนที่มีมากกว่าน้ำมันอื่น กรดไขมันไม่อิ่มตัวสารละลายไอโอดีนจะมีมากกว่ากรดไขมันอ่มตัว และWเป็นกรดไขมันอิ่มตัวอันตรายต่อร่างกายเมื่อใช้ทำอาหารเวลานาน เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใขขาดเลือดมากที่สุด

กรดไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acid) คือ ไขมันที่เป็นไขมันเต็มตัว เช่น ไขมันโคเลสเตอรอล ไขมันไตรกลีเซอไรด์ เมื่อบริโภคไขมันอิ่มตัวในปริมาณมาก ไขมันจะไปสะสมในเซลล์ไขมันทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดโรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง ควรไขมันอิ่มตัวก็ยังมีความจำเป็นต่อร่างกาย เพียงแต่ต้องบริโภคในปริมาณที่จำกัด กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fatty acid) เป็นไขมันที่ได้จากพืช (ยกเว้นจากพืชบางชนิด เช่น กะทิ และน้ำมันปาล์ม ที่เป็นไขมันอิ่มตัว) ไขมันไม่อิ่มตัว มีผลต่อโรคอ้วนและโรคหลอดเลือดน้อยกว่าไขมันอิ่มตัว

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


จ. 2 และ 3

น้ำมัน X เป็นกรดไขมันอิ่มตัวเพราะมีการแข็งตัวเกิดขึ้น น้ำมัน Y เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเพราะไม่เกิดการแข็งตัว

กรดไขมันอิ่มตัวจะมีการแข็งตัว เป็นพันธะเดี่ยว มีจุดหลอมเหลวสูง เกิดการแข็งตัวเมื่อยู่ในอุณหภูมิห้อง ไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศไม่มีกลิ่นเหม็นหืด(ไม่ทำปฏิกิริยา) ส่วนกรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นพันธะคู่ จุดหลอมเหลวต่ำ ไม่เกิดการแข็งตัวเมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศเกิดกลิ่นเหม็นหืด

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


ง. ไขมันและน้ำมันเป็นสารประกอบเอสเทอร์

ไขมันและน้ำมันเป็นสารประกอบประเภทเอสเทอร์

ไขมันและน้ำมันเป็นสารประกอบประเภทเอสเทอร์ที่เรียกว่า ไตรกลีเซอรอลซึ่งเกิดจากการรวมตัวทางเคมีของกลีเซอรอล 1 โมเลกุลกับกรดไขมัน 3 โมเลกุล ที่อุณหภูมิปกติ ถ้าเป็นของแข็ง เรียกว่า ไขมัน และถ้าเป็นของเหลวที่อุณหภูมิปกติ เรียกว่า น้ำมัน(Oil) โดยทั่วไปไขมันมีธาตุคาร์บอน(C) ไฮโดรเจน(H) ออกซิเจน(O) เป็นหลัก

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


ก. ไข่ขาว , น้ำตาลทราย , เอทิลแอซิเตต

สารXเป็นโปรตีน (ไข่ขาว)สารY (น้ำตาลทราย) เป็นคาร์โบไฮเดรต และสารZ เป็นกรดน้ำส้ม (เอทิลแอซิเตต)

ทำปฏิกิริยากับ NaOHและCuSO4เกิดสีม่วงเป็นสารประเภทโปรตีน คาร์โบไฮเดรตทดสอบเบเนดิกส์จะเกิดตะกอนสีแดงอิฐ และกรดน้ำน้ม CH3COOH ต้มกับHCIเกิดกลิ่นฉุนคล้ายน้ำส้มสายชู

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


ค. ข้อ 1 และ ข้อ 3 ถูก

กลูโคสเป็นมอนอเมอร์ของเซลลูโลส Chitin เป็นสารคาร์โบไฮเดรต เป็นโฮโมพอลิเมอร์สายยาวของ N-acetyl-D-glucosamine

Chitin เป็นสารคาร์โบไฮเดรต ประเภทพอลิแซ็กคาไรด์ที่มีสายยาว เป็นโฮโมพอลิเมอร์สายยาวของ N-acetyl-D-glucosamine ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของกลูโคส ต่อกับด้วยพันธะไกลโคไซด์ (glycosidic bond) แบบ β-1,4 แต่หมู่ hydroxyl (-OH) ที่ตำแหน่ง C2 จะถูกแทนที่ด้วยกลุ่ม acetyl amino (-NHCOCH3)

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


ข. มีข้อถูก 2 ข้อ

ฮิมมูโนโกลบินเป็นโปรตีน ช่วยในการลำเลียงO2 ฮิมมูโนโกลบินเป็นโปรตีน มีในแอนติบอดี้ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน

ฮิมมูโนโกลบินเป็นโปรตีน ช่วยในการลำเลียงO2 ฮิมมูโนโกลบินเป็นโปรตีน มีในแอนติบอดี้ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน ไตรกลีเซอไรด์ ที่ผ่านเข้าไปยังกระแสเลือดแล้ว จะมีหน้าที่แจกจ่าย กรดไขมัน ” Fatty Acids ” ให้กับกล้ามเนื้อและเซลล์ไขมัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายมีปริมาณของไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายลดต่ำลงตามไปด้วย

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


Z เป็นปฏิกิริยาการเกิดเอสเทอร์

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


แตกต่างกัน 2 ชนิด

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


ค. มีข้อถูก 3 ข้อ

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ก. โปรตีน แป้ง น้ำตาลทราย

x = โปรตีน Y=คารืโบไฮเดรต Z=น้ำตาลทรายไม่ทำปฏิกิริยากับไอโอดีน

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


จ. ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว ไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว กรดคาร์บอกซิลิก แป้ง

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


จ. W, X, Y และ Z

ทั้งสามเป็นคาร์โฐไฮเดรต ทำปฏิกิริยากับเบเนดิกส์เป็นตะกอนสีแดงอิฐ

คาร์โบไฮเดรตเป็นสารชีวโมเลกุลซึ่งประกอบด้วยธาตุหลัก 3ชนิด ธาตุคาร์บอน (C) ไฮโดรเจน (H) และออกซิเจน (O)

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


จ. กรดอะมิโน

เพราะทงสบู่เกลือโซเดียม อะซิเตตและผงชูรสเป็นเกลือโซเดียมของกรดอินทรีย์ (กรดอ่อน) จึงเป็นสมบัติเป็นเบส สวนกรดอะมิโนเมื่อละลายนําและหมู่ –COOH จะแตกตัว H+ ไปโปรโตเนตหมู่ –NH 2 เกิดเป็นหมู่ –COO H- (เบส)และ –NH3+ (กรด) ทําให้มีค่า pH ใกล้ 7 มากที่สุด

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


2. พืชไม่สามารถใช้ ADP และ NADP+ ได้ตามปกติ

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

21


5. จัดเป็นสิ่งมีชีวิตประเภท Prokaryotic cell

10

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

22


ข้อใด ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับอะไมโลสและอะไมเลส

ก. อะไมโลส จัดเป็นพอลิแซ็กคาไรด์แบบโซ่ตรง ที่สามารละลายน้ำได้

พอลิแซ็กคาไรด์แบบโซ่ตรง ที่สามารละลายน้ำได้ยาก

6

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

23


4. Lactose เป็น induce molecule

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

24


3. DNA polymerase

ในคลิปนี้มีแต่ RNA Polymerase

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

25


2. Inducer

การทำงานของ Lac operon จะสมบูรณ์ไม่จำเป็นต้องอาศัย inducer

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 58.95 เต็ม 161

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา