1 |
What is the main advantage of using nanomaterials in electrochemical sensors for medical diagnostics?
|
3. They enhance sensitivity and surface area for detection |
|
:
1. Nanomaterials (วัสดุนาโน) มีขนาดเล็กระดับนาโนเมตร ทำให้มี อัตราส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตรสูงมาก → ช่วยให้มี พื้นที่ผิวมาก สำหรับโมเลกุลเป้าหมาย (เช่น กลูโคส, โปรตีน, DNA) ในการจับ
2. พื้นที่ผิวที่มากขึ้น = ตรวจจับได้มากขึ้น → เพิ่ม ความไว (sensitivity) ของเซนเซอร์
3. วัสดุนาโนบางชนิด (เช่น กราฟีน, คาร์บอนนาโนทิวบ์, อนุภาคทองคำ) ยังมี คุณสมบัติทางไฟฟ้าที่ดี → เพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณและความแม่นยำ
|
วัสดุนาโน = พื้นที่ผิวมาก + นำไฟฟ้าดี + ตรวจจับไว + ปรับแต่งได้เฉพาะทาง
ส่งผลให้ electrochemical sensor ไว แม่นยำ ใช้ง่าย และมีศักยภาพสูงในการวินิจฉัยโรค
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
Which of the following nanomaterials is frequently mentioned as enhancing sensor conductivity?
|
2. Gold nanoparticles |
|
1. การนำไฟฟ้าสูงมาก:
ทองคำเป็นโลหะที่นำไฟฟ้าได้ดีอยู่แล้ว และเมื่ออยู่ในระดับนาโน จะเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทอิเล็กตรอน ในวงจรของเซนเซอร์ → ทำให้การวัดค่าต่าง ๆ เช่น กลูโคส, โซเดียม, ฯลฯ แม่นยำและไวมากขึ้น
🔹 2. มีพื้นผิวจำเพาะสูง (High Surface Area):
ทองนาโนมีขนาดเล็กมาก ทำให้มีพื้นที่ผิวเยอะ → ยึดจับสารชีวภาพ (เช่น แอนติบอดี, ดีเอ็นเอ, โปรตีน) ได้ดี → ช่วยให้เซนเซอร์ตรวจจับสิ่งที่ต้องการได้แม่นยำขึ้น
🔹 3. มีความเสถียร และเข้ากันได้ดีกับชีวโมเลกุล:
ทองนาโนสามารถจับกับกลุ่ม functional group ต่าง ๆ ได้ดี เช่น –SH, –NH₂ ซึ่งพบในโปรตีนหรือเอนไซม์ → จึงใช้ทำ biosensor ได้ง่าย
|
ในเซนเซอร์ไฟฟ้าเคมี (Electrochemical Sensor) สิ่งสำคัญคือ:
• การนำไฟฟ้า (conductivity)
• พื้นที่ผิวที่มากพอสำหรับจับสารเป้าหมาย
• การตอบสนองไว (high sensitivity)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
Why are carbon-based nanomaterials such as carbon nanotubes (CNTs) useful in electrochemical sensors?
|
3. They improve electron transfer and mechanical strength |
|
:
1. CNTs (Carbon Nanotubes) เป็นวัสดุนาโนที่มี คุณสมบัตินำไฟฟ้าสูง → ช่วยให้การถ่ายโอนอิเล็กตรอนในเซนเซอร์ดีขึ้น
→ ซึ่งการถ่ายโอนอิเล็กตรอนเร็วขึ้น = การวัดผลที่ ไวขึ้นและแม่นยำขึ้น
2. CNTs ยังมี ความแข็งแรงเชิงกลสูง → ใช้ทำเซนเซอร์ที่ ยืดหยุ่น ทนแรงดึง ทนความร้อน → ทำให้เซนเซอร์มีอายุการใช้งานนานและทนทานต่อการใช้งานซ้ำ
3. งานวิจัยจำนวนมากในวงการ biosensor / electrochemical sensor ยืนยันว่า CNTs เป็นวัสดุที่นิยมใช้ที่สุดในการเพิ่ม sensitivity (ความไว) และ durability (ความคงทน) ของเซนเซอร์
|
เลือกวัสดุที่ส่งอิเล็กตรอนได้เร็วและเสริมความแข็งแรงทางโครงสร้าง จะได้เซนเซอร์ที่ไวและใช้งานได้นาน”
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
What is one challenge in integrating nanotechnology with electrochemical sensors for medical use?
|
3. Issues in reproducibility and standardization |
|
นาโนเทคโนโลยีใน electrochemical sensors สำหรับการแพทย์มี ข้อดีมากมาย เช่น เพิ่มความไวในการตรวจวัด แต่เมื่อจะนำไปใช้งานจริงในระดับอุตสาหกรรมหรือทางคลินิก ต้องเจอปัญหาใหญ่คือ:
“ปัญหาการทำซ้ำ (Reproducibility)”
• เซนเซอร์ที่ผลิตในล็อตต่างกัน อาจมีผลการวัดต่างกัน
• เช่น คาร์บอนนาโนทิวบ์ที่ขนาดหรือโครงสร้างต่างกันเล็กน้อย อาจให้ค่าการตรวจวัดต่างกันมาก
“ปัญหามาตรฐาน (Standardization)”
• วัสดุนาโนยังขาด มาตรฐานสากล ในการผลิต การทดสอบ และการควบคุมคุณภาพ
• ทำให้การนำไปใช้ในระบบสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลหรือห้องแล็บ ยังมีความเสี่ยงเรื่องความแม่นยำ
|
การนำวัสดุนาโนมาใช้ใน electrochemical sensors แม้จะให้ผลลัพธ์ดีในเชิงวิจัย แต่ยังมีความท้าทายด้านการทำซ้ำและการควบคุมมาตรฐานให้สม่ำเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อความปลอดภัยและความแม่นยำในทางการแพทย์”
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
Which technique is commonly used to enhance the signal in nanotechnology-based electrochemical sensors?
|
2. Enzyme labeling |
|
:
Enzyme labeling เป็นเทคนิคที่ ใช้เอนไซม์เป็นตัวช่วยขยายสัญญาณ (signal amplification) ในเซนเซอร์ทางชีวภาพ รวมถึง electrochemical sensors ที่ใช้ร่วมกับ nanomaterials ด้วย
• เอนไซม์ที่นิยม เช่น horseradish peroxidase (HRP) หรือ alkaline phosphatase (ALP)
• เมื่อเกิดการจับกับเป้าหมาย (target molecule) เช่น โปรตีนหรือดีเอ็นเอ
➤ เอนไซม์จะเร่งปฏิกิริยาเคมีที่สร้างสัญญาณไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
➤ ทำให้ สัญญาณวัดผลทางไฟฟ้า (electrochemical signal) เข้มข้นขึ้น
➤ เพิ่มความไว (sensitivity) ของเซนเซอร์
|
1. Signal Amplification Theory
• เซนเซอร์นาโนจะจับโมเลกุลเป้าหมายในปริมาณน้อยมาก
• จึงต้องใช้วิธี ขยายสัญญาณ เพื่อให้สามารถตรวจวัดได้ชัดเจนขึ้น
2. Electrochemical Sensing Principle
• เทคนิคอย่าง amperometry หรือ voltammetry วัดการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้า
• การใช้ enzyme labeling จะเร่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เครื่องวัดตรวจจับได้ชัดเจนขึ้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
Why is biocompatibility crucial in designing electrochemical sensors for medical diagnostics?
|
2. To prevent rejection or toxicity in biological systems |
|
Biocompatibility หมายถึง ความสามารถของวัสดุหรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในการอยู่ร่วมกับร่างกายโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น อาการแพ้ พิษ หรือการอักเสบ
เมื่อใช้ electrochemical sensors ทางการแพทย์ (เช่น ตรวจน้ำตาล กลูโคส, ตรวจโปรตีนในเลือด ฯลฯ)
→ ตัวเซนเซอร์ต้องสัมผัสกับของเหลวในร่างกาย (เช่น เลือด, น้ำลาย, ปัสสาวะ ฯลฯ)
→ ถ้าไม่ biocompatible จะ ทำให้ร่างกายเกิดการตอบสนอง (rejection) หรือปล่อยสารพิษ (toxicity) ออกมา
→ ส่งผลให้เซนเซอร์ทำงานผิดพลาดหรืออันตรายต่อผู้ป่วย
|
• Biocompatibility Principle in Biomedical Engineering:
วัสดุที่สัมผัสร่างกายมนุษย์ต้องผ่านการทดสอบ biocompatibility เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง
• ISO 10993 และ FDA guidelines ก็เน้นเรื่อง biocompatibility สำหรับอุปกรณ์ตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
How do label-free electrochemical sensors differ from labeled ones?
|
3. They do not rely on additional reagents or markers |
|
Label-free electrochemical sensors แตกต่างจากแบบที่ “labeled” ตรงที่:
• Label-free: ตรวจจับสัญญาณโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงทางไฟฟ้าที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างเป้าหมาย (เช่น โปรตีน, DNA, กลูโคส) กับผิวของเซนเซอร์ โดย ไม่ต้องใช้สารเคมีพิเศษ เช่น สีย้อม, เอนไซม์, หรือสารเรืองแสง
• Labeled: ต้องอาศัย “ตัวกลาง” (marker/reagent) เช่น enzyme, fluorescent dye เพื่อทำให้การตรวจจับชัดเจนขึ้น
|
• Label-free sensors ให้ผลรวดเร็วกว่าเพราะไม่ต้องเตรียมตัวอย่างหรือเพิ่มสารเคมี
• พัฒนาบนพื้นฐานของการวัดพฤติกรรมไฟฟ้า เช่น impedance, current, potential เมื่อสารเป้าหมายจับกับผิวอิเล็กโทรด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
What is one promising application of nanotech-based electrochemical sensors?
|
2. Early detection of disease biomarkers |
|
เซนเซอร์ประเภทนี้สามารถตรวจจับ โมเลกุลขนาดเล็กในความเข้มข้นต่ำมากได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็ว เพราะ นาโนเทคโนโลยีช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวและความไวต่อการตรวจจับ มากกว่าวัสดุปกติหลายเท่า
|
• Biomarkers คือโมเลกุลที่บ่งชี้การมีหรือเสี่ยงของโรค
• Nanotech-based sensors ช่วยให้การวิเคราะห์สารพวกนี้เป็นไปได้แม้มีอยู่ในปริมาณน้อยมาก (เช่น พิโกกรัม/มิลลิลิตร)
• การตรวจพบได้เร็ว = การรักษาที่เร็วขึ้น = โอกาสรอดที่สูงขึ้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
Which of the following factors most directly affects the sensor's detection limit?
|
|
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
What is one of the primary goals of using digital sensing technologies in cancer care?
|
3. Enable earlier and more personalized diagnosis |
|
หนึ่งในเป้าหมายหลักของการใช้ เทคโนโลยีดิจิทัลเซนซิ่ง (Digital Sensing Technologies) ในการดูแลรักษาโรคมะเร็ง คือ:
👉 เพื่อช่วยให้สามารถวินิจฉัยโรคได้ เร็วขึ้น และทำให้การรักษาเป็น รายบุคคลมากขึ้น (personalized diagnosis and treatment)
ซึ่งช่วย:
• ตรวจพบโรคได้ในระยะเริ่มต้นก่อนที่จะลุกลาม
• ปรับแผนการรักษาให้เหมาะกับ ผู้ป่วยแต่ละราย มากขึ้น โดยใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์หรืออุปกรณ์ติดตามอัจฉริยะ
|
• Precision Medicine / Personalized Medicine: แนวทางการแพทย์ที่เน้นการรักษาแบบเจาะจงกับผู้ป่วยแต่ละคน
• Digital Health Integration: รวมข้อมูลจากเซนเซอร์, AI, และข้อมูลสุขภาพเพื่อช่วยวินิจฉัยแบบ real-time
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
Which type of sensor is often used to monitor physical activity in cancer patients?
|
3. Accelerometers |
|
Accelerometers เป็นเซนเซอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้วัด การเคลื่อนไหว และ ระดับกิจกรรมทางกายภาพ (physical activity) ได้อย่างแม่นยำ
• ในผู้ป่วยมะเร็ง มักใช้เพื่อติดตาม:
• ระดับกิจกรรมประจำวัน
• การฟื้นตัวหลังการรักษา
• ความเสี่ยงต่อภาวะเคลื่อนไหวน้อยเกินไป (sedentary behavior)
|
Behavioral Monitoring in Cancer Care: ใช้เทคโนโลยีติดตามพฤติกรรมเพื่อประเมินสุขภาพโดยรวม
• Wearable Technology in Healthcare: อุปกรณ์เช่น smartwatches และ fitness bands มักมี accelerometers ฝังอยู่
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
Why are patient-reported outcomes important in digital cancer care systems?
|
3. They provide subjective data complementing sensor metrics |
|
Patient-Reported Outcomes (PROs) คือข้อมูลที่ผู้ป่วยรายงานด้วยตนเอง เช่น
• ความเจ็บปวด
• ความเหนื่อยล้า
• อารมณ์
• คุณภาพชีวิต
|
Digital Health Integration: การดูแลผู้ป่วยสมัยใหม่ต้องผสมผสาน ข้อมูลจากเซนเซอร์ (objectively measured) และ PROs (subjective experience)
• Holistic Cancer Care: การรักษาโรคมะเร็งที่ดีต้องเข้าใจทั้งร่างกายและความรู้สึกของผู้ป่วย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
What is one major advantage of real-time digital sensing in cancer treatment?
|
3. Rapid detection of deterioration in patient condition |
|
Real-time digital sensing (เช่น wearable sensors, smartwatches, และ IoT devices) ช่วยในการ ติดตามสถานะผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ เช่น:
• อัตราการเต้นของหัวใจ
• การนอน
• การเคลื่อนไหว
• การหายใจ
• ระดับออกซิเจนในเลือด
มี การทรุดลงของอาการ (deterioration) เช่น:
• หัวใจเต้นผิดปกติ
• ลุกเดินไม่ได้
• หายใจเร็วผิดปกติ
สิ่งนี้ ช่วยให้รักษาได้เร็วขึ้นและลดความเสี่ยง ต่อภาวะฉุกเฉิน
|
Remote Patient Monitoring (RPM): ใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบผู้ป่วยจากระยะไกล
• Predictive Analytics: วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า
• Personalized Medicine: การดูแลเฉพาะบุคคลตามข้อมูลเรียลไทม์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
Which of the following is a key barrier to implementing digital sensing in routine oncology practice?
|
3. Limited digital literacy among patients and providers |
|
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการนำ digital sensing technology มาใช้จริงในงานดูแลผู้ป่วยมะเร็ง (oncology practice) คือ:
ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากยังไม่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
เช่น:
• การติดตั้งอุปกรณ์
• การเชื่อมต่อ Bluetooth/Wi-Fi
• การอ่านและตีความข้อมูล
• ความกลัวเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล
เมื่อขาดความรู้ดิจิทัล (digital literacy) ก็จะทำให้ การใช้งานเทคโนโลยีเป็นไปได้ยาก, แม้จะมีอุปกรณ์พร้อมอยู่แล้วก็ตาม
|
Technology Acceptance Model (TAM): การยอมรับเทคโนโลยีขึ้นอยู่กับความง่ายในการใช้ และความเข้าใจของผู้ใช้
• Digital Divide in Healthcare: ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงและใช้เทคโนโลยีด้านสุขภาพ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
Which stakeholders are considered central to the adoption of digital cancer care platforms?
|
2. Patients and healthcare providers |
|
ผู้ป่วย (Patients) และ บุคลากรทางการแพทย์ (Healthcare Providers) คือผู้ที่มีบทบาทหลักที่สุดในการนำเทคโนโลยี digital cancer care platforms มาใช้จริงในการดูแลรักษามะเร็ง เพราะ:
• ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางของการดูแล (patient-centric care)
• แพทย์และพยาบาลต้องเป็นผู้ใช้งานและแปลผลข้อมูลจากระบบเซ็นเซอร์หรือแอปพลิเคชัน
• การสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยเป็นหัวใจสำคัญของการใช้ระบบดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ
|
• Stakeholder Theory: การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ ต้องพิจารณาบทบาทของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก (ในที่นี้คือผู้ป่วยและบุคลากรทางแพทย์)
• User-Centered Design: ระบบต้องออกแบบให้ใช้งานง่ายและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้หลัก
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
Digital sensing systems collect which combination of data types for cancer care optimization?
|
2. Sensor metrics and patient-reported outcomes |
|
Digital sensing systems ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง (cancer care) มักใช้ ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ (sensor metrics) ร่วมกับ ข้อมูลที่ผู้ป่วยรายงานเอง (Patient-Reported Outcomes: PROs) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมทั้ง:
• สภาพร่างกายจริง เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ การเคลื่อนไหว น้ำหนัก การนอน ฯลฯ
• ประสบการณ์ของผู้ป่วย เช่น ความเจ็บปวด อารมณ์ อาการข้างเคียงจากยา ความเหนื่อยล้า ฯลฯ
เมื่อรวมกันแล้ว ข้อมูลทั้งสองแบบนี้ช่วยให้แพทย์สามารถปรับการรักษาได้แม่นยำและตรงจุดมากขึ้น (personalized care)
|
• Precision Medicine: ต้องอาศัยข้อมูลหลายแหล่ง ทั้งเชิงวัตถุและเชิงอัตนัย
• Digital Health Integration: การรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ดิจิทัลและประสบการณ์ผู้ป่วยเพื่อวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
How do digital sensors contribute to improving the quality of life in cancer patients?
|
3. By enabling symptom tracking and early intervention |
|
Digital sensors ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งสามารถ:
• ติดตามอาการ (symptom tracking) ได้แบบเรียลไทม์ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับกิจกรรม, การนอนหลับ, หรือแม้แต่อุณหภูมิร่างกาย
• ตรวจพบอาการผิดปกติได้เร็ว (early intervention) เช่น อาการแทรกซ้อนจากยา หรือการทรุดตัวของสภาพร่างกาย
→ ช่วยให้แพทย์สามารถเข้าแทรกแซงได้เร็วขึ้นก่อนอาการจะแย่ลง
สิ่งเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการ ยืดอายุ, ลดความรุนแรงของโรค, และ เพิ่มคุณภาพชีวิต ของผู้ป่วย
|
• Proactive Care: การดูแลสุขภาพเชิงรุกผ่านการใช้ข้อมูลแบบเรียลไทม์
• Patient-Centered Care: การออกแบบระบบให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคน
• Digital Health Technology: ใช้เซ็นเซอร์และ AI เพื่อการเฝ้าระวังสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
What does the article suggest about the future direction of digital sensing in cancer care?
|
3. It holds promise for widespread personalized care |
|
• ใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ (real-time sensor data)
• ผสานกับข้อมูลที่ผู้ป่วยรายงานเอง (Patient-Reported Outcomes – PROs)
• เพื่อสร้างระบบการดูแลที่ เฉพาะเจาะจงและปรับให้เหมาะกับแต่ละคน (personalized care)
• ทำให้ เข้าถึงง่ายขึ้น และ ปรับปรุงคุณภาพชีวิต ของผู้ป่วยได้ในวงกว้าง
|
• Personalized Medicine: รักษาแบบจำเพาะกับแต่ละคน แทนที่จะใช้แนวทางเดียวกับทุกคน
• Digital Health Transformation: การเปลี่ยนผ่านระบบสุขภาพด้วยเทคโนโลยี
• Predictive Analytics: ใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์คาดการณ์แนวโน้มสุขภาพล่วงหน้า
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
Based on the diagram, which of the following would most likely result in a false signal output in an electrochemical sensor for medical diagnostics?
|
1. Using a transducer made of non-conductive materials |
|
ในระบบ electrochemical sensor (เซ็นเซอร์เคมีไฟฟ้า) เช่นที่ใช้ในงานวินิจฉัยทางการแพทย์ เซ็นเซอร์จะทำงานโดย:
• Bioreceptor จับกับสารเป้าหมาย (target)
• Transducer แปลงสัญญาณชีวภาพให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า
• การ ส่งสัญญาณไฟฟ้า จำเป็นต้องใช้วัสดุที่มี การนำไฟฟ้า (conductive)
หาก transducer ทำจาก วัสดุที่ไม่นำไฟฟ้า จะ:
• ไม่สามารถส่งผ่านสัญญาณไฟฟ้าได้
• ทำให้เกิด สัญญาณผิดพลาด หรือ ไม่เกิดสัญญาณเลย
• ซึ่งถือเป็น “false signal” ในบริบทของการตรวจวินิจฉัย
|
Electrochemical Sensing Principle: การเปลี่ยนสัญญาณเคมี/ชีวภาพให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า
• Signal Transduction: ต้องใช้วัสดุนำไฟฟ้า เช่น คาร์บอนนาโนทิวบ์, ทอง, หรือ graphene ในการส่งสัญญาณ
• False Signal: เกิดได้จากความผิดพลาดทางระบบ ไม่ใช่จากปฏิกิริยาจริงกับสารเป้าหมาย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
Based on the image, which of the following scenarios best demonstrates the advantage of using emerging digital platforms in cancer diagnostics?
|
3. A portable chip-based sensor detects protein biomarkers from a blood sample within minutes |
|
ง ข้อได้เปรียบของแพลตฟอร์มดิจิทัลยุคใหม่ (emerging digital platforms) ในการวินิจฉัยโรคมะเร็ง ซึ่งก็คือ:
• การตรวจจับโปรตีน biomarkers ได้อย่างรวดเร็ว
• ใช้อุปกรณ์ พกพา ขนาดเล็ก เช่น chip-based sensor
• สามารถ ลดเวลา จากหลายชั่วโมงหรือวัน เหลือเพียงไม่กี่นาที
• เป็นการนำ เทคโนโลยีดิจิทัล และ นาโนเทคโนโลยี มาช่วยเพิ่มความแม่นยำและรวดเร็ว
|
• Emerging digital platforms: รวมถึงอุปกรณ์พกพา, biosensors, AI-based analysis
• Biomarker detection: การใช้สารชีวภาพเป็นตัวชี้วัดโรค เช่น โปรตีน หรือ DNA
• Point-of-care testing: ทดสอบได้เร็ว ใกล้ตัวผู้ป่วย ไม่ต้องรอในแล็บ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|