1 |
|
จ. คาร์โบไฮเดรต |
|
เพราะตามรูปประกอบด้วยหน่วยย่อยน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
|
ง. 2 และ 3 |
|
1. โรคเบาหวานเกิดจากร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ
2.อินซูลินออกฤทธิ์ให้ตับสะสมกลูโคสไว้ในรูปไกลโคเจน
3. เพราะอินซูลินไม่พอต่อการนำพลังงานมาเก็บจึงต้องลดการกินแป้งน้ำตาล
4. ไม่เกี่ยวกัน
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
|
ค. เอนไซม์ทํางานได้ภายในช่วง pH ที่จํากัด |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
|
ข. ในร่างกายมนุษย์จะไม่พบโปรตีนที่มีกรดอะมิโนXและYเป็นองค์ประกอบ |
|
valine กับ Leucine จะไม่พบในผู้ใหญ่
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
|
ค. |
|
โปรตีนมีสมบัติเป็นได้ทั้งกรดและด่าง
|
โปรตีนมีสมบัติเป็นได้ทั้งกรดและด่าง
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
|
A กลีเซอรอล
B กรดไขมัน
C ไตรแอซิลกลีเซอรอล |
|
กลีเซอรอล + 3กรดไขมัน ได้เป็น ไตรแอซิลกลีเซอรอล สร้างพันธะเอสเธอร์ผ่านการdehydration
|
กลีเซอรอล + 3กรดไขมัน ได้เป็น ไตรแอซิลกลีเซอรอล สร้างพันธะเอสเธอร์ผ่านการdehydration
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
|
ค. |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
|
จ. |
|
X คือ น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมากซึ่งจุดหลอมเหลวสูงและเหม็นหืนยาก
|
X คือ น้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวมากซึ่งจุดหลอมเหลวสูงและเหม็นหืนยาก รู้ได้จากน้ำมันx แข็งตัวเมื่ออยู่ในอากาศเย็น
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
|
ก. น้ำมันหมูประกอบด้วยกรดไขมันอิ่มตัวน้อยกว่าไขวัว |
|
เพราะไขวัว ประกอบด้วยเสตียริกและ ปาล์มมิติกมากกว่าน้ำมันหมู
|
เพราะไขวัว ประกอบด้วยเสตียริกและ ปาล์มมิติกมากกว่าน้ำมันหมู
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
|
ก. ไข่ขาว , น้ำตาลทราย , เอทิลแอซิเตต |
|
CuSO4 คือสารละลายไบยูเรตเพราะฉะนั้น X ควรเป็นโปรตีนเพราะเติมสารละลายแล้วได้สีม่วงตัด ค. ง. จ. และเบเนดิกต์ใช้ทดสอบน้ำตาลเติมสารแล้วได้ตะกอนสีแดงอิฐแสดงว่ามีน้ำตาลอยู่
|
CuSO4 คือสารละลายไบยูเรตเพราะฉะนั้น X ควรเป็นโปรตีนเพราะเติมสารละลายแล้วได้สีม่วงตัด ค. ง. จ. และเบเนดิกต์ใช้ทดสอบน้ำตาลเติมสารแล้วได้ตะกอนสีแดงอิฐแสดงว่ามีน้ำตาลอยู่
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
|
ก. ข้อ 1 ถูกเพียงข้อเดียว |
|
ข้อ2 dipeptide เชื่อพันธะprptide เป็นพันธะระหว่างหมู่คาร์บอกซิล กับ หมู่อะมิโน
ข้อ3 กลูโคสเชื่อมด้วยพันธะ เบต้า(1,4) และเชื่อมแต่ละสายด้วยพันธะไฮโดรเจน
|
ข้อ2 dipeptide เชื่อพันธะprptide เป็นพันธะระหว่างหมู่คาร์บอกซิล กับ หมู่อะมิโน
ข้อ3 กลูโคสเชื่อมด้วยพันธะ เบต้า(1,4) และเชื่อมแต่ละสายด้วยพันธะไฮโดรเจน
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
|
ค. มีข้อถูก 3 ข้อ |
|
hemoglobin เป็นโปรตีนขั้นจตุรภูมิทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจน
คอเลสเตอรอลเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศและน้ำดี
immunoglobulin เป็นโปรตีนทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
|
hemoglobin เป็นโปรตีนขั้นจตุรภูมิทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจน
คอเลสเตอรอลเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ฮอร์โมนเพศและน้ำดี
immunoglobulin เป็นโปรตีนทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
|
X คือ protein denaturation
Y คือ dehydration
Z คือ การสลายไขมัน |
|
X จากโปรตีนที่เป็นพอลิเมอร์กลายเป็นมอนอเนอร์อย่างกรดอะมิโนแสดงว่าเกิดการสูญเสียสภาพโปรตีน
Y เป็นการเกิด disaccharide จึงควรเป็นปฏิกิริยาdehydration ดึงน้ำออกเพื่อสร้างพันธะไกลโคซิดิก
Z เป็นการย้อนกลับสมการการสร้างไขมัน
|
X จากโปรตีนที่เป็นพอลิเมอร์กลายเป็นมอนอเนอร์อย่างกรดอะมิโนแสดงว่าเกิดการสูญเสียสภาพโปรตีน
Y เป็นการเกิด disaccharide จึงควรเป็นปฏิกิริยาdehydration ดึงน้ำออกเพื่อสร้างพันธะไกลโคซิดิก
Z เป็นการย้อนกลับสมการการสร้างไขมัน
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
|
4 ชนิด |
|
เพราะ มีพันธะเปปไทด์ทั้งหมด 3 พันธะ
|
มีพันธะเปปไทด์ทั้งหมด 3 พันธะ หมายถึง ประกอบจากกรดอะมิโนทั้งหมด 4 โมเลกุลตามการเกิดโครงสร้างโปรตีน
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
|
ก. มีข้อถูกเพียง 1 ข้อ |
|
พันธะไดซัลไฟด์เกิดจากกรดอะมิโนซิสเทอีน นำส่วนหมู่ซัลฟ์ไฮดริลเข้ามาทำปฎิกิริยากัน
พันธะฟอสโฟไดสเตอร์เกิดขึ้นเมื่อสองกลุ่มไฮดรอกซิลในกรดฟอสฟอริกทำปฏิกิริยากับกลุ่มไฮดรอกซิลบนโมเลกุลอื่นเพื่อสร้างพันธะเอสเทอร์สองพันธะ
พันธะไกลโคซิดิก เกิดระหว่างmonosaccharidde 2 molecule แต่หมู่ฟังก์ชั่นที่เกิดปฎิกิริยาคือหมู่ไฮดรอกซิล
พันธะเอสเทอร์ถูกแล้ว
|
พันธะไดซัลไฟด์เกิดจากกรดอะมิโนซิสเทอีน นำส่วนหมู่ซัลฟ์ไฮดริลเข้ามาทำปฎิกิริยากัน
พันธะฟอสโฟไดสเตอร์เกิดขึ้นเมื่อสองกลุ่มไฮดรอกซิลในกรดฟอสฟอริกทำปฏิกิริยากับกลุ่มไฮดรอกซิลบนโมเลกุลอื่นเพื่อสร้างพันธะเอสเทอร์สองพันธะ
พันธะไกลโคซิดิก เกิดระหว่างmonosaccharidde 2 molecule แต่หมู่ฟังก์ชั่นที่เกิดปฎิกิริยาคือหมู่ไฮดรอกซิล
พันธะเอสเทอร์ถูกแล้ว
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
|
จ. นมสด มอลโทส ข้าวต้ม |
|
สาร X ต้องมีส่วนประกอบของโปรตีน
สาร Y ต้องมีส่วนประกอบของน้ำตาล
สาร Z ต้องมีส่วนประกอบของแป้ง
|
สาร X ต้องมีส่วนประกอบของโปรตีน
สาร Y ต้องมีส่วนประกอบของน้ำตาล
สาร Z ต้องมีส่วนประกอบของแป้ง
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
|
จ. ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว ไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว กรดคาร์บอกซิลิก แป้ง |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
|
จ. W, X, Y และ Z |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
|
ข. คลอเรสเทอรอล |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
|
|
|
|
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
21 |
|
3. มีสารพันธุกรรมเช่นเดียวกับเชื้อก่อโรค Influenza , AIDS |
|
|
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
22 |
ข้อใด ไม่ถูกต้อง เกี่ยวกับอะไมโลสและอะไมเลส
|
ข. อะไมเลส จัดเป็นพอลิแซ็กคาไรด์แบบโซ่กิ่ง ที่ไม่สามารละลายน้ำได้ |
|
|
|
6 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
23 |
|
3. Gene นี้พบใน prokaryote |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
24 |
|
4. Cellular metabolism |
|
Cellular Metabolism ไม่ใช่สารแต่เป็นกระบวนการ
|
Cellular Metabolism เป็นกระบวนการสร้างและสลายภายในเซลล์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
25 |
|
2. Inducer |
|
จากคลิปคือใช้operon MRNA Represser และแลคโตส ซึ่งแลคโตสมาจาก กลูโคส + กาแลคโตส
|
จากคลิปคือใช้operon MRNA Represser และแลคโตส ซึ่งแลคโตสมาจาก กลูโคส + กาแลคโตส
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|