1 |
What is the main advantage of using nanomaterials in electrochemical sensors for medical diagnostics?
|
3. They enhance sensitivity and surface area for detection |
|
เพราะวัสดุนาโนมีพื้นที่ผิวสูง ทำให้จับ biomarker ได้มากขึ้นเยอะจึงทำให้เซ็นเซอร์มี sensitivity สูงขึ้นกว่าวัสดุปกติ
|
หลักการ surface-to-volume ratio ของวัสดุนาโน = พื้นที่ผิวมาก จะทำให้ ปฏิกิริยาไฟฟ้าเคมีเกิดมาก ซึ่งช่วยให้ สัญญาณตรวจจับแรงและแม่นยำขึ้น (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
Which of the following nanomaterials is frequently mentioned as enhancing sensor conductivity?
|
2. Gold nanoparticles |
|
Gold nanoparticles, AuNPs มีคุณสมบัติ นำไฟฟ้าสูง และสามารถเพิ่มการถ่ายโอนอิเล็กตรอนบนพื้นผิวอิเล็กโทรด จึงทำให้สัญญาณไฟฟ้าแรงและเซ็นเซอร์มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
|
ตามหลัก electrical conductivity ของโลหะระดับนาโน โครงสร้างขนาดเล็กของ AuNPs ช่วยเพิ่มการนำอิเล็กตรอนและปรับปรุงการตอบสนองไฟฟ้าเคมีของเซ็นเซอร์ (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
Why are carbon-based nanomaterials such as carbon nanotubes (CNTs) useful in electrochemical sensors?
|
3. They improve electron transfer and mechanical strength |
|
Carbon nanotubes (CNTs) มีโครงสร้างท่อขนาดนาโนที่นำไฟฟ้าได้ดีและแข็งแรง จะช่วยเพิ่มการถ่ายโอนอิเล็กตรอนและเสถียรภาพของเซ็นเซอร์ทำให้การตรวจจับมีความไวและทนทานมากขึ้น
|
ตามหลัก electron transfer theory โครงสร้างของ CNTs มี conductivity สูง และพื้นที่ผิวกว้าง จะช่วยเพิ่มอัตราการส่งผ่านอิเล็กตรอนและเสริมความแข็งแรงของอิเล็กโทรด (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
What is one challenge in integrating nanotechnology with electrochemical sensors for medical use?
|
3. Issues in reproducibility and standardization |
|
แม้ว่าวัสดุนาโนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเซ็นเซอร์แต่กระบวนการผลิตและการควบคุมคุณภาพของนาโนวัสดุทำได้ยาก ซึ่งทำให้ผลการตรวจบางครั้งไม่คงที่และยังไม่มีมาตรฐานชัดเจนสำหรับการใช้งานทางการแพทย์
|
ตามหลัก quality control และ standardization วัสดุนาโนมีคุณสมบัติที่เปลี่ยนแปลงได้ตามวิธีสังเคราะห์ → การสร้างเซ็นเซอร์ที่ได้ผลซ้ำกันและผ่านมาตรฐานจึงเป็นความท้าทายสำคัญ (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
Which technique is commonly used to enhance the signal in nanotechnology-based electrochemical sensors?
|
2. Enzyme labeling |
|
การใช้เอนไซม์เป็นตัวทำปฏิกิริยาในระบบเซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมีช่วยกระตุ้นให้เกิดสัญญาณไฟฟ้าที่แรงขึ้น เนื่องจากเอนไซม์สามารถเร่งปฏิกิริยาการเกิดหรือสลายตัวของสารตั้งต้นที่สร้างสัญญาณทำให้การตรวจจับมีความไวสูงแม้ในความเข้มข้นต่ำ
|
ตามหลัก catalytic signal amplification theory เอนไซม์ที่ถูกตรึงบนพื้นผิวที่มีวัสดุนาโนสามารถทำหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาชีวภาพ สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติไฟฟ้าเคมีสูงจำนวนมาก ทำให้มีการเพิ่มการถ่ายโอนอิเล็กตรอนและขยายสัญญาณตรวจจับได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
Why is biocompatibility crucial in designing electrochemical sensors for medical diagnostics?
|
2. To prevent rejection or toxicity in biological systems |
|
การออกแบบเซ็นเซอร์ทางการแพทย์ต้องมั่นใจว่าวัสดุที่ใช้จะไม่ก่อให้เกิดพิษหรือการตอบสนองของร่างกายที่เป็นอันตราย เช่นการอักเสบหรือสิ่งแปลกปลอม เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยทั้งในระบบร่างกายและระหว่างการตรวจทางคลินิก
|
ตามหลัก biocompatibility theory วัสดุที่ใช้ในอุปกรณ์ทางการแพทย์ต้องมี biocompatible หมายถึงไม่ก่อให้เกิดพิษ ไม่กระตุ้นการอักเสบ ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้เซ็นเซอร์สามารถทำงานได้ในสภาวะจริงโดยไม่ทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อ (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
How do label-free electrochemical sensors differ from labeled ones?
|
3. They do not rely on additional reagents or markers |
|
เซ็นเซอร์ label-free สามารถตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าเคมีที่เกิดจากการจับของ biomolecule โดยตรงบนพื้นผิวเซ็นเซอร์ จึงไม่ต้องใช้สารเคมีเพิ่มเติม เพื่อสร้างสัญญาณ วิธีนี้ทำให้การตรวจเร็วขึ้นลดขั้นตอนเตรียมตัวอย่างและลดความซับซ้อนของระบบตรวจจับเมื่อเทียบกับแบบ labeled
|
ตามหลัก direct electrochemical transduction theory เซ็นเซอร์แบบ label-free อาศัยการเปลี่ยนแปลงของคุณสมบัติไฟฟ้าเช่น กระแส, หรือศักย์ไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นโดยตรงเมื่อสารเป้าหมายจับกับตัวรับบนอิเล็กโทรด โดยไม่ต้องพึ่งพาเอนไซม์ หรือสารอื่นๆในการขยายสัญญาณ การออกแบบนี้ช่วยให้เซ็นเซอร์ตอบสนองได้เร็วและสามารถใช้งานกับตัวอย่างจริงได้ง่ายขึ้น (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
What is one promising application of nanotech-based electrochemical sensors?
|
2. Early detection of disease biomarkers |
|
เซ็นเซอร์ไฟฟ้าเคมีที่พัฒนาโดยใช้นาโนเทคโนโลยีมีความไวสูงสามารถตรวจพบ biomarkers ของโรคได้ตั้งแต่ระดับความเข้มข้นต่ำมากซึ่งเหมาะกับการวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเช่น มะเร็ง เบาหวาน หรือโรคติดเชื้อ
|
ตามหลัก biomarker detection theory การเพิ่มพื้นที่ผิวและการนำไฟฟ้าของวัสดุนาโนช่วยเพิ่มการจับ biomolecule บนเซ็นเซอร์และเพิ่มการถ่ายโอนอิเล็กตรอน จึงทำให้สัญญาณตรวจจับมีความชัดเจนแม้ biomarker มีปริมาณน้อยมาก ส่งผลให้สามารถตรวจโรคได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นด้วยความแม่นยำสูง (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
Which of the following factors most directly affects the sensor's detection limit?
|
2. Nanomaterial surface-to-volume ratio |
|
เพราะวัสดุนาโนที่มีอัตราส่วนพื้นที่ผิวต่อปริมาตร (surface-to-volume ratio) สูง สามารถจับ biomolecule ได้มากกว่า จะทำให้สัญญาณตรวจจับเด่นชัดขึ้นแม้สารเป้าหมายมีปริมาณน้อย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการลดค่าขีดจำกัดการตรวจจับ (detection limit)
|
ตามหลัก surface-to-volume enhancement theory เมื่อวัสดุนาโนมีพื้นที่ผิวมากขึ้นต่อหน่วยปริมาตรจะเพิ่มจุดทำปฏิกิริยาและเพิ่มการถ่ายโอนอิเล็กตรอน ซึ่งทำให้เซ็นเซอร์มีความไวสูงและตรวจจับสารในระดับความเข้มข้นต่ำได้อย่างแม่นยำ (อ้างอิง: Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
What is one of the primary goals of using digital sensing technologies in cancer care?
|
3. Enable earlier and more personalized diagnosis |
|
เทคโนโลยี digital sensing ในการดูแลมะเร็งถูกพัฒนาเพื่อตรวจจับ biomarker ของมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและสามารถปรับข้อมูลการตรวจเพื่อให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายทำให้ personalized treatment เป็นไปได้จริงและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
|
ตามหลัก precision oncology เทคโนโลยีนี้ช่วยเก็บและประมวลผลข้อมูลผู้ป่วยแบบ real-time เพื่อสนับสนุนการตรวจเร็วและการรักษาเฉพาะบุคคล
(อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
Which type of sensor is often used to monitor physical activity in cancer patients?
|
3. Accelerometers |
|
ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง อุปกรณ์สวมใส่ที่มี accelerometers ถูกนำมาใช้บ่อยเพื่อเก็บข้อมูลการเคลื่อนไห เช่นการเดินหรือการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ข้อมูลพวกนี้ช่วยแพทย์ประเมินความฟื้นตัวของผู้ป่วยและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
|
ตามหลัก kinematic monitoring theory accelerometer จะตรวจจับความเร่งของการเคลื่อนไหวใน 3 แกนและแปลงเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ระดับกิจกรรมของผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่รบกวนการใช้ชีวิต (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
Why are patient-reported outcomes important in digital cancer care systems?
|
3. They provide subjective data complementing sensor metrics |
|
Patient-reported outcomes คือข้อมูลที่ผู้ป่วยรายงานด้วยตนเองเช่นความรู้สึกและคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นข้อมูลเชิงที่เซ็นเซอร์วัดไม่ได้โดยตรง พอนำมารวมกับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ จะช่วยให้แพทย์เข้าใจสภาพผู้ป่วยได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น
|
ตามหลัก integrated digital health theory PROs ช่วยเติมเต็มข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์สวมใส่และระบบดิจิทัล โดยให้มุมมองของผู้ป่วยเองเกี่ยวกับอาการและผลกระทบของการรักษา ทำให้การวินิจฉัยและการปรับแผนการรักษามีความแม่นยำและเฉพาะบุคคลมากขึ้น (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
What is one major advantage of real-time digital sensing in cancer treatment?
|
3. Rapid detection of deterioration in patient condition |
|
การมี real-time digital sensing ช่วยให้แพทย์และทีมดูแลสามารถติดตามสัญญาณต่างๆของผู้ป่วยมะเร็งได้ตลอดเวลา ถ้าหากพบความผิดปกติเช่นภาวะแทรกซ้อนหรือการทรุดลง จะสามารถช่วยให้ป้องกันเหตุร้ายแรงและปรับการรักษาทันที
|
ตามหลัก continuous monitoring theory การเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ทำให้สามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงมได้ทันที ซึ่งส่งเสริม proactive care และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะวิกฤต (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
Which of the following is a key barrier to implementing digital sensing in routine oncology practice?
|
3. Limited digital literacy among patients and providers |
|
การนำเทคโนโลยี digital sensing มาใช้ใเจอปัญหาสำคัญคือผู้ป่วยและบุคลากรบางส่วนขาดความเข้าใจหรือทักษะในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งทำให้การใช้งานระบบใหม่ๆเป็นไปได้ช้าขึ้นและต้องมีการสอนเพิ่ม
|
ตามหลัก health technology adoption theory ความรู้และทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีมีผลโดยตรงต่อการยอมรับและการใช้เทคโนโลยีสุขภาพใหม่ หากผู้ใช้ไม่คุ้นเคยกับระบบการ เก็บและใช้ข้อมูลจะไม่มีประสิทธิภาพ (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
Which stakeholders are considered central to the adoption of digital cancer care platforms?
|
2. Patients and healthcare providers |
|
การนำแพลตฟอร์ม digital cancer care มาใช้ได้จริงต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้ใช้ข้อมูลและบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ประเมินและปรับการรักษาทั้งสองกลุ่มเป็นแกนหลักที่ขับเคลื่อนการยอมรับและการใช้งานระบบ
|
ตามหลัก healthcare ecosystem theory ผู้ป่วยและบุคลากรแพทย์เป็นผู้ใช้และผู้ตัดสินใจหลักในกระบวนการรักษาการมีส่วนร่วมของทั้งสองฝ่ายจึงเป็นตัวกำหนดความสำเร็จของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในระบบการดูแล (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
Digital sensing systems collect which combination of data types for cancer care optimization?
|
2. Sensor metrics and patient-reported outcomes |
|
ระบบ digital sensing จะรวบรวมทั้งข้อมูลเชิงปริมาณจากเซ็นเซอร์เช่นการเคลื่อนไหว และข้อมูลสภาพร่างกายรวมกับ PROs เพื่อให้ครอบคลุมสำหรับการปรับแผนการรักษา
|
ตามหลัก integrated health data theory การรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ตรวจวัดเข้ากับข้อมูลที่ผู้ป่วยรายงานเอง ทำให้แพทย์สามารถวิเคราะห์สุขภาพผู้ป่วยได้ทั้งมุมมองวัตถุวิสัยและอัตวิสัย จำช่วยเพิ่มความแม่นยำของการวินิจฉัยและปรับการรักษาได้ตรงจุด (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
How do digital sensors contribute to improving the quality of life in cancer patients?
|
3. By enabling symptom tracking and early intervention |
|
เซ็นเซอร์ดิจิทัลช่วยติดตามอาการของผู้ป่วยมะเร็งแบบต่อเนื่องทำให้แพทย์สามารถตรวจพบสัญญาณเตือนของภาวะแทรกซ้อนหรือการทรุดตัวได้เร็วขึ้น ซึ่งทำให้มีการดูแลรักษาได้ทันท่วงที ลดความรุนแรงของอาการ และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
|
ตามหลัก proactive care theory การเฝ้าตามอาการต่อเนื่องด้วยเซ็นเซอร์ดิจิทัลทำให้สามารถแทรกแซงได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของปัญหา ซึ่งจะช่วยลดภาระโรคและปรับการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยรายบุคคล (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
What does the article suggest about the future direction of digital sensing in cancer care?
|
3. It holds promise for widespread personalized care |
|
digital sensing มีศักยภาพสูงในการพัฒนาการดูแลผู้ป่วยมะเร็งไปสู่ระบบที่ปรับเฉพาะบุคคลและใช้ได้กว้างขึ้นทั้งในโรงพยาบาลและการดูแลที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้การรักษามีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
|
ตามหลัก personalized medicine theory เทคโนโลยี digital sensing จะรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์ AI และ PROs เพื่อวิเคราะห์และออกแบบการรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญของการแพทย์อนาคตที่เน้นความเฉพาะบุคคล (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
Based on the diagram, which of the following would most likely result in a false signal output in an electrochemical sensor for medical diagnostics?
|
1. Using a transducer made of non-conductive materials |
|
เพราะ transducer ต้องนำไฟฟ้าได้เพื่อส่งต่อสัญญาณจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นบน bioreceptor ไปยังอิเล็กโทรด ถ้าใช้วัสดุที่ไม่นำไฟฟ้าอิเล็กตรอนจะไม่สามารถเคลื่อนที่ จำทำให้สัญญาณที่อ่านได้ผิดพลาดหรือไม่มีสัญญาณเลย
|
ตาม electron transfer theory การส่งอิเล็กตรอนต้องอาศัยตัวกลาง ถ้าไม่มีการนำไฟฟ้าสัญญาณจะไม่ถูกสร้าง (อ้างอิง Jalalvand & Karami, 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
Based on the image, which of the following scenarios best demonstrates the advantage of using emerging digital platforms in cancer diagnostics?
|
3. A portable chip-based sensor detects protein biomarkers from a blood sample within minutes |
|
เพราะอุปกรณ์รุ่นใหม่ทำงานได้เร็วแค่ใช้เลือดนิดเดียวก็ตรวจหามะเร็งได้ภายในไม่กี่นาทีไม่ต้องรอนานหรือทำขั้นตอนซับซ้อนเหมือนวิธีเก่าๆ
|
ตามหลัก point-of-care diagnostics การตรวจที่ทำได้เร็วและใกล้ตัวผู้ป่วยจะช่วยให้แพทย์รู้ผลเร็วขึ้นซึ่งทำให้สามารถตัดสินใจรักษาได้ไวและแม่นยำกว่าวิธีที่ต้องรอผลจากห้องแล็บนานๆ (อ้างอิง Yucel et al., 2024)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|