ตรวจข้อสอบ > ณิชารีย์ ศรีสวัสดิ์ > การแข่งขันและทดสอบความถนัดทางการแพทย์ | ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 84 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


ข้อใดต่อไปนี้อธิบายแนวคิด การรับรู้จังหวะ (Beat Perception) ได้ดีที่สุดเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสามารถในการได้ยินของทารกแรกเกิด

การแยกจังหวะที่สม่ำเสมอจากลำดับเสียง

เพราะ การรับรู้จังหวะคือการตรวจจับรูปแบบจังหวะหรือลำดับของเสียงที่มีลักษณะเป็นช่วงเวลา ถือเป็นพื้นฐานแรกของการได้ยิน

จากงานวิจัยของ Winkler et al.(2009) Newborn infants detect the beat in music ได้ศึกษาทารกอายุ2-3วัน โดยใช้เทคนิค Event-Related Potentials (ERP) วะดการตอบสนองสมองต่อรูปแบบเสียงที่มีการจัดจังหวะสม่ำเสมอ พบว่าทารกสามารถตรวจจับการละเมิดจังหวะในชุดเสียงได้ แสดงว่ามี innate capacity for beat detection หรือ การรับรู้ของจังหวะที่สม่ำเสมอ ตั้งแต่แรกเกิด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


จากการวิจัย ทารกแรกเกิดใช้วิธีทดลองตามข้อใดในการแยกแยะการรับรู้จังหวะจากการเรียนรู้ทางสถิติในทารกแรกเกิด

การติดตามการทำงานของสมองโดยใช้ EEG ในระหว่างการกระตุ้นการได้ยิน

เพราะ EEG เป็นวิธีที่ใช้ตรวจจับคลื่นไฟฟ้าสมองเพื่อวัดการตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางเสียงแบบreal-time เป็นการดูการตอบสนองของสมองโดยตรงเพราะทารกแรกเกิดไม่สามารถแสดงพฤติกรรมที่ซับซ้อนหรือรายงานตัวด้วยตนเองได้ และ Electroencephalography (EEG) ยังถูกใช้เป็นสัญญาณในการวิเคราะห์ Event-Related Potentials (ERP) หรือ การเปลี่ยนจังหวะที่ผิดพลาด

จากงานวิจัยของ Teinonen et al. (2009) Statistical language learning in neonates revealed by event-related brain potentials ซึ่งศึกษาการเรียนรู้สถิติในทารกแรกเกิด โดยเปิดชุดเสียงสั้นๆ ที่มีความถี่การเกิดร่วมกัน (statistical regularity) โดยใช้ EEG ตรวจพบการตอบสนองของสมองต่อรูปแบบเสียงที่คาดหมายหรือผิดคาด แสดงให้เห็นว่าทารกเรียนรู็ความสัมพันธ์เชิงสถิติของเสียงได้ตั้งแต่แรกเกิด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


การตอบสนองที่ไม่ตรงกัน (MMR) ในการศึกษา EEG บ่งชี้อะไรเกี่ยวกับการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด

ความไวต่อการละเมิดความสม่ำเสมอในลำดับเสียง

เพราะสมองของมนุษย์โดยเฉพาะทารกแรกเกิดจะสร้างแบบจำลองหรือการคาดหมาย (predictive model) ของเสียงตามความสม่ำเสมอ (regularity) ที่ได้ยิน หากมีการละเมิดรูปแบบนี้ เช่นมีเสียงที่แตกต่างโผล่มา ก็จะเกิด MMR ขึ้น ซึ่งบ่งชี้ได้ว่า สมองสามารถตรวจจับการละเมิดความสม่ำเสมอในลำดับเสียงได้โดยอัตโนมัติ

จากงานวิจัยของ Winkler et al. (2009) Newborn infants detect the beat in music เมื่อลองใช้เสียงที่มีจังหวะสม่ำเสมอแล้วสอดแทรกเสียงที่ผิดจังหวะ จะพบ MMR ที่ชัดเจน เมื่อทารกได้ยินจังหวะที่ผิดpatternไปจากเดิม แสดงว่าทารกแรกเกิดสามารถตรวจจับการละเมิดจังหวะได้โดยอัตโนมัติ แม้จะยังไม่ตอบสนองทางพฤติกรรม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


คำว่า "การเรียนรู้ทางสถิติ (Statistical Learning)" หมายถึงอะไรในบริบทของการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิด?

การแยกความสม่ำเสมอออกจากลำดับของเสียงโดยไม่มีการตอบรับที่ชัดเจน

เพราะการเรียนรู้ทางสถิติหมายถึงความสามารถโดยธรรมชาติของสมองในการตรวจจับรูปแบบความถี่หรือความสม่ำเสมอจากสิ่งกระตุ้นที่เกิดซ้ำในสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเรียนรู้ทางสถิติไม่ได้เป็นการคาดการณ์โดยตรงแต่เป็นการเรียนรู้และจับรูปแบบหรือความถี่ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ

จากงานวิจัยของ Saffran et al. (1996) Statistical learning by 8 months old infants แสดงให้เห็นว่าทารกอายุ8เดือน สามารถเรียนรู้ความสัมพันธ์ทางสถิติในสายเสียง (Speech stream)ได้ โดยแยกคำ ออกจากการไหลต่อเนื่องของพยางค์จากการได้ยินบ่อยๆ โดยให้ฟังสายเสียงที่สร้างจากพยางค์4คำสมมติ เช่น bidaku, padoti, golabu, tibudo ทดสอบโดยเปิดคำ และ non-word ซึ่งทารกจะมองไปที่ลำโพงนานกว่าเมื่อได้ยิน non-word ที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบสถิติที่ได้ยินมาก่อน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


สภาวะใดในการศึกษา EEG ไม่ได้ส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างการตอบสนองแบบจังหวะและการตอบสนองที่ผิดปกติในทารกแรกเกิด

สภาพความเงียบ

การศึกษา EEG จำเป็นต้องมีสิ่งกระตุ้นเสียงที่มีจังหวะหรือรูปแบบสม่ำเสมอ ซึ่งเมื่อไม่มีเสียง(ความเงียบ) ก็ไม่มีสิ่งที่กระตุ้นการได้ยิน สมองก็จะไม่มีโอกาสสร้างแบบจำลองจังหวะให้เกิดขึ้น

ถ้าไม่มีเสียง หรืออยู่ในสภาวะเงียบ ก็จะไม่เกิดการสร้างจังหวะในสมอง ซึ่งจะไม่เกิดความแตกต่างในการตอบสนองนั่นเอง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


กลไกทางประสาทใดที่คิดว่ารองรับการเคลื่อนไหวให้ตรงกันกับจังหวะ

การเปิดใช้งานกระจกเซลล์ประสาท

การเปิดใช้งานกระจกเซลล์ประสาท หรือ Mirror neurons คือเซลล์ประสาทที่ถูกค้นพบครั้งแรกในสมองลิง บริเวณ premotor cortex และ parietal lobe โดยจะถูกกระตุ้นเมื่อ สัตว์หรือมนุษย์ทำการเคลื่อนไหว หรือ เมื่อสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของผู้อื่น

จากงานวิจัยของ Molnar-Szakacs & Overy (2006) Music and mirror neurons: from motion to 'e'motion ได้ศึกษาว่า Mirror neurons ทำงานเมื่อ เราทำการเคลื่อนไหวเอง หรือเมื่อเราดูผู้อื่นทำการเคลื่อนไหว ในบริบทของดนตรี สมองผู้ฟังจะจำลองการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับการได้ยินเช่น จังหวะ หรือเมโลดี้ การเปิดใช้งานนี้ทำให้เกิดทั้งการเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับจังหวะและการตอบสนองทางอารมณ์ ซึ่งการตอบสนองต่อดนตรีไม่ได้เป็นแค่การฟังแบบpassively แจ่เกี่ยวข้องกับการจำลองการเคลื่อนไหวในสมองซึ่งสร้างประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ดนตรีจึงสามารถกระตุ้นทั้งการเคลื่อนไหวและอารมณ์ผ่านกลไกเดียวกัน คือ Mirror neurons

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


การรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิดสัมพันธ์กับความสามารถทางดนตรีในภายหลังอย่างไร

เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการประสานงานจังหวะและเวลา

การรับรู้จังหวะเป็นการสร้าง internal model ของเวลาในสมอง ซึ่งช่วยคาดเดาการเกิดของเสียงถัดไป และเป็นพื้นฐานของtiming และ sensorimotor synchronization ซึ่งการประสานงานจังหวะและเวลา จำเป็นต้องอาศัยการรับรู้จังหวะเป็นพื้นฐาน

จากงานวิจัย Iveson, J.M.(2010) Developing language in a developing body: The relationship between motor development and language development ซึ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการพัฒนาการเคลื่อนไหวของเด็กทารกกับการพัฒนาทักษะภาษาและทักษะดนตรี ว่าการควบคุมการเคลื่อนไหวและการรับรู้จังหวะในระยะเริ่มแรกส่งผลต่อพัฒนาการเหล่านี้อย่างไร ได้ข้อสรุปว่า การพัฒนาการเคลื่อนไหวที่ดีและการรับรู้จังหวะเป็นรากฐานสำคัญของทักษะภาษาและดนตรี

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ภาวะที่ไม่ต่อเนื่องในการศึกษาทางการได้ยินมักเกี่ยวข้องกับอะไร?

ช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียง

ในการศึกษาการได้ยิน โดยเฉพาะงานที่ศึกษา การรับรู้จังหวะ และการคาดการณ์เสียง นักวิจัยมักจะเปรียบเทียบระหว่าง ภาวะต่อเนื่องหรือสม่ำเสมอ ซึ่งหากมีช่วงเวลาระหว่างเสียงคงที่สมองจะสามารถสร้างจังหวะหรือแบบแผนเวลาได้ และภาวะไม่ต่อเนื่อง เมื่อช่วงเวลาระหว่างเสียงไม่สม่ำเสมอหรือเป็นแบบสุ่ม จะทำให้ยากต่อการสร้างจังหวะในสมอง

จากงานวิจัย Winkler et al. (2009) Newborn infants detect the beat in music ศึกษาได้ว่าในภาวะที่ไม่ต่อเนื่อง ช่วงเวลาระหว่างเสียงจะถูกสุ่ม ทำให้สมองไม่สามารถคาดเดาการเกิดของเสียงถัดไปได้ จะไม่มีการเกิด mismatch negativity (MMN) ที่สะท้อนการตรวจจับการละเมิดจังหวะ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


จุดประสงค์หลักของการใช้ EEG ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิดคืออะไร

บันทึกการตอบสนองของสมองต่อเสียง

EEG เป็นเทคนิคการวัดกิจกรรมทางไฟฟ้าของสมองผ่านขั้วไฟฟ้าที่ติดบนหนังศีรษะ ซึ่งใช้ในการศึกษาว่า สมองจะตอบสนองต่อสิ่งที่กระตุ้นต่างๆ เช่น เสียง แสง อย่างไร โดยไม่ต้องอาศัยการตอบสนองเชิงพฤติกรรม

ในวัยของทารกแรกเกิดซึ่งยังไม่สามารถสื่อสารหรือตอบสนองทางพฤติกรรมได้ นักวิจัยจึงต้องใช้ EEG เพื่อตรวจจับการประมวลผลของประสาทโดยตรง เพื่อบันทึกการตอบสนองต่อเสียง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


คุณลักษณะการได้ยินใดที่ไม่ได้รับการศึกษาโดยตรงในการวิจัยการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด

ความเข้าใจภาษา

การเข้าใจภาษาหมายถึงการเข้าใจ ความหมายของคำ ประโยคหรือเรื่องราว ซึ่งเป็นกระบวนการประมวลผลระดับสูง โดยวัยทารกแรกเกิดจะยังไม่มีความเข้าใจของภาษา เพราะไม่มีประสบการณ์มากพอ

จากงานวิจัยของ Kuhl (2004) Early language acquisition: Cracking the speech code ซึ่งศึกษาการได้ยินของทารกพบว่า ทารกมีความไวต่อเสียงพูด เช่น การแยก phonemes แต่ยังไม่เข้าใจความหมายของภาษา

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


คำใดที่ใช้อธิบายลักษณะที่ปรากฏของความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ซึ่งใช้ในการตลาดการบำบัดด้วยเซลล์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์

คลีนิกบางแห่งยังคงใช้ ภาษาและสัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ภาพจากกล้องจุลทรรศน์ ห้องแล็บ เสื้อกาวน์ แพทย์พูดคุยวิชาการ เพื่อสร้างภาพความ"วิทยาศาสตร์" ให้แก่ผู้บริโภค การทำเช่นนี้จะทำให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจ เห็นว่าน่าเชื่อถือ แม้ยังไม่มีหลักฐานการทำงานจริง เรียกว่า การใช้สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์

จากงานวิจัยของ Caulfield et al.(2016) Confronting stem cell hype ศึกษาการตลาดของคลีนิก stem cell พบว่า การใช้สัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์เป็นกลยุทธ์หลักเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ซึ่งผู้บริโภคมักถูกโน้มน้าวแม้ไม่มีการรับรองจากหน่วยงามกำกับดูแล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


จากบทความ ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่กลไกการรายงานที่ได้รับการยอมรับสำหรับผลข้างเคียงจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีน

หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค

การบำบัดด้วยเซลล์พืชและยีน เป็นการรักษาทางการแพทย์ขั้นสูง การเฝ้าระวังความปลอดภัยถือว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงรุนแรง โดยอยู่ในความดูแลของหน่วยงานที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด ยกเว้นหน่วยงามคุ้มครองผู้บริโภค

หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคเน้นคุ้มครองผู้บริโภคในภาพรวมเช่น การโฆษณาหลอกลวง การขายสินค้าไม่เป็นธรรม ซึ่งไม่ได้เป็นกลไกทางการแพทย์และไม่ได้รับการยอมรับในฐานะ pharmacovigilance system

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


การพิจารณาด้านจริยธรรมประการใดที่ถูกท้าทายโดยการตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

กระบวนการแจ้งความยินยอม

การให้ความยินยอมโดยรู้ข้อมูลครบถ้วนเป็นหลักการจริยธรรมที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งในเวชปฏิบัติละงานวิจัยทางการแพทย์ โดยผู้ป่วยต้องได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และปราศจากการชักจูงที่ทำให้เข้าใจผิด

ในการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์มักใช้ข้อความโฆษณาที่ เน้นประโยชน์เกินจริง ลดทอนหรือละเว้นความเสี่ยง หรือใช้สัญลักษณ์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจผิดได้ จึงถือเป็นการท้าทายกระบวนการแจ้งความยินยอม เพราะทำให้ผู้ป่วยเข้าใจผิดเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความเสี่ยง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


คุณลักษณะหลักใดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ตามมาตรฐานกฎระเบียบ

การอนุญาตก่อนการตลาดโดยหน่วยงานกำกับดูแล

เพราะผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์นั้นจะไม่ได้รับการอนุญาติก่อนการตลาดโดยหน่วยงานที่กำกับดูแล

ผลิตภัณฑ์ CGT หรือการบำบัดด้วยเซลลืและยีน จัดเป็นATMPs ซึ่งต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว จะต้อง ผ่านการศึกษาทางคลีนิกหลายระยะ,แสดงข้อมูลความปลอดภัย,และได้รับการอนุญาตก่อนการวางตลาดจากหน่วยงานที่กำกับดูแล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


ข้อใดต่อไปนี้เป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ซึ่งเน้นไว้ในบทความ

ศักยภาพของความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง

เพราะ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ คือการบำบัดด้วยเซลล์หรือยีนที่ยังไม่มีการศึกษาทางคลีนิคมากพอ และไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่กำกับดูแล

ความเสี่ยงของCGTที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์นั้นอาจก่อให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันร้ายแรง,การติดเชื้อ,การเกิดเนื้องอกของมะเร็ง หรือความเสียหายของอวัยวะถาวร อาจถึงขั้นเสียชีวิต

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ตามที่กล่าวไว้ในบทความ

การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ

เพราะCGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์จะไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ

ลักษณะทั่วไปของCGTที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ ขาดการทดสอบทางคลีนิกอย่างเป็นระบบ, ไม่ได้รับอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล มักอ้างว่ามีจำหน่ายแล้ว โดยไม่ชี้แจ้งสถานะทางกฎหมายที่แท้จริง อ้างอิง : Master et al. Science Translational Medicine, 2021

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


หน่วยงานกำกับดูแล เช่น FDA และ EMA จะรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ CGT ได้อย่างไร

โดยต้องมีการทดลองทางคลินิกก่อนการตลาดอย่างเข้มงวด

การรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ CGT จะมีความเข้มงวดมากกว่ายาทั่วไป เพราะเกี่ยวข้องกับการแก้ไขพันธุกรรมหรือการนำเซลล์กลับเข้าสู่ร่างกาย โดยต้องมีการทดลองทางคลีนิกก่อนการตลาดอย่างเข้มงวด

การจะรับรองความปลอดภัยและประสิทธิภาพของCGTได้นั้น ต้องผ่านการประเมินก่อนคลีนิก,การทดลองทางคลีนิกแบบเป็นขั้นตอน,การตรวจสอบคุณภาพการผลิต,การติดตามผลระยะยาว,การตรวจสอบจากหน่วยงานที่กำกับดูแล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


เป้าหมายหลักของ ISCT ในด้านการบำบัดด้วยเซลล์และยีนตามที่กล่าวไว้ในบทความคืออะไร

เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์และต่อต้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์

ISCT (International Society for Cell & Gene Therapy) เป็นองค์กรระดับนานาชาติที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยและการใช้เซลล์และยีนบำบัดอย่างมีคุณภาพ โดยเน้นความสำคัยของหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล

เป้าหมายหลักของ ISCT เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพิสูจน์ ด้วยข้อมูลวิจัยที่ชัดเจน, ต่อต้านการใช้และการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์, ส่งเสริมให้เกิดมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์แบะจริยธรรมในวงการ อ้างอิง ISCT Positions Statements and Guidelines on Unproven Cellular Therapies.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


อะไรคือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์?

ความเสี่ยงต่อผลกระทบร้ายแรง

เพราะผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ จะยังไม่มีการทดลองและศึกษาทางคลีนิกมากพอ และไม่ได้ถูกรองรับจากหน่วยงานที่กำกับดูแล

การไม่ได้รับการทดลองและศึกษาทางคลีนิก หรือผ่านกระบวนการทดสอบจากหน่วยงานที่กำกับดูแล จะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของผู้ใช้ได้ นั่นอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อร่างกาย เช่น การเกิดเนื้องอกร้าย, การเสียหายของอวัยวะ,ผลข้างเคียงรุนแรง ไปจนถึงการเสียชีวิต

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


ISCT มีบทบาทอย่างไรในบริบทของการบำบัดเซลล์และยีน

ต่อต้านการค้าขายก่อนกำหนดของการรักษาที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

เพราะ ISCT เป็นสมาคมวิชาชีพนานาชาติ ที่เน้นการสนับสนุนการพัฒนาและการนำการบำบัดของเซลล์และยีนมาใช้ในคลีนิกอย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม

ISCTมีหน้าที่ ออกแถลงการณ์และแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้ผู้ป่วยและบุคลากรเข้าใจถึงอันตรายของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ,วิจารณ์การตลาดตรงสู่ผู้บริโภคที่อ้างเกินจริง,เน้นการคุ้มครองผู้ป่วยจากการหลอกลวงหรือความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น อ้างอิง ISCT. (2021). ISCT position statement: Unproven cell-based therapies.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 113 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา