ตรวจข้อสอบ > ภัคฐรินทร์ ไพศาลธนภัทร์ > การแข่งขันและทดสอบความถนัดทางการแพทย์ | ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 54 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


ข้อใดต่อไปนี้อธิบายแนวคิด การรับรู้จังหวะ (Beat Perception) ได้ดีที่สุดเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสามารถในการได้ยินของทารกแรกเกิด

การแยกจังหวะที่สม่ำเสมอจากลำดับเสียง

Beat Percepton คือความสามารถในการรับรู้และติดตามจังหวะดนตรี ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานในการประมวลผลเสียงและดนตรี เด็กทารกสามารถรับรู้จังหวะพื้นฐานจากเสียงที่ได้ยินตั้งแต่แรกเกิด โดยเฉพาะจังหวะที่เป็นลำดับเนียง อย่างสม่ำเสนิ

Beat Percepton คือความสามารถในการรับรู้และติดตามจังหวะดนตรี ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานในการประมวลผลเสียงและดนตรี

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


จากการวิจัย ทารกแรกเกิดใช้วิธีทดลองตามข้อใดในการแยกแยะการรับรู้จังหวะจากการเรียนรู้ทางสถิติในทารกแรกเกิด

การติดตามการทำงานของสมองโดยใช้ EEG ในระหว่างการกระตุ้นการได้ยิน

เทคนิการติดตามการทำงานของสมองโดยEEG เมาะสมสำหรับทารกแรกเกิดที่ยัไงม่สามารถสื่อสารหรือแสดงพฤติกรรมซับซ้อนได้ EEGสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมองเพื่อตรวจสอบว่าทารกสามารถแยกแยะจังหวะหรือเรียนรู้ทางสถิติได้ตั้งแต่แรกเกิดหรือไม่

EEG(Electroencephalography) เป็นเทคนิคที่นักวิจัยใช้เพื่อตรวจสอบการทำงานของสมองของทารกโดยไม่ต้องพึ่งพาการตอบสนอทางพฤติกรรมโดยตรง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


การตอบสนองที่ไม่ตรงกัน (MMR) ในการศึกษา EEG บ่งชี้อะไรเกี่ยวกับการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด

ความไวต่อการละเมิดความสม่ำเสมอในลำดับเสียง

เนื่องจากMMR เแสดงให้เห็นว่าทารกสามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในเสียงได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาทักษะการฟัง ภาษา และดนตรีในอนาคต หากทารกได้รับฟังเสียงที่มี จังหวะหรือโครงสร้างที่สม่ำเสมอ แล้วมีเสียงแตกต่งปรากฎขึ้น สมองของทารกจะตอบสนอด้วยคลื่นMMR

Mismatch Response(MMR)เป็นปรากฎการณ์ที่สามารถตรวจจับได้จากEEG ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทารกสามารถรับรู้ความแตกต่างของเสียงเมื่อมีการละเมินรูปแบบที่คุ้ยเคย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


คำว่า "การเรียนรู้ทางสถิติ (Statistical Learning)" หมายถึงอะไรในบริบทของการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิด?

เรียนรู้ที่จะทำนายเหตุการณ์ในอนาคตโดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติ

การเรียนรู้ที่จะทำนายเหตุการณ์ในอนาคตโดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติ หรือ Staistical Learning เป็นแนวคิดสำคัญในกระบวนการเรียนรู้ของทารก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประมวลผลทางการได้ยินและภาษา

ทฤษฎี “การเรียนรู้ทางสถิติ” (Statistical Learning Theory) Statistical Learning เป็นกระบวนการที่มนุษย์ โดยเฉพาะทารก สามารถตรวจจับ รูปแบบ ความถี่ และความสัมพันธ์ ในข้อมูลที่ได้รับ เช่น เสียงพูด ดนตรี หรือสิ่งเร้าทางประสาทสัมผัส ทฤษฎีนี้ได้รับการศึกษากันอย่างแพร่หลายในด้าน ภาษาศาสตร์ จิตวิทยาการเรียนรู้ และประสาทวิทยา

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


สภาวะใดในการศึกษา EEG ไม่ได้ส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างการตอบสนองแบบจังหวะและการตอบสนองที่ผิดปกติในทารกแรกเกิด

สภาพไพเราะ (Melodic condition)

เพราะทารกอาจให้ความสนใจโทนเสียงที่ไพเราะโดยรวมมากกว่าการแยกแยะจังหวะที่เปลี่ยนแปลง และความสามารถในการรับรู้ความแตกต่างของจังหวะและความสามารถในการรับรู้ทำนองอาจพัฒนาแยกจากกัน

ทฤษฎี MMR (Mismathc Response) และการรับรู้จังหวะ เป็นสัญญาณของสมองที่แสดงให้เห็นว่าทรารกสามารถแยกแยะความแตกต่างของเสียงจังหวะ ทฤษฎี Beat Perception การรับรู้จังหวะเชื่อมโยงกับโครงสร้างทางจังหวะ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


กลไกทางประสาทใดที่คิดว่ารองรับการเคลื่อนไหวให้ตรงกันกับจังหวะ

การเปิดใช้งานกระจกเซลล์ประสาท

เนื่องจากกระจกเซลล์ประสาท (Mirror Neurons)มีบทบาทสำคัญในการซิงโครไนซ์การเคลื่อนไหวให้ตรงกับจังหวะดนตรี

ทฤษฎ๊เกี่ยวกับกระจกเซลล์ประสาท (Mirror Neuron Theory) เป็นเซลล์ประสาทชนิดพิเศษที่ทำงานทั้งเมื่อเราทำการเคลื่อนไหว และเมื่อเราสังเหตุผู้อื่นทำการเคลื่นอนไหวแบบเดียว ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงต่อมาเป็นในมนุษย์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


การรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิดสัมพันธ์กับความสามารถทางดนตรีในภายหลังอย่างไร

เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการประสานงานจังหวะและเวลา

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ภาวะที่ไม่ต่อเนื่องในการศึกษาทางการได้ยินมักเกี่ยวข้องกับอะไร?

ช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


จุดประสงค์หลักของการใช้ EEG ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิดคืออะไร

บันทึกการตอบสนองของสมองต่อเสียง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


คุณลักษณะการได้ยินใดที่ไม่ได้รับการศึกษาโดยตรงในการวิจัยการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด

ความเข้าใจภาษา

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


คำใดที่ใช้อธิบายลักษณะที่ปรากฏของความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ซึ่งใช้ในการตลาดการบำบัดด้วยเซลล์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

ฉันทามติทางวิทยาศาสตร์

ฉันทามติทางวิทยาศาสตร์เป็นคำใช้เรียกกลยุทธิ์ที่ทำให้แนวความคิด และขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เหตุนี้ นักการตลาดบางแห่งอาจใช้ข้อมูลวิทยาศาตร์ที่บิดเบือนหรือยังไม่มีการพิสูจน์ทางคลินิค เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้า ทั้งที่ในความเป็นจริงการบำบัดอาจไม่มีประสิทธิภาพหรือหลักฐานทางการแพทย์สนับสนุน

ฉันทามติทางวิทยาศาสตร์ คือการตัดสิน ตำแหน่ง และความคิดเห็นโดยทั่วไปของ นักวิทยาศาสตร์ ส่วนใหญ่ หรือ ส่วนใหญ่พิเศษ ใน สาขาการศึกษาเฉพาะ ในเวลาใดเวลาหนึ่ง ทำให้แนวคิดหรือผลิตภัณฑ์ดูเหมือนมีพื้นฐานทางวิทยาศาตร์ ซึ่งจริงแล้ว ขาดหลักฐานวิทยาศาสตร์น่าเชื่อถือ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


จากบทความ ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่กลไกการรายงานที่ได้รับการยอมรับสำหรับผลข้างเคียงจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีน

ClinicalTrials.gov

ClinicalTrials.Gov ไม่ใช่กลไกหลักที่ใช้สำหรับรายงานผลข้างเคียงของการบำบัดด้วยเซลล์และยีน แต่เป็นเพียงฐานข้อมูลสำหรับติดตามการวิจัยคลินิก

ClinicalTrial.Gov เป็นฐานข้อมูลสาธารณะที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองทางคลินิคที่กำลังดำเนินการหรือเสร็จสิ้นแล้ว แต่ไม่ได้เป็นกลไกการรรายงานผลข้างเคียงหรืออาการที่ไม่พึงประสงค์ของยาและการรักษา ระบบนี้เน้นการลงทะเบียนและติดตามสถานะของการศึกษาทางคลินิกมากว่าการตรวจสอบความปลดภัยของยาและการบำบัด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


การพิจารณาด้านจริยธรรมประการใดที่ถูกท้าทายโดยการตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

การจัดสรรทรัพยากรด้านการรักษาพยาบาล

เพราะ หัวข้อการจัดสรรทรัพยากรด้านการรักษาพยาบาลเป็นหนึ่งในข้อคำนึงด้านจริยธรรมที่สำคัญเกี่ยวกับการตลาดโยตรงของการบำยัด้วยเซลล์และยีนส์ที่ยัไงไม่ได้รับการพิสูจน์

กระบวนการจัดสรรทรัพยากรด้านการรักษา มีองค์ประกอบเช่นการเบี่ยงเบนทรัพยากร ได้แก่ทรัพยากรทางการแพทย์ รวมถึง งบประมาณ งานวิจัย อาจถูกนำไปใช้ดับการบำบัดที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ แทนที่จะนำแนวทางการักษาที่มีประสิทธิภาพและผ่านการพิสูจน์แล้ว

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


คุณลักษณะหลักใดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ตามมาตรฐานกฎระเบียบ

การอนุญาตก่อนการตลาดโดยหน่วยงานกำกับดูแล

กาาอนุญาติก่อนการตลาดมีความสำคัญ เพราะ ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ได้รับรองจะต้องผ่านการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1-3 เพื่อพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ต้องมีการควบคุมคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน GMP โดยมีหน่วยงานกำกับดูแลอาจกำหนดให้มีการติดตามผลของผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัด

CGT เป็นผลิตภัณฑ์การบำบัดที่เกี่ยวข้องกับการใช้เซลล์หรือยีนในการรักษาโรค ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ได้รับการพิสูจน์และผ่านมาตรฐานกฎระเบียบ จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนการตลาดจากหน่วยงานกำกับดูลแ เช่น FDA(อเมริกา), EMA(สหภาพยุโรป), TGA(ออสเตรเลีย)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


ข้อใดต่อไปนี้เป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ซึ่งเน้นไว้ในบทความ

ประสิทธิภาพการรักษาสูง

การกล่าวอ้างว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์มีประสิทธิาพสูงเป็นสิ่งที่ไม่มีหลักฐานรองรับ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ CGT ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลต่างหากที่สามารถยืนยันได้ว่ามีประสิทธิภาพสูง

ผลิตภัณฑ์ CGTต้องได้รับรองพิสูจน์มาตรฐานสนับสนุนความปลอดภัยและประสิทธิภาพ โดยความเสี่ยงที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์ที่ได้ม่ได้รับการพิสูจน์ได้แก่ ขาดการรับรองจากภาครัฐ การตรวจสอบมาตรฐานไม่เพียงพอ ศักยภาพของความเสี่่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง ต้อนทุนลดลองเมื่อเทียบกับการรักษาแบบเต็มรูปแบบแต่ไม่มีหลักฐานว่ามีผลลัพธ์ที่ดี

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ตามที่กล่าวไว้ในบทความ

การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ

การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญไม่ใช่ลักษณะผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่รับการพิสูจน์ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วจะต้องได้รับการแนุมติจากหน่วยงานอย่าง FDA, EMA

ผลิตภัณฑ์ CGTที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ มีลักษณะคือ เหตุผลทางวิทยาศาตร์ไม่ชัดเจน ไม่มีหลักฐานวิทยาศาตร์เป็นที่ยอมรับ ขาดข้อมมูลในการศึกษาในสัตว์ หรือหลักฐาน ไม่มีการรีวิวจากผู้ใช้จริง หรือข้อมูลทางคลินิคว่าน่าเชื่อถือ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


หน่วยงานกำกับดูแลเช่น FDA และ EMA จะรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ CGT ได้อย่างไร

โดยต้องมีการทดลองทางคลินิกก่อนการตลาดอย่างเข้มงวด

หน่วยงานกำกัดบดูแลอย่าง FDA และ EMA จะรับรองความปลอภัยของ CGT ผ่านการทดลองทางคลินิกที่เข้มงวดก่อนการวางตลาด เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสำหรับผู้ป่วย

FDAและ EMAเป็นหน่วยงานกำกับดูแลมีมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ Cell and Gene Therapy(CGT) 1.การทดลองทางคลินิกที่เข้มงวด 2.การตรวจสอบข้อมูลก่อนอนุมัติ 3.การติดตามหลักอนุมัติ ติดตามผลข้างเคียงและประสิทธิภาพในระยะยาว

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


เป้าหมายหลักของ ISCT ในด้านการบำบัดด้วยเซลล์และยีนตามที่กล่าวไว้ในบทความคืออะไร

เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์และต่อต้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์

ISCT มุ่งเน้นสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์และต่อต้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ เพื่อปกป้องผู้ป่วยจากความเสี่ยงของการบำบัดที่ไม่มีมาตรฐาน

ISCTเป็นองค์กรระดับนานาชาติ เน้นการรักษาาที่ปลอดภัยและมีหลักฐานเชิงวิทยาศาสตร์ ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ความรวดเร็ว

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


อะไรคือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์?

ความเสี่ยงต่อผลกระทบร้ายแรง

การใช้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รัการพิสูจน์อาจเกิดผลข้างเคียงอาการเช่น การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ การเจริญเติโตของเซล์ที่ควบคุมไม่ได้เช่นมะเร็ง

ผลิตภัณฑ์ CGT(Cell and Gene Therapy) ที่ไม่ผ่านการะบวนการทดลองทางคลินิก ไม่มีหลักฐานด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพเพราะอาจมีการปนเปื้อนหรือไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลต่อสุขภาพของผู้ป่วย ทำให้เสียโอกาสการักษาที่มีประสิทธิภาพที่แท้จริง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


ISCT มีบทบาทอย่างไรในบริบทของการบำบัดเซลล์และยีน

ต่อต้านการค้าขายก่อนกำหนดของการรักษาที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

ISCT มีบทบาทในการต่อต้านการค้าขายก่อนกำหนดของการรักษาที่ไม่ได้รับการพิสูจน์และสนับสนุนให้ผลิตภัณฑ์ CGT ผ่านการะบวนการทดลองทางคลินิกที่เข้มงวดเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย

ISCT เป็นองค์กรนานาชาติที่มุ่งเน้นการพัฒนาและกำกับดูแล Cell and Gene Therapy(CGT) อย่างมีมาตรฐานทางวิทยาศาตร์ โดยมีบทบาทคือ 1.ต่อต้านการรักษาที่ไม่ไดรับการพิสูจน์ 2. การสนับสนุนการวิจัยที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ 3. ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 77.8 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา