1 |
ข้อใดต่อไปนี้อธิบายแนวคิด การรับรู้จังหวะ (Beat Perception) ได้ดีที่สุดเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสามารถในการได้ยินของทารกแรกเกิด
|
การแยกจังหวะที่สม่ำเสมอจากลำดับเสียง |
|
เนื่องจากทารกสามารถตอบสนองต่อเสียงที่มีจังหวะได้ในระดับหนึ่ง
|
งานวิจัยของ Trainor ในปี 2008 กล่าวไว้ว่าทารกสามารถเเยกเเยะจังหวะได้ โดยเป็นรากฐานในการพัฒนาโสตประสาท
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
จากการวิจัย ทารกแรกเกิดใช้วิธีทดลองตามข้อใดในการแยกแยะการรับรู้จังหวะจากการเรียนรู้ทางสถิติในทารกแรกเกิด
|
การติดตามการทำงานของสมองโดยใช้ EEG ในระหว่างการกระตุ้นการได้ยิน |
|
เนื่องจากเป็นวิธีการในการตรวจสอบโดยการบันทึกสัญญาณสมอง เพราะทารกไม่สามารถตอบโต้กับผู้ตรวจได้
|
เสียงหรือจังหวะมีการกระตุ้นสมองเพื่อทำความเข้าใจถึงการทำงานของระบบประสาทในการรับรู้เสียง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
การตอบสนองที่ไม่ตรงกัน (MMR) ในการศึกษา EEG บ่งชี้อะไรเกี่ยวกับการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด
|
ความไวต่อการละเมิดความสม่ำเสมอในลำดับเสียง |
|
ทารกเเต่ละคนมีความสามารถในการตอบสนองต่อเสียงที่ไม่เท่ากัน
|
ทารกมีความสามารถในการรับรู้การเปลี่ยนแปลงในเสียงและสามารถใช้การเรียนรู้ทางสถิติในการประมวลผลการได้ยิน ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพัฒนาการรับรู้เสียงในอนาคต
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
คำว่า "การเรียนรู้ทางสถิติ (Statistical Learning)" หมายถึงอะไรในบริบทของการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิด?
|
เรียนรู้ที่จะทำนายเหตุการณ์ในอนาคตโดยอาศัยการวิเคราะห์ทางสถิติ |
|
เนื่องจากทารกจะตรวจจับสัญญาณซ้ำๆ เเละสามารถเข้าใจกับเสียง/สัญญาณเหล่านั้นเพื่อคาดเดาเหตุการณ์ได้
|
ทารกจะใช้ข้อมูลที่มีลักษณะซ้ำ ๆ หรือการกระตุ้นที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสภาพแวดล้อม เพื่อ เรียนรู้ และ คาดเดา สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการที่ได้ยินเสียงหรือจังหวะนั้น ๆ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
สภาวะใดในการศึกษา EEG ไม่ได้ส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างการตอบสนองแบบจังหวะและการตอบสนองที่ผิดปกติในทารกแรกเกิด
|
ภาวะไอโซโครนัส |
|
ภาวะไอโซโครนัสเป็นภาวะที่มีความสม่ำเสมอมากเกินไปทำให้สมองทารกคุ้นเคย
|
หากการกระตุ้นเสียงในรูปแบบที่มีความสม่ำเสมอสูง อาจทำให้เกิด MMN เพราะทารกจะคุ้นเคยกับสิ่งเร้าที่ซ้ำซากมากเกินไป จนไม่สามารถรู้การเปลี่ยนแปลงได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
กลไกทางประสาทใดที่คิดว่ารองรับการเคลื่อนไหวให้ตรงกันกับจังหวะ
|
การตอบรับโดปามีน |
|
เนื่องจากมีการตอบรับจากสมองส่วนคล้ายๆกัน
|
โดปามีนมีบทบาทหลายด้านในการควบคุมการทำงานของสมอง รวมถึงการควบคุมการเคลื่อนไหว
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
การรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิดสัมพันธ์กับความสามารถทางดนตรีในภายหลังอย่างไร
|
เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการประสานงานจังหวะและเวลา |
|
เนื่องจากการรับรู้จังหวะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาโสตประสาท
|
การรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิดมีความสัมพันธ์กับความสามารถทางดนตรีในภายหลัง เนื่องจากทารกมีความสามารถในการรับรู้เสียงและจังหวะตั้งแต่ช่วงแรกเกิด ซึ่งการพัฒนาความสามารถในการรับรู้จังหวะนี้สามารถส่งผลต่อการเรียนรู้ทางดนตรีในอนาคตได้โดยตรง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
ภาวะที่ไม่ต่อเนื่องในการศึกษาทางการได้ยินมักเกี่ยวข้องกับอะไร?
|
ช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียง |
|
เนื่องจากเมื่อได้ยินเสี่ยงที่มีการสุ่มระหว่างเสียงจะทำให้ไม่สามารถจับจังหวะเสียงได้
|
การศึกษาเกี่ยวกับการรับรู้เสียงมักจะพบภาวะที่ไม่ต่อเนื่องเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สม่ำเสมอหรือไม่คาดคิดในช่วงเวลาระหว่างเสียง เช่น การมีช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียงที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทไม่สามารถประมวลผลเสียงในลำดับที่ต่อเนื่องหรือคาดเดาได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
จุดประสงค์หลักของการใช้ EEG ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิดคืออะไร
|
บันทึกการตอบสนองของสมองต่อเสียง |
|
เนื่องจากการใช้ EEG เป็นการกระตุ้นการได้ยินเพื่อบันทึกผลเป็นคลื่นสมอง
|
การใช้ EEG ในการศึกษาการกระตุ้นการได้ยินจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการศึกษาการทำงานของสมองและการพัฒนาการรับรู้เสียงในมนุษย์ รวมถึงการวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้ทางสถิติในทารกและการรับรู้จังหวะในระดับต่าง ๆ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
คุณลักษณะการได้ยินใดที่ไม่ได้รับการศึกษาโดยตรงในการวิจัยการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด
|
การขึ้นรถไฟเป็นจังหวะ |
|
เนื่องจากการขึ้นรถไฟเป็นจังหวะเป็นการตอบสนองทางร่างกาย
|
การขึ้นรถไฟเป็นจังหวะหมายถึงกระบวนการที่การเคลื่อนไหวหรือการตอบสนองของร่างกาย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
คำใดที่ใช้อธิบายลักษณะที่ปรากฏของความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ซึ่งใช้ในการตลาดการบำบัดด้วยเซลล์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์
|
สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์ |
|
เนื่องจากเป็นคำได้รับการยอมรับจากวงการวิทยาศาสตร์
|
คำนี้อธิบายถึงการใช้สัญลักษณ์หรือการอ้างอิงที่ะได้รับการยอมรับจากวงการวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในผลิตภัณฑ์หรือการบำบัด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
จากบทความ ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่กลไกการรายงานที่ได้รับการยอมรับสำหรับผลข้างเคียงจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีน
|
หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค |
|
หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคไม่ได้มีหน้าที่ในการรายงานหรือจัดการเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการบำบัดด้วยเซลล์และยีน
|
หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้บริโภคโดยรวม เช่น การตรวจสอบและควบคุมการตลาดของผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ ในตลาด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
การพิจารณาด้านจริยธรรมประการใดที่ถูกท้าทายโดยการตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์
|
กระบวนการแจ้งความยินยอม |
|
เนื่องจากผู้บริโภคไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายดายเพราะไม่ค่อยมีข้อมูล
|
การตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคอาจทำให้ผู้บริโภคหรือผู้ป่วยไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการบำบัดนั้น ๆ เนื่องจากการบำบัดที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์อาจถูกเสนอในลักษณะที่ดูเหมือนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
คุณลักษณะหลักใดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ตามมาตรฐานกฎระเบียบ
|
การอนุญาตก่อนการตลาดโดยหน่วยงานกำกับดูแล |
|
เนื่องจากผลิตภัณฑ์ CGT จะมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพมากกว่า
|
การบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมักจะได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น FDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา)
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
ข้อใดต่อไปนี้เป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ซึ่งเน้นไว้ในบทความ
|
ศักยภาพของความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง |
|
เนื่องจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์อาจมีความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง
|
เหตุผลที่การบำบัดดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ เนื่องจาก ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจยังไม่ได้ถูกทดลองใช้ในหลากหลายสถานการณ์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ตามที่กล่าวไว้ในบทความ
|
การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ |
|
ผลิตภัณฑ์ CGT ถ้าไม่ได้รับการพิสูจน์จะไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ที่กำกับดูเเล
|
ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์จะไม่ผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ เช่น FDA หรือ EMA เพราะการบำบัดเหล่านี้ยังขาดการทดสอบและข้อมูลทางคลินิกที่เพียงพอเพื่อพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
หน่วยงานกำกับดูแลเช่น FDA และ EMA จะรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ CGT ได้อย่างไร
|
โดยต้องมีการทดลองทางคลินิกก่อนการตลาดอย่างเข้มงวด |
|
เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูเเลจะรองรับเฉพาะผลิตภัณฑ์CGT ที่ผ่านการทดลองเเละตรวจสอบเเล้ว
|
หน่วยงานกำกับดูแลเช่น FDA และ EMA จะทำการประเมินข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกที่เป็นอิสระและมีมาตรฐานสูง เพื่อทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะได้รับการอนุมัติและออกสู่ตลาด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
เป้าหมายหลักของ ISCT ในด้านการบำบัดด้วยเซลล์และยีนตามที่กล่าวไว้ในบทความคืออะไร
|
เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์และต่อต้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ |
|
เนื่องการ ISCT คือองค์กรที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีการทดลองเเละตรวจสอบเเล้ว
|
ISCT เน้นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนและได้รับการพิสูจน์แล้วเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการบำบัดด้วยเซลล์และยีน ในขณะเดียวกันก็ต่อต้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์และอาจเสี่ยงต่อผู้ป่วย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
อะไรคือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์?
|
ความเสี่ยงต่อผลกระทบร้ายแรง |
|
เนื่องจากไม่สามารถรู้ได้ว่ามีผลข้างเคียงอย่างไรเพราะไม่ได้รับการตรวจสอบ
|
ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ยังขาดการทดสอบทางคลินิกที่เพียงพอและการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจเผชิญกับความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่ไม่คาดคิดหรือผลกระทบที่ร้ายแรงที่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งสามารถส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
ISCT มีบทบาทอย่างไรในบริบทของการบำบัดเซลล์และยีน
|
ต่อต้านการค้าขายก่อนกำหนดของการรักษาที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ |
|
เนื่องจาก ISCT จะคอยต่อต้านผลิตภัณฑ์บำบัดต่างๆที่ไม่ได้รับการพิสูจน์
|
ISCT มุ่งเน้นการส่งเสริมความปลอดภัยและประสิทธิภาพของการบำบัดด้วยเซลล์และยีน โดยสนับสนุนการวิจัยที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์และต่อต้านการค้าขายหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ผ่านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์และการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|