1 |
ข้อใดต่อไปนี้อธิบายแนวคิด การรับรู้จังหวะ (Beat Perception) ได้ดีที่สุดเนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสามารถในการได้ยินของทารกแรกเกิด
|
การแยกจังหวะที่สม่ำเสมอจากลำดับเสียง |
|
ทารกสามารถตรวจจับจังหวะสม่ำเสมอได้ตั้งแต่แรกเกิด
|
เพราะว่าทารกแรกเกิดสามารถรับรู้จังหวะได้ถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์ฟังเสียงดนตรีนั้นๆมาก่อนแต่อาจะเป็นเพราะคุณลักษณะทางชีวิทยา
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
จากการวิจัย ทารกแรกเกิดใช้วิธีทดลองตามข้อใดในการแยกแยะการรับรู้จังหวะจากการเรียนรู้ทางสถิติในทารกแรกเกิด
|
การใช้แนวดนตรีที่แตกต่างกัน |
|
เพราะเป็นการทดลองที่เห็นได้ถึงความแตกต่างของตัวแปรต้นได้อย่างชัดเจน
|
จากการทดลองเพราะใช้เสียงที่แตกต่างกัน มีทั้งแบบสุ่ม และจังหวะสม่ำเสมอและใช้เครื่องวัดสัญญาณสมองที่แสดงการตอบสนองของเสียงที่ผิดปกติ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
การตอบสนองที่ไม่ตรงกัน (MMR) ในการศึกษา EEG บ่งชี้อะไรเกี่ยวกับการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด
|
ความไวต่อการละเมิดความสม่ำเสมอในลำดับเสียง |
|
MMR เป็นสัญญาณทางสมองที่ตอบสนองต่อเสียงที่ไม่เป็นไปตามคาดการณ์
|
ในงานวิจัยบอกว่าสมองของทารกสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติในลำดับเสียงที่ได้ยิน
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
คำว่า "การเรียนรู้ทางสถิติ (Statistical Learning)" หมายถึงอะไรในบริบทของการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิด?
|
การแยกความสม่ำเสมอออกจากลำดับของเสียงโดยไม่มีการตอบรับที่ชัดเจน |
|
ทารกสามารถตรวจจับรูปแบบเสียงที่เกิดขึ้นซ้ำๆได้
|
เพราะจะได้สามารถเข้าใจและใช้ความถี่ของเสียงพยางค์ ซึ่งมีบทบาทในการจำเสียงของพ่อและแม่ของเด็กทารก และต่อมาสามารถเข้าใจในการพูดหรือสื่อสารได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
สภาวะใดในการศึกษา EEG ไม่ได้ส่งผลให้เกิดความแตกต่างระหว่างการตอบสนองแบบจังหวะและการตอบสนองที่ผิดปกติในทารกแรกเกิด
|
สภาพความเงียบ |
|
เพราะ eeg ใช้ในการวัดการตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก
|
เพราะ eeg ต้องมีสิ่งเร้ามากระตุ้น ซึ่งในสภาวะความเงียบจะไม่มีข้อมูลทางเสียงซึ่งทำให้ไม่เกิดการประมวลผลเิกดขึ้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
กลไกทางประสาทใดที่คิดว่ารองรับการเคลื่อนไหวให้ตรงกันกับจังหวะ
|
การตอบรับโดปามีน |
|
เพราะโดปามีนเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้จังหวะและการตอบสนองต่อสิ่งเร้า
|
เพราะโดปามีนมีความสำคัญในการควบคุมจังหวะและการเคลื่อนไหว และทำให้สมองส่วนต่างๆช่วยให้โดปามีนปรับแต่งเวลาการเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับจังหวะได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
การรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิดสัมพันธ์กับความสามารถทางดนตรีในภายหลังอย่างไร
|
เป็นพื้นฐานในการพัฒนาการประสานงานจังหวะและเวลา |
|
ทารกสามารถรับรู้จังหวะได้ถึงแม้ว่ายังไม่สามารถขยับและตอบสองภายนอกได้
|
จากงานวิจัยพบว่าทารกสามารถแยกแยะจังหวะได้ตั้งแต่แรกเกิด ตั้งแต่ที่ทารกยังไม่สามารถตอบสนองทางร่างกายได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
ภาวะที่ไม่ต่อเนื่องในการศึกษาทางการได้ยินมักเกี่ยวข้องกับอะไร?
|
ช่วงเวลาสุ่มระหว่างเสียง |
|
ความไม่ต่อเนื่องในการรับรู้เสียงส่วนใหญ่จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระยะเวลาระหว่างเสียง
|
ในการศึกษาทางการได้ยินมักเกี่ยวข้องกับการที่เสียงไม่ได้เกิดขึ้นตามช่วงเวลาที่แน่นอน แต่เกิดขึ้นแบบสุ่ม
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
จุดประสงค์หลักของการใช้ EEG ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินในทารกแรกเกิดคืออะไร
|
บันทึกการตอบสนองของสมองต่อเสียง |
|
เพราะ EEG ใช้ในการตรวจจับกิจกรรมทางไฟฟ้าของสมองเพื่อตอบสนองต่อเสียง ในการศึกษาการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด
|
เนื่องจากการตอบสนองต่อเสียงที่เปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งมีการรับรู้ แยกแยะ และประมวลผลเสียงตั้งแต่แรกเกิด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
คุณลักษณะการได้ยินใดที่ไม่ได้รับการศึกษาโดยตรงในการวิจัยการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิด
|
ความเข้าใจภาษา |
|
การศึกษาการประมวลผลการได้ยินของทารกแรกเกิดจะมุ่งเน้นไปที่การรับรู้เสียงและการเรียนรู้โครงสร้างของเสียง มากกว่าความสามารถในการเข้าใจความหมายของภาษา
|
การเข้าใจภาษาส่วนใหญ่จะถูกศึกษาในเด็กที่โตขึ้นโดยใช้ ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับการประมวลผลความหมายของคำ และมักไม่ถูกใช้ในงานวิจัย EEG ของทารกแรกเกิด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
คำใดที่ใช้อธิบายลักษณะที่ปรากฏของความน่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ซึ่งใช้ในการตลาดการบำบัดด้วยเซลล์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์
|
สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์ |
|
การตลาดด้านการแพทย์ส่วนใหญ่จะใช้สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์เพื่อดึงดูดความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
|
การใช้สัญลักษณ์แห่งความชอบธรรมทางวิทยาศาสตร์เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่พบในการตลาดด้านการแพทย์ที่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
จากบทความ ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่กลไกการรายงานที่ได้รับการยอมรับสำหรับผลข้างเคียงจากการบำบัดด้วยเซลล์และยีน
|
หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค |
|
การกำกับดูแลและรายงานผลข้างเคียงของการบำบัดด้วยเซลล์และยีนเป็นหน้าที่ของหน่วยงานด้านยาและชีวเวชศาสตร์ ไม่ใช่ของหน่วยงานที่เน้นการปกป้องสิทธิผู้บริโภคในแง่ของการโฆษณาหรือการขายสินค้า
|
ระบบรายงานผลข้างเคียงต้องดำเนินการโดย หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์และทางคลินิก ไม่ใช่หน่วยงานที่มุ่งเน้นการปกป้องสิทธิของผู้บริโภคทั่วไป
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
การพิจารณาด้านจริยธรรมประการใดที่ถูกท้าทายโดยการตลาดโดยตรงสู่ผู้บริโภคสำหรับการบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์
|
กระบวนการแจ้งความยินยอม |
|
การตลาดโดยตรงมักทำให้ข้อมูลขาดความสมดุลและขัดขวางกระบวนการแจ้งความยินยอมที่มีคุณภาพ
|
การตลาดโดยตรงมักไม่เป็นไปตามหลักการนี้ เพราะ ข้อมูลที่นำเสนอมีความเอนเอียงและอาจไม่เปิดเผยความเสี่ยงอย่างครบถ้วน ทำให้ผู้ป่วยมีแนวโน้มที่จะเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะของการบำบัดด้วยเซลล์และยีน
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
คุณลักษณะหลักใดที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ตามมาตรฐานกฎระเบียบ
|
การอนุญาตก่อนการตลาดโดยหน่วยงานกำกับดูแล |
|
การอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลเป็นมาตรฐานสำคัญของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ได้รับการพิสูจน์
|
ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ต้องได้รับการทดสอบทางวิทยาศาสตร์และการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อนวางจำหน่าย และการอนุมัติเป็นสิ่งสำคัญในการรับรองว่า ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และผ่านมาตรฐานคุณภาพ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
ข้อใดต่อไปนี้เป็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ซึ่งเน้นไว้ในบทความ
|
ศักยภาพของความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ร้ายแรง |
|
การบำบัดด้วยเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพ และอาจไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้
|
CGT เป็นการรักษาที่มีความเสี่ยงสูง และต้องมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดเพื่อลดผลกระทบด้านลบ หากผลิตภัณฑ์ไม่ได้ผ่านการกำกับดูแล อาจมีความเสี่ยงที่รุนแรงต่อผู้ป่วย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
ข้อใดต่อไปนี้ไม่ใช่ลักษณะทั่วไปของผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ตามที่กล่าวไว้ในบทความ
|
ค่ารักษาผู้ป่วยสูง |
|
CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์มักหลีกเลี่ยงกระบวนการกำกับดูแลและไม่ได้ผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานด้านยา
|
ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น CGT ต้องผ่านการควบคุมที่เข้มงวด และต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อนวางจำหน่าย หากผลิตภัณฑ์ไม่ได้รับการอนุมัติ แสดงว่าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอรองรับ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
หน่วยงานกำกับดูแลเช่น FDA และ EMA จะรับรองความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ CGT ได้อย่างไร
|
โดยต้องมีการทดลองทางคลินิกก่อนการตลาดอย่างเข้มงวด |
|
การทดลองทางคลินิกเป็นมาตรฐานทองคำ สำหรับการประเมินความปลอดภัยของ CGT
|
หน่วยงานกำกับดูแลใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ไม่ปลอดภัย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
เป้าหมายหลักของ ISCT ในด้านการบำบัดด้วยเซลล์และยีนตามที่กล่าวไว้ในบทความคืออะไร
|
เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์และต่อต้านผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ |
|
ISCT มีบทบาทในการสร้างแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ CGT และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอันตรายของการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐาน
|
การรักษาทางการแพทย์ต้อง มีหลักฐานจากการทดลองทางคลินิกที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับในวงการแพทย์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
อะไรคือผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์ CGT ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์?
|
ความเสี่ยงต่อผลกระทบร้ายแรง |
|
ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์อาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงและคาดเดาไม่ได้
|
CGT เป็นการรักษาที่มีความเสี่ยงสูง จึงต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวดผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ มักข้ามขั้นตอนการทดลองทางคลินิก ทำให้ความเสี่ยงของผลข้างเคียงเพิ่มขึ้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
ISCT มีบทบาทอย่างไรในบริบทของการบำบัดเซลล์และยีน
|
ต่อต้านการค้าขายก่อนกำหนดของการรักษาที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ |
|
ISCT ทำงานเพื่อปกป้องผู้ป่วยจาก CGT ที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ และส่งเสริมมาตรฐานจริยธรรมและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการพัฒนา CGT
|
การพัฒนายาทางชีวเวชศาสตร์ต้องอยู่ภายใต้กรอบของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และกฎระเบียบที่เข้มงวด ISCT สนับสนุนแนวทางนี้โดย ต่อต้านการขาย CGT ที่ไม่มีการทดลองที่เชื่อถือได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|