ตรวจข้อสอบ > ตัซนีม ยูโซ๊ะ > ชีววิทยาเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biology in Medical Science > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 48 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is the primary goal of contact tracing in public health?

To educate people about health and wellness

การที่ไปเยี่ยมชุมชนหรือไปสำรวจชุมชนส่วนมากหลักๆจะไปให้ความรู้แก่่ผู้คนสุขภาพเป็นอยู่ที่ดีก่อนที่เราจะไปสำรวจโรคไข้เจ็บต่างๆเราต้อง แก้ที่ต้นเหตุในการบอกชาวบ้านในชุมชุนให้ระวังและะรักสุขภาพตนเองเป็นต้น

การศึกษาที่ดีจะช่วยเพิ่มสุขภาพที่ดีและะอายุยืนยาวโดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับการศึกษาระดับสูงเช่นลดอัตราการตายของทารกและะเพิ่มการฉีดวัคซีนในเด็กอีกด้วยคะ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


During the COVID-19 pandemic, what was one main reason people were motivated to isolate themselves after testing positive?

To avoid infecting others, particularly vulnerable populations

ในช่วงโรคระบาดCovid-19 เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ยอมกักตัวหลังจากทราบผลว่าตัวเองติดเชื้อเพราะว่าความต้องการของผู้อื่นโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางเช่นผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัวควรตะหนักถึงการแพร่เชื้อแบบบไม่มีอาการและะผลกระทบรุนแรงงที่อาจเกิดขึ้นกับคนเหล่านี้เป็นแรงงจูงใจสำคัญนอกจากนี้คือความรับผิดชอบต่อสังคมและะส่วนรวม

แรงงจูงใจด้านสุขภาพและความปลอดภัยผู้คนมักมีแรงงจูงใจในการปกป้องครอบครัวและะชุมชุนของตนเองจากการเเพร่เชื้อนอกจากนี้การปฎิบัติตามมาตราของรัฐบาลเช่นการกักตัวยังสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อส่วนรวมลดการแพร่่กระจายของไวรัสได้อีกด้วยคะ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


What method was commonly used for focus group discussions in the study on COVID-19 contact tracing?

Asynchronous online forums

มีความยืดหยุ่นด้านเวลา:ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาตอบหรือแลกเปลี่ยนนข้อมูลในเวลาที่ตนสะดวกโดยไม่ต้องพร้อมกันในเวลาเดียวกัน การพัฒนาความคิดการตอบคำถามฟอรั่มนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีเวลาไตร่ตรองก่อนตอบ ความหลากหลายทางความคิดและะการได้เรียนรู้ร่วมกัน

งานวิจัยสนับสนุนแนวคิด Asynchronous Online Forums 1. การพัฒนาการเรียนรู้ร่วมกัน: งานวิจัยพบว่า Asynchronous Online Forums ช่วยพัฒนาการเรียนรู้แบบกลุ่ม เนื่องจากผู้เรียนมีเวลาคิดก่อนตอบและสร้างบทสนทนาที่ลึกซึ้งมากขึ้น (Hrastinski, 2008)【19】 2. ส่งเสริมการมีส่วนร่วม: การใช้ฟอรั่มออนไลน์ทำให้ผู้ใช้งานที่ขี้อายหรือไม่สะดวกพูดคุยแบบเรียลไทม์สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ (Gao et al., 2013)【19】 3. ความสะดวกด้านเวลา: งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าฟอรั่มช่วยเชื่อมต่อผู้คนข้ามโซนเวลาได้ดี ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในกลุ่มที่หลากหลาย (Swan, 2001)【19】

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


What factor did NOT influence the success of case investigation and contact tracing according to the article?

Political ideology of the participants

เพราะเราไม่รู้ว่าผู้ที่เข้ามาจะมีอุดมการ์ณเเบบไหนเเละ อุดมการณ์ทางการเมืองส่งผลต่อการตัดสินใจในประเด็นต่างๆ เช่น การเลือกตั้ง, นโยบายของรัฐ หรือการสนับสนุนกลุ่มการเมืองที่มีทิศทางตรงกับค่านิยมที่ตนถือ.

ดมการณ์ส่งผลต่อการรับรู้ข้อมูลและการสนับสนุนนโยบาย เช่น ผู้ที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมอาจสนับสนุนความมั่นคงและค่านิยมดั้งเดิม ขณะที่เสรีนิยมมักเน้นสิทธิและความเสมอภาค【19】 เเละงานวิจัยชี้ว่าอุดมการณ์ยังสัมพันธ์กับปัจจัยจิตวิทยา เช่น ความต้องการความมั่นคงทางอารมณ์หรือการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (Jost et al., 2003)【19】

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


Which demographic factor was reported to affect the experiences and behaviors of individuals regarding CI/CT?

Political ideology

อุดมการณ์ทางการเมืองมีผลต่อประสบการณ์และพฤติกรรมของบุคคลในเรื่องของการบำบัดและการรักษาความบกพร่องทางสติปัญญา (CI) และการบำบัดทางปัญญา (CT) เพราะมันมีอิทธิพลต่อทัศนคติต่อการดูแลสุขภาพและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการรักษา คนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกันอาจมีมุมมองที่ต่างกันเกี่ยวกับการแทรกแซงของรัฐบาลในระบบสาธารณสุข ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นในผู้ให้บริการสุขภาพและการยอมรับการรักษา เช่น การบำบัดทางปัญญา

มีสองงานวิจัยคะ 1. งานวิจัยที่ศึกษาการรับรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพระบุว่า ผู้ที่มีอุดมการณ์เสรีนิยม (Liberal) มักจะเปิดกว้างและสนับสนุนการแทรกแซงของรัฐบาลในการดูแลสุขภาพมากกว่า ในขณะที่ผู้ที่มีอุดมการณ์อนุรักษนิยม (Conservative) มักมีทัศนคติที่ระมัดระวังหรือคัดค้านการแทรกแซงจากรัฐบาล (Jost et al., 2003) . 2. อีกงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของอุดมการณ์ต่อการยอมรับการรักษาในสังคม พบว่า แนวคิดทางการเมืองสามารถกำหนดทัศนคติในการเลือกนโยบายสุขภาพ เช่น ผู้ที่มีอุดมการณ์อนุรักษนิยมอาจไม่ยอมรับการบำบัดที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือบริการสุขภาพสาธารณะ (Frimer et al., 2017) 

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


What did participants report feeling after learning they were exposed to COVID-19?

Worry about their health and that of their contacts

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ: บุคคลที่มีแนวโน้มวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพอาจจะรู้สึกกังวลมากขึ้นเมื่อมีการระบาดของโรคติดต่อ ทำให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับอาการหรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเองและคนรอบข้าง.

ในงานวิจัยหลายชิ้นเกี่ยวกับความกังวลด้านสุขภาพและการแพร่เชื้อพบว่า: 1. การรับรู้ถึงความเสี่ยง: การศึกษาของ Hochschild et al. (2020) แสดงให้เห็นว่า ผู้คนมักกังวลเกี่ยวกับการแพร่เชื้อไปยังคนที่พวกเขาห่วงใยโดยเฉพาะในช่วงการระบาดของ COVID-19 ซึ่งทำให้เกิดพฤติกรรมป้องกันเช่น การกักตัวและการหลีกเลี่ยงการสัมผัสวามวิตกกังวลทางสุขภาพ**: งานวิจัยของ Branigan et al. (2021) พบว่า การวิตกกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อและการแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้บุคคลดูแลตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพและความเสี่ยงจากโรค .

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


What was a common source of information for participants when they learned about their COVID-19 status?

Family, friends, and healthcare providers

เนื่องจากเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดเพราะฉะนั้นเราควรแจ้งงให้ท่านทราบ

3. ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ: เมื่อบุคคลได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว, เพื่อน, และผู้ให้บริการด้านสุขภาพ พวกเขาจะมีความเชื่อมั่นในการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพและการรักษามากขึ้น ซึ่งช่วยให้การรักษาหรือการป้องกันโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Berkman et al., 2000). ดังนั้น การมีเครือข่ายสนับสนุนที่ดีสามารถช่วยให้บุคคลรู้สึกมั่นคงและปลอดภัยในการจัดการกับปัญหาด้านสุขภาพของตนเองและครอบครัว.

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


Which of the following was NOT a method for collecting data in the study described?

Direct observations in homes

การเก็บข้อมูลด้วยวิธีเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะของการศึกษา เช่น การศึกษาด้านพฤติกรรมหรือสุขภาพที่มักจะใช้การสังเกตหรือสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวเพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึก หรือการใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างที่กว้างขวาง.

งานวิจัย ในการศึกษานี้ การสังเกตการณ์โดยตรงในบ้าน (Direct Observations In Homes) ไม่ได้ถูกใช้เป็นวิธีการเก็บข้อมูลหลัก ซึ่งวิธีที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสอบถาม, กลุ่มสนทนาออนไลน์, และ สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว วิธีเหล่านี้ถูกเลือกเพื่อให้สามารถเก็บข้อมูลจากกลุ่มผู้เข้าร่วมได้ในวงกว้างและมีความหลากหลาย โดยการสัมภาษณ์หรือแบบสอบถามช่วยในการรวบรวมข้อมูลที่มีโครงสร้าง ขณะที่กลุ่มสนทนาออนไลน์ช่วยให้สามารถตรวจสอบความคิดเห็นและปฏิกิริยาของกลุ่มได้ในลักษณะเชิงลึก   การเลือกใช้วิธีเหล่านี้เป็นเพราะว่า การสังเกตการณ์โดยตรงในบ้าน ต้องการทรัพยากรที่มากกว่าและอาจมีอคติจากผู้สังเกต ซึ่งทำให้มันอาจไม่เหมาะสมในการศึกษาแบบนี้  

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


What ethical considerations were emphasized during the focus group discussions?

Ensuring privacy and voluntary participation

ในการสนทนากลุ่ม (focus group discussions) การพิจารณาทางจริยธรรมที่สำคัญคือ การรับประกันความเป็นส่วนตัวและการมีส่วนร่วมโดยสมัครใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องสิทธิ์ของผู้เข้าร่วมและรับประกันความถูกต้องของการวิจัย คำแนะนำทางจริยธรรมกำหนดให้ผู้เข้าร่วมต้องได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับธรรมชาติของการศึกษา สิทธิของพวกเขาในการเข้าร่วม และสิทธิในการถอนตัวจากการศึกษาได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องรับผลกระทบใด ๆ นอกจากนี้ นักวิจัยต้องรับประกันความลับและการไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้เข้าร่วมเพื่อป้องกันการละเมิดหรือการใช้ข้อมูลในทางที่ผิด

ในการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussions) การพิจารณาทางจริยธรรมที่สำคัญ ได้แก่ การรับประกันความเป็นส่วนตัว และ การมีส่วนร่วมโดยสมัครใจ ผู้เข้าร่วมต้องได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับการศึกษาและต้องยินยอมเข้าร่วมโดยสมัครใจ นอกจากนี้ แม้ว่าผู้วิจัยจะพยายามเก็บข้อมูลเป็นความลับมากที่สุด แต่ในกรณีที่เป็นการสนทนากลุ่ม การรับประกันความเป็นส่วนตัวไม่สามารถทำได้เต็มที่ เนื่องจากผู้เข้าร่วมอาจพูดถึงข้อมูลที่ได้หลังจากการสนทนาเสร็จสิ้น จึงต้องแจ้งให้ผู้เข้าร่วมทราบถึงความเสี่ยงนี้และขอให้ไม่เปิดเผยข้อมูลที่ไม่ต้องการให้เป็นสาธารณะ  . การรับประกันความเป็นส่วนตัวสามารถทำได้โดยการเลือกสถานที่ที่เหมาะสมในการจัดกลุ่มสนทนา เช่น การจัดในสถานที่ส่วนตัว หรือในกรณีที่ทำการสนทนาผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Zoom ควรแนะนำให้ผู้เข้าร่วมใช้หูฟังและเข้าร่วมในสถานที่ที่มีความเป็นส่วนตัว  . งานวิจัย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


How did the availability of self-tests in 2021 impact the public health response to COVID-19?

It decreased the accuracy of tests

การที่มีการใช้งาน ชุดทดสอบตัวเอง (self-tests) สำหรับ COVID-19 ในปี 2021 ช่วยเพิ่มความเร็วในการที่ประชาชนจะรู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง ซึ่งเป็นประโยชน์ในการตอบสนองต่อสถานการณ์โรคระบาด ช่วยให้ผู้คนสามารถทดสอบที่บ้านได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอผลการทดสอบจากสถานพยาบาล ซึ่งทำให้สามารถระบุผู้ติดเชื้อได้เร็วขึ้นและมีการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นในชุมชน อย่างไรก็ตาม มีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความแม่นยำ ของชุดทดสอบนี้ ซึ่งบางครั้งอาจเกิดผลลัพธ์ผิดพลาดหรือผลลบปลอม (false negatives) แต่โดยรวมแล้วการใช้ชุดทดสอบตัวเองช่วยเสริมความสามารถในการตรวจสอบโรคในประชาชนและสนับสนุนความพยายามด้านสาธารณสุขได้ดีขึ้น 

การที่มีการใช้งาน ชุดทดสอบตัวเอง สำหรับ COVID-19 ในปี 2021 มีผลกระทบสำคัญต่อการตอบสนองทางสาธารณสุขโดยการ เพิ่มความเร็วในการที่ประชาชนจะรู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง ช่วยให้ผู้คนสามารถทดสอบได้ที่บ้านอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอผลจากสถานพยาบาล การทราบผลไวช่วยให้ผู้ติดเชื้อสามารถแยกตัวได้เร็วขึ้น ซึ่งช่วยลดการแพร่ระบาดในชุมชนและลดภาระของระบบสาธารณสุข  . นอกจากนี้ การทดสอบตัวเองยังช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการทดสอบได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องไปสถานที่ทดสอบ และสามารถช่วยสนับสนุนการตรวจสอบในระดับกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หลังจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ 

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is urban ecology primarily concerned with?

The interactions between urban environments and ecosystems

การนิเวศวิทยาเมืองมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจว่า สภาพแวดล้อมในเมือง เช่น เมืองต่าง ๆ มีการปฏิสัมพันธ์กับระบบนิเวศธรรมชาติอย่างไร การศึกษานี้จะตรวจสอบผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการที่ระบบธรรมชาติต่าง ๆ เช่น พืชและสัตว์ ส่งผลต่อพื้นที่เมือง การศึกษานี้ครอบคลุมการไหลของพลังงาน สสาร และสิ่งมีชีวิตภายในเมือง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของความหลากหลายทางชีวภาพ พื้นที่สีเขียว และความสมดุลทางสิ่งแวดล้อมในเมือง โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้.

การนิเวศวิทยาเมือง (Urban Ecology) เป็นสาขาวิชาที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมในเมืองและระบบนิเวศธรรมชาติ โดยเน้นการวิเคราะห์ผลกระทบจากกิจกรรมมนุษย์ในเมืองที่มีต่อระบบนิเวศ และในทางกลับกัน ระบบนิเวศเหล่านั้นมีผลกระทบต่อชีวิตในเมือง การศึกษานี้ช่วยในการวางแผนการพัฒนาเมืองที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน 

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Which continent is noted as rapidly urbanizing within the study?

Asia

เอเชียถูกกล่าวถึงว่าเป็นทวีปที่มีการเมืองอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเติบโตของประชากรที่สูงขึ้นและการพัฒนาเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้มีการย้ายถิ่นฐานจากชนบทไปสู่เมืองในหลายประเทศในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่การเติบโตของเมืองใหญ่กำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วและ เอเชีย ซึ่งกำลังประสบกับการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเติบโตของประชากร การพัฒนาเศรษฐกิจ และการอพยพจากชนบทไปยังเมือง หลายประเทศในเอเชีย เช่น จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ได้เห็นการขยายตัวของเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน (megacities) ซึ่งเอเชียมีเมืองเหล่านี้มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก อย่างไรก็ตาม การขยายตัวนี้ยังนำมาซึ่งความท้าทายต่าง ๆ เช่น การเสื่อมสภาพของสิ่งแวดล้อม การจัดการทรัพยากร และปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เอเชียได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นภูมิภาคที่มีการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเมืองในภูมิภาคเหล่านี้ประสบกับการเติบโตของประชากรที่ไม่เคยมีมาก่อน สาเหตุหลักมาจากการย้ายถิ่นฐานจากพื้นที่ชนบท การพัฒนาเศรษฐกิจ และโอกาสที่เพิ่มขึ้นในเมือง การเปลี่ยนแปลงนี้นำมาซึ่งความท้าทายต่าง ๆ เช่น การแออัดของประชากร การเสื่อมสภาพของสิ่งแวดล้อม และความต้องการในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ความสำคัญได้ถูกเน้นในการทำให้การเติบโตของเมืองนั้นเกิดความสมดุลกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการให้บริการพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับประชากรในเมืองที่เพิ่มขึ้น  

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What significant bias is present in the study of urban ecology in Africa?

Focus on wealthy nations

เหตุผลที่การศึกษาด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกามีความเอนเอียงไปยัง “ประเทศที่มั่งคั่ง” คือการที่การวิจัยมักมุ่งเน้นไปที่เมืองในประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยเฉพาะในยุโรปหรืออเมริกาเหนือ ซึ่งมีทรัพยากรที่มากกว่าในการทำการศึกษาและพัฒนาเมือง ส่งผลให้การศึกษาด้านนิเวศวิทยาในเมืองของแอฟริกามักถูกมองข้าม หรือต้องเผชิญกับข้อจำกัดทั้งในด้านทรัพยากรและข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวิจัย การขาดการศึกษาที่ครอบคลุมในเมืองแอฟริกา ทำให้เกิดการขาดความเข้าใจในพลศาสตร์ของระบบนิเวศในเมืองที่มีลักษณะเฉพาะ และความท้าทายที่เมืองในแอฟริกาต้องเผชิญ เช่น การขยายตัวของเมืองที่รวดเร็วและข้อจำกัดด้านทรัพยากร  

งานวจัย ความเอนเอียงสำคัญในงานวิจัยด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาคือการมุ่งเน้นไปที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจดี เช่น แอฟริกาใต้ ซึ่งคิดเป็นเกือบ 40% ของงานวิจัยด้านนี้ในแอฟริกา งานวิจัยส่วนใหญ่เน้นปัญหาที่เกิดในระดับท้องถิ่นหรือเฉพาะเมือง มากกว่าการนำเสนอภาพรวมในระดับภูมิภาคหรือข้ามประเทศ ทำให้ขอบเขตของงานวิจัยค่อนข้างแคบ และไม่ครอบคลุมถึงความหลากหลายของบริบททางสังคมและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อื่น ๆ ของแอฟริกา   การขาดการวิจัยที่ครอบคลุมนี้เป็นอุปสรรคต่อการทำความเข้าใจผลกระทบของการขยายตัวของเมืองที่รวดเร็วในแอฟริกา เช่น ผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคตามสภาพเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม .

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


What factor did the study NOT find influencing research efforts in African urban ecology?

Technological advancements

ปัจจัยที่ ไม่ได้ พบว่ามีอิทธิพลต่อความพยายามในการวิจัยด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาคือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เนื่องจากการศึกษาพบว่าปัจจัยที่มีผลต่อความพยายามวิจัยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เช่น GDP ของประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงงบประมาณที่สามารถสนับสนุนการวิจัยได้, ความเข้มข้นของการขยายตัวของเมือง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่อระบบนิเวศ, และ สถานะการอนุรักษ์ของพื้นที่ทางนิเวศ ที่มีความสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพในเมือง   อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ได้ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลัก เนื่องจากงานวิจัยในภูมิภาคนี้ยังคงถูกจำกัดด้วยปัจจัยอื่น เช่น งบประมาณ การจัดลำดับความสำคัญของการวิจัย และทรัพยากรมนุษย์ แม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะมีส่วนช่วย แต่ยังไม่ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการเพิ่มความพยายามวิจัยในแอฟริกา.

ความเอนเอียงสำคัญในงานวิจัยด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาคือการ มุ่งเน้นไปที่เมืองหลวง เนื่องจากงานวิจัยส่วนใหญ่มักกระจุกตัวอยู่ในเมืองที่มีรายได้สูงหรือเมืองหลวง ซึ่งมีทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมสำหรับการวิจัย การมุ่งเน้นเฉพาะพื้นที่เหล่านี้ทำให้ขาดความเข้าใจที่ครอบคลุมถึงลักษณะพลวัตของนิเวศวิทยาเมืองในเขตเมืองอื่น ๆ ที่เล็กกว่า หรือพื้นที่ชานเมืองที่มีเงื่อนไขทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน【177】【178】

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


Which method was used to gather data for the study?

Literature review and bibliographic searches

วิธีนี้ถูกนำมาใช้ในการเก็บข้อมูลในงานวิจัย โดยการวิเคราะห์บทความวิจัย หนังสือ และบรรณานุกรมที่มีอยู่เพื่อสังเคราะห์ข้อมูลในหัวข้อที่ศึกษา การใช้การทบทวนวรรณกรรมและการค้นหาข้อมูลทางบรรณานุกรมเป็นเรื่องปกติในงานวิจัยที่ต้องการวิเคราะห์แนวโน้ม ศึกษารูปแบบ หรือให้ข้อมูลเชิงลึกในด้านใดด้านหนึ่ง เช่น งานวิจัยเกี่ยวกับนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาในกรณีนี้ วิธีนี้ช่วยให้นักวิจัยระบุช่องว่าง แนวโน้ม และความเอนเอียงในงานวิจัยที่ผ่านมาได้   นอกจากนี้ วิธีการนี้ยังมีประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูลจำนวนมากและเหมาะสมอย่างยิ่งในกรณีที่การสังเกตโดยตรงหรือการทดลองในพื้นที่ไม่สามารถทำได้ในระดับภูมิภาคที่กว้างขวางและหลากหลาย.

วิธีการหลักที่ใช้ในการเก็บข้อมูลสำหรับการศึกษาด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาคือ การทบทวนวรรณกรรมและการค้นหาบรรณานุกรม ซึ่งหมายถึงการวิเคราะห์เอกสารวิชาการที่มีอยู่เพื่อสังเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้ม ช่องว่าง และประเด็นที่งานวิจัยมุ่งเน้นในด้านนี้ การศึกษาเหล่านี้มักใช้วิธีการนี้เพื่อระบุความเอนเอียง เช่น การวิจัยที่มีตัวแทนไม่ครบถ้วนในบางภูมิภาค และเพื่อประเมินปัจจัยที่ส่งผลต่อผลผลิตของงานวิจัย เช่น ทรัพยากรทางเศรษฐกิจและความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


What does the study suggest is needed for urban ecology research in Africa?

A realignment of research priorities

การศึกษาชี้ให้เห็นว่า งานวิจัยด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาจำเป็นต้อง ปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญของการวิจัย ซึ่งหมายถึงการมุ่งเน้นไปที่ปัญหาและเงื่อนไขเฉพาะของระบบนิเวศในเมืองแอฟริกา แทนที่จะพึ่งพาแบบจำลองจากภูมิภาคที่พัฒนาแล้ว การวิจัยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น รูปแบบการขยายตัวของเมือง ความหลากหลายทางเศรษฐกิจ และปัญหาด้านนิเวศที่แตกต่างกันในเมืองแอฟริกา การปรับเปลี่ยนนี้จะช่วยให้เข้าใจถึงพลศาสตร์ของนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาได้ดีขึ้น และสนับสนุนให้มีการวิจัยที่ครอบคลุมและตรงประเด็นมากขึ้น  .

การศึกษาด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาชี้ให้เห็นว่า การปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญในการวิจัย เป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการวิจัย เช่น การขาดความร่วมมือวิจัยระหว่างประเทศ การศึกษาส่วนใหญ่จำกัดอยู่แค่ในบางประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ และมีการมุ่งเน้นไปที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญเช่น การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยส่วนใหญ่การวิจัยมักได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น GDP ของประเทศ การศึกษาในพื้นที่ที่มีสถานะการอนุรักษ์สูงทำให้เกิดความเอนเอียง การวิจัยจึงควรมุ่งไปที่การขยายขอบเขตไปยังพื้นที่ที่หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น เพื่อเข้าใจถึงผลกระทบของการขยายตัวของเมืองที่มีต่อระบบนิเวศของแอฟริกา   .

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


Which country was mentioned as having the majority of the studies?

South Africa

ประเทศที่ถูกกล่าวถึงว่ามีงานวิจัยเกี่ยวกับนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกามากที่สุดคือ แอฟริกาใต้ การวิจัยส่วนใหญ่ในด้านนี้มักกระจุกตัวอยู่ในแอฟริกาใต้ เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานทางวิจัยที่พัฒนาแล้ว ทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า และเมืองที่มีการพัฒนามากกว่าหลายประเทศในแอฟริกา

ประเทศที่มีงานวิจัยเกี่ยวกับนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกามากที่สุดคือ แอฟริกาใต้ โดยมีงานวิจัยถึง 40% ของทั้งหมดที่เผยแพร่ในภูมิภาคนี้ การศึกษาส่วนใหญ่ในแอฟริกามักมุ่งเน้นที่ประเทศนี้ เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานทางการวิจัยที่ดีกว่าและการพัฒนาเมืองที่สูงกว่าในหลายประเทศอื่นๆ .

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


How did the study categorize the geographic biases in research?

Unevenly distributed

การวิจัยเกี่ยวกับนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาถูกจำแนกให้มีการกระจายทางภูมิศาสตร์ที่ ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากงานวิจัยส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในบางประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ ขณะที่บางพื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานการวิจัยน้อยกลับได้รับการวิจัยน้อยกว่า ส่งผลให้การศึกษานิเวศวิทยาเมืองในทวีปนี้ไม่ครอบคลุมทั่วทั้งแอฟริกา .

การศึกษาด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาพบว่ามีความเอนเอียงทางภูมิศาสตร์และการวิจัยที่ไม่สม่ำเสมอ โดยส่วนใหญ่จะมีการศึกษาในไม่กี่ประเทศ โดยเฉพาะแอฟริกาใต้ที่มีการตีพิมพ์งานวิจัยเกือบ 40% การวิจัยในภูมิภาคนี้ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น GDP และขนาดและสถานะการอนุรักษ์ของเขตนิเวศ มากกว่าการกระจายของการวิจัยตามภูมิศาสตร์หรือความหนาแน่นของประชากร ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ความเอนเอียงเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกา โดยเฉพาะเมื่อการขยายตัวของเมืองยังคงเพิ่มขึ้นในทวีปนี้  .

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


What is a key recommendation from the study for improving urban ecology research in Africa?

Encourage transnational collaborations

คำแนะนำหลักจากการศึกษาคือการ ส่งเสริมความร่วมมือข้ามชาติ ในการวิจัยนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกา เนื่องจากการวิจัยในทวีปนี้มีการกระจุกตัวอยู่ในบางประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการขาดแคลนข้อมูลและความเข้าใจที่ครอบคลุมในส่วนอื่นๆ ของแอฟริกา การทำงานร่วมกันระหว่างประเทศต่างๆ จะช่วยเติมเต็มช่องว่างทางภูมิศาสตร์และเชิงนิเวศ ช่วยให้การวิจัยมีความครอบคลุมและลึกซึ้งมากขึ้น .

การศึกษาชี้แนะว่าเพื่อพัฒนาการวิจัยด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกา ควรมีการ ปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญของการวิจัย ซึ่งรวมถึงการแก้ไขความเอนเอียงในหัวข้อการวิจัยที่มักเน้นประเทศที่ร่ำรวยและเมืองที่มี GDP สูง การศึกษานี้เน้นถึงความจำเป็นในการส่งเสริมความร่วมมือข้ามชาติและการให้ความสนใจกับบริบททางนิเวศที่หลากหลาย รวมถึงพื้นที่ที่ได้รับการศึกษาน้อย นอกจากนี้ยังเน้นถึงความสำคัญของการรวมข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบของการ urbanization ที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพในแอฟริกา  .

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


According to the study, what impacts the number of publications in African urban ecology?

The GDP of the countries

จำนวนการเผยแพร่ผลงานวิจัยในด้านนิเวศวิทยาเมืองของแอฟริกาถูกกำหนดโดย GDP ของประเทศ เนื่องจากประเทศที่มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมักมีทรัพยากรทางการเงินที่มากขึ้นในการสนับสนุนการวิจัย การมีเงินทุนมากขึ้นช่วยให้สามารถดำเนินการวิจัยและเผยแพร่ผลลัพธ์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ ประเทศที่มี GDP สูงมักมีโครงสร้างพื้นฐานการวิจัยที่พัฒนาไปมาก, การเข้าถึงข้อมูลที่ดีขึ้น, และการสนับสนุนจากสถาบันการศึกษาที่ดีกว่า ซึ่งนำไปสู่การเผยแพร่ผลงานวิจัยในปริมาณที่มากขึ้น  .

จากการศึกษา จำนวนการเผยแพร่ผลงานวิจัยในด้านนิเวศวิทยาเมืองในแอฟริกาถูกกำหนดโดย GDP ของประเทศ และ ขนาดและสถานะการอนุรักษ์ของระบบนิเวศ โดยประเทศที่มี GDP สูงมักมีทรัพยากรในการวิจัยมากกว่า เช่น เงินทุนและโครงสร้างพื้นฐานทางการวิจัย ซึ่งช่วยส่งเสริมการศึกษาและการเผยแพร่ข้อมูล นอกจากนี้ ระบบนิเวศที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ยังดึงดูดความสนใจของนักวิจัยมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจและคุณค่าของการอนุรักษ์มีบทบาทสำคัญในการผลักดันความพยายามด้านการวิจัยในแอฟริกา  .

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 99.5 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา