1 |
โรคหัวใจและหลอดเลือดประเภทหลัก ๆ (CVD) ที่กล่าวถึงในบทความนี้มีอะไรบ้าง
|
จากทั้งหมดที่กล่าวมา |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
วัสดุชีวภาพใดที่มีลักษณะพิเศษในการจำรูปร่างและมักใช้ในขดลวด
|
โลหะผสมนิกเกิล-ไทเทเนียม (นิทินอล) |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
ประโยชน์หลักของการใช้ขดลวดที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพเหนือขดลวดโลหะแบบดั้งเดิมคืออะไร?
|
การสนับสนุนชั่วคราวและการย่อยสลายอย่างค่อยเป็นค่อยไป |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
ข้อเสียเปรียบหลักของขดลวดโพลีเมอร์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น PLA/PGA คืออะไร
|
การมีอยู่อย่างถาวรในร่างกาย |
|
โพลิเมอร์ใช่เวลาในการย่อยสลายนาน
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
วัสดุชีวภาพประเภทใดที่เหมาะกับความเข้ากันได้ทางชีวภาพในการใช้งานด้านหัวใจและหลอดเลือด
|
วัสดุชีวภาพจากธรรมชาติ |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
ขดลวดเมมโมรีอัลลอยด์ได้รับการออกแบบให้คืนรูปทรงเดิมที่อุณหภูมิที่กำหนด หากการเปลี่ยนเฟสที่อุณหภูมิสูงของขดลวดเกิดขึ้นที่ 50°C จุดเปลี่ยนในหน่วยฟาเรนไฮต์คือเท่าใด
|
122°F |
|
แปลงองศาเป็นฟาเรนไฮต์
|
จากสูตร F=9/5C+32
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
ขดลวดที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพจะลดลงในอัตรา 7% ต่อเดือน ถ้ามวลขดลวดเริ่มต้นคือ 120 กรัม หลังจากผ่านไป 4 เดือน มวลของขดลวดจะเป็นเท่าใด
|
90.43 กรัม |
|
จากการคำนวณ:
มวลสุดท้าย = 120 × (0.93)^4
มวลสุดท้าย ≈ 120 × 0.7513
มวลสุดท้าย ≈ 90.16 กรัม
ตัวเลือกที่ใกล้เคียงที่สุดคือ **90.43 กรัม**.
|
จากการคำนวณ:
มวลสุดท้าย = 120 × (0.93)^4
มวลสุดท้าย ≈ 120 × 0.7513
มวลสุดท้าย ≈ 90.16 กรัม
ตัวเลือกที่ใกล้เคียงที่สุดคือ **90.43 กรัม**.
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
ขดลวดเมมโมรีอัลลอยด์ถูกบีบอัดที่อุณหภูมิห้อง (25°C) จากนั้นขยายเป็นรูปร่างเดิมที่อุณหภูมิร่างกาย (37°C) ถ้าความจุความร้อนจำเพาะของโลหะผสมคือ 0.45 J/ g°C และมวลของขดลวดคือ 60 กรัม ต้องใช้ความร้อนปริมาณเท่าใด
|
225 J |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
หากจำเป็นต้องปลูกถ่ายหลอดเลือดในหลอดเลือดแดงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 มม. และกราฟต์ขยายเป็น 1.8 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเดิม เส้นผ่านศูนย์กลางสุดท้ายของกราฟต์คือเท่าใด?
|
7.2 มม. |
|
หากจำเป็นต้องปลูกถ่ายหลอดเลือดในหลอดเลือดแดงที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 มม. และกราฟต์ขยายเป็น 1.8 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางเดิม เส้นผ่านศูนย์กลางสุดท้ายของกราฟต์คือเท่าใด?
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
วัสดุชีวภาพโพลีเมอร์จะสลายตัวในอัตราสัดส่วนกับมวลที่เหลืออยู่ หากมวลเริ่มต้นคือ 150 กรัม และลดลงเหลือ 105 กรัมในหนึ่งเดือน ค่าคงที่การสลายตัว kkk เป็นเท่าใดหากสมมติจลนศาสตร์ลำดับที่หนึ่ง
|
0.357 |
|
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
ประโยชน์หลักของการใช้วัสดุนาโนในการรักษาบาดแผลคืออะไร?
|
การส่งมอบยาแบบกำหนดเป้าหมายและการปล่อยยาเป็นเวลานาน |
|
ทฤษฎีหลักคิดในการใช้วัสดุนาโนในการรักษาบาดแผล
1. การส่งมอบยาแบบกำหนดเป้าหมาย (Targeted Drug Delivery): วัสดุนาโนสามารถถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติเฉพาะที่ช่วยในการมุ่งส่งยาไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากอนุภาคนาโนมีขนาดเล็กมาก จึงสามารถเข้าถึงเซลล์และเนื้อเยื่อที่ยากต่อการเข้าถึงด้วยวิธีการรักษาแบบเดิม ๆ การส่งมอบยาแบบกำหนดเป้าหมายนี้ช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการกระจายของยาไปยังส่วนอื่นของร่างกายและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
2. การปล่อยยาเป็นเวลานาน (Sustained Release): วัสดุนาโนสามารถออกแบบให้มีระบบการปล่อยยาที่ควบคุมได้ ซึ่งหมายความว่ายาจะถูกปล่อยออกมาในปริมาณที่คงที่และต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการให้ยาเป็นประจำและเพิ่มความสะดวกในการรักษา โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาบ่อย ๆ
การนำวัสดุนาโนมาใช้ในทางการแพทย์จึงมีผลต่อการพัฒนาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถปรับปรุงผลลัพธ์การรักษาได้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการที่ไม่ใช้วัสดุนาโน
|
ทฤษฎีหลักคิดในการใช้วัสดุนาโนในการรักษาบาดแผล
1. การส่งมอบยาแบบกำหนดเป้าหมาย (Targeted Drug Delivery): วัสดุนาโนสามารถถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติเฉพาะที่ช่วยในการมุ่งส่งยาไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากอนุภาคนาโนมีขนาดเล็กมาก จึงสามารถเข้าถึงเซลล์และเนื้อเยื่อที่ยากต่อการเข้าถึงด้วยวิธีการรักษาแบบเดิม ๆ การส่งมอบยาแบบกำหนดเป้าหมายนี้ช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการกระจายของยาไปยังส่วนอื่นของร่างกายและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
2. การปล่อยยาเป็นเวลานาน (Sustained Release): วัสดุนาโนสามารถออกแบบให้มีระบบการปล่อยยาที่ควบคุมได้ ซึ่งหมายความว่ายาจะถูกปล่อยออกมาในปริมาณที่คงที่และต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งช่วยลดความจำเป็นในการให้ยาเป็นประจำและเพิ่มความสะดวกในการรักษา โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาบ่อย ๆ
การนำวัสดุนาโนมาใช้ในทางการแพทย์จึงมีผลต่อการพัฒนาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสามารถปรับปรุงผลลัพธ์การรักษาได้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการที่ไม่ใช้วัสดุนาโน
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
วัสดุนาโนชนิดใดขึ้นชื่อในเรื่องฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ดีเยี่ยมและความสามารถในการส่งเสริมการสมานแผล
|
อนุภาคนาโนเงิน |
|
อนุภาคนาโนเงิน (Nano-silver) ถูกเลือกเนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นในการต้านเชื้อแบคทีเรียและการส่งเสริมการสมานแผล:
1. **ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย**: อนุภาคนาโนเงินมีความสามารถในการทำลายเซลล์แบคทีเรียโดยการปล่อยไอออนเงินที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในแผล
2. **การส่งเสริมการสมานแผล**: การใช้อนุภาคนาโนเงินในวัสดุแผลช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ซึ่งช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
3. **ความปลอดภัยและการใช้งาน**: อนุภาคนาโนเงินสามารถใช้งานได้ง่ายในผลิตภัณฑ์แผลและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งทำให้เป็นทางเลือกที่ดีในการพัฒนาวัสดุทางการแพทย์สำหรับการรักษาแผล
ดังนั้น อนุภาคนาโนเงินจึงเหมาะสมที่สุดในการใช้ในวัสดุนาโนสำหรับการรักษาบาดแผลเนื่องจากคุณสมบัติเหล่านี้
|
ทฤษฎีหลักคิดในการใช้อนุภาคนาโนเงิน (Nano-silver) สำหรับการรักษาบาดแผลประกอบด้วย:
1. **การต้านเชื้อแบคทีเรีย**: อนุภาคนาโนเงินมีความสามารถในการปล่อยไอออนเงิน (Ag+) ซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยการทำลายผนังเซลล์และการยับยั้งกระบวนการทางชีวเคมีภายในเซลล์แบคทีเรีย ทำให้ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงการติดเชื้อในแผล
2. **การส่งเสริมการสมานแผล**: อนุภาคนาโนเงินสามารถกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและการฟื้นฟูด้วยการปล่อยสารที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์และการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ซึ่งช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
3. **การกระจายและการใช้**: เนื่องจากขนาดเล็กของอนุภาคนาโนเงิน ทำให้สามารถกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอในวัสดุแผล ซึ่งทำให้การปล่อยไอออนเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคงที่
ทฤษฎีหลักคิดนี้อธิบายถึงกลไกการทำงานของอนุภาคนาโนเงินในแง่ของการป้องกันการติดเชื้อและการสนับสนุนการสมานแผล ซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีในด้านการรักษาบาดแผลและการพัฒนาวัสดุทางการแพทย์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
อะไรคือความท้าทายหลักที่เกี่ยวข้องกับวัสดุนาโนในการรักษาบาดแผล?
|
ความเป็นพิษและผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น |
|
ความเป็นพิษและผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นเป็นความท้าทายหลักที่เกี่ยวข้องกับวัสดุนาโนในการรักษาบาดแผล เนื่องจากวัสดุนาโนมีขนาดเล็กและอาจถูกดูดซึมหรือส่งผลกระทบต่อร่างกายในระดับเซลล์และโมเลกุล การศึกษาความปลอดภัยและความเป็นพิษของวัสดุนาโนจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
|
ทฤษฎีหลักคิดที่เกี่ยวข้องกับความท้าทายของวัสดุนาโนในการรักษาบาดแผลเน้นที่ความเป็นพิษและผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้วัสดุนาโนในระบบชีวภาพ:
1. **ขนาดและการแทรกซึม**: วัสดุนาโนมีขนาดเล็กมาก ซึ่งทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่เซลล์หรือเนื้อเยื่อได้ง่าย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการสะสมในอวัยวะสำคัญหรือระบบชีวภาพต่าง ๆ
2. **ความเป็นพิษทางชีวภาพ**: ขนาดเล็กของอนุภาคนาโนอาจทำให้วัสดุมีฤทธิ์ทางเคมีที่ไม่คาดคิด เช่น การปล่อยสารพิษหรือเกิดปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายต่อเซลล์หรือเนื้อเยื่อ
3. **ผลกระทบที่ไม่คาดคิด**: การใช้วัสดุนาโนในทางการแพทย์ต้องคำนึงถึงผลกระทบระยะยาวที่อาจไม่ชัดเจนในระยะแรก เช่น การสะสมของอนุภาคในร่างกายที่อาจทำให้เกิดโรคหรือปัญหาสุขภาพในอนาคต
การศึกษาและทำความเข้าใจความเป็นพิษของวัสดุนาโนจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้วัสดุนาโนในการรักษาบาดแผลจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
บทบาทของอนุภาคนาโนทองคำในการรักษาบาดแผลดังที่กล่าวไว้ในบทความคืออะไร?
|
ลดการอักเสบและส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ |
|
ลดอาการอักเสบ
|
ทฤษฎีหลักคิดสำหรับบทบาทของอนุภาคนาโนทองคำในการรักษาบาดแผลมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดการอักเสบ:
1. **การลดการอักเสบ**: อนุภาคนาโนทองคำสามารถมีบทบาทในการลดการอักเสบโดยการควบคุมการปล่อยสารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น การลดการผลิตไซโตไคน์ที่กระตุ้นการอักเสบ ซึ่งทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้นและลดอาการบวมและความเจ็บปวด
2. **การส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่**: อนุภาคนาโนทองคำสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมของเซลล์ โดยการกระตุ้นการแบ่งเซลล์และการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งช่วยในการเร่งกระบวนการรักษาบาดแผลและทำให้การซ่อมแซมเนื้อเยื่อมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. **การกระตุ้นการตอบสนองของเซลล์**: อนุภาคนาโนทองคำสามารถกระตุ้นการตอบสนองของเซลล์ผิวหนังและเซลล์ภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยในการปรับปรุงกระบวนการรักษาและทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้น
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ อนุภาคนาโนทองคำมีศักยภาพในการเป็นส่วนสำคัญในวัสดุสำหรับการรักษาบาดแผล ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
คุณสมบัติใดของวัสดุนาโนที่ช่วยให้สามารถโต้ตอบกับกระบวนการทางชีววิทยาในระดับเซลล์และโมเลกุลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
|
อัตราส่วนพื้นผิวต่อปริมาตรสูงและคุณสมบัติพื้นผิวที่ปรับแต่งได้ |
|
ทฤษฎีหลักคิดสำหรับการตอบคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของวัสดุนาโนที่ช่วยให้สามารถโต้ตอบกับกระบวนการทางชีววิทยาในระดับเซลล์และโมเลกุลได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ:
**อัตราส่วนพื้นผิวต่อปริมาตรสูงและคุณสมบัติพื้นผิวที่ปรับแต่งได้**
1. **อัตราส่วนพื้นผิวต่อปริมาตรสูง**:
- วัสดุนาโนมีพื้นที่ผิวที่สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมสูงเนื่องจากขนาดที่เล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาตรที่น้อย ทำให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสารชีวโมเลกุล (เช่น โปรตีน หรือ ลิแกนด์) ได้มากขึ้น และมีประสิทธิภาพในการทำปฏิกิริยาทางเคมีหรือทางชีววิทยาที่ต้องการพื้นที่ผิวสัมผัสมาก.
2. **คุณสมบัติพื้นผิวที่ปรับแต่งได้**:
- การปรับเปลี่ยนคุณสมบัติพื้นผิวของวัสดุนาโน เช่น การเคลือบด้วยสารชีวภาพหรือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นผิว ทำให้วัสดุสามารถจับกับเซลล์หรือโมเลกุลเป้าหมายได้ดีขึ้น การปรับแต่งนี้ช่วยให้วัสดุนาโนสามารถทำงานได้ตามที่ต้องการในระบบชีวภาพ เช่น การส่งมอบยา การตรวจจับ หรือการรักษาโรค.
การรวมกันของคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้วัสดุนาโนมีความสามารถพิเศษในการมีปฏิสัมพันธ์กับกระบวนการชีวภาพในระดับเซลล์และโมเลกุล โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาหรือการจัดส่งยาในทางการแพทย์.
|
ทฤษฎีหลักคิดสำหรับการตอบคำถามเกี่ยวกับคุณสมบัติของวัสดุนาโนที่ช่วยให้สามารถโต้ตอบกับกระบวนการทางชีววิทยาในระดับเซลล์และโมเลกุลได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ:
**อัตราส่วนพื้นผิวต่อปริมาตรสูงและคุณสมบัติพื้นผิวที่ปรับแต่งได้**
1. **อัตราส่วนพื้นผิวต่อปริมาตรสูง**:
- วัสดุนาโนมีพื้นที่ผิวที่สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมสูงเนื่องจากขนาดที่เล็ก เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาตรที่น้อย ทำให้สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสารชีวโมเลกุล (เช่น โปรตีน หรือ ลิแกนด์) ได้มากขึ้น และมีประสิทธิภาพในการทำปฏิกิริยาทางเคมีหรือทางชีววิทยาที่ต้องการพื้นที่ผิวสัมผัสมาก.
2. **คุณสมบัติพื้นผิวที่ปรับแต่งได้**:
- การปรับเปลี่ยนคุณสมบัติพื้นผิวของวัสดุนาโน เช่น การเคลือบด้วยสารชีวภาพหรือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นผิว ทำให้วัสดุสามารถจับกับเซลล์หรือโมเลกุลเป้าหมายได้ดีขึ้น การปรับแต่งนี้ช่วยให้วัสดุนาโนสามารถทำงานได้ตามที่ต้องการในระบบชีวภาพ เช่น การส่งมอบยา การตรวจจับ หรือการรักษาโรค.
การรวมกันของคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้วัสดุนาโนมีความสามารถพิเศษในการมีปฏิสัมพันธ์กับกระบวนการชีวภาพในระดับเซลล์และโมเลกุล โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาหรือการจัดส่งยาในทางการแพทย์.
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
วัสดุปิดแผลที่มีอนุภาคนาโนเงิน ( AgNPs ) ถูกนำไปใช้กับบาดแผล หากอนุภาคนาโนเงินปล่อยไอออนในอัตรา 0.5 มก./วัน และมวลรวมของ AgNPs ในน้ำสลัดคือ 10 มก. น้ำสลัดจะมีประสิทธิภาพในการปล่อยไอออนเงินได้กี่วัน
|
20 วัน |
|
เดา
|
เดา
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
อนุภาคนาโนทองคำ (AuNPs) ถูกนำมาใช้ในการทำแผลเพื่อคุณสมบัติต้านการอักเสบ หากความจุความร้อนจำเพาะของ AuNPs เท่ากับ 0.129 J/ g°C และมวลของอนุภาคนาโนในน้ำสลัดคือ 5 กรัม จะต้องใช้ความร้อนเท่าใดในการเพิ่มอุณหภูมิของอนุภาคนาโนจาก 25°C เป็น 37°C
|
7.74 J |
|
เดา
|
เดา
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
วัสดุนาโนโพลีเมอร์สลายตัวในอัตราสัดส่วนกับมวลที่เหลืออยู่ หากมวลเริ่มต้นคือ 50 กรัม และลดลงเหลือ 35 กรัมในหนึ่งเดือน ค่าคงที่การสลายตัว kkk เป็นเท่าใดหากสมมติจลนศาสตร์ลำดับที่หนึ่ง
|
0.165 |
|
เดา
|
เดา
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
หากไฮโดรเจลที่ใช้สมานแผลปล่อยยาในอัตราคงที่ 2 มก./ชั่วโมง. และปริมาณยาเริ่มต้นคือ 100 มก. ไฮโดรเจลจะปล่อยยาได้นานแค่ไหน?
|
50 ชั่วโมง |
|
เอาอัตราคงที่ในการปล่อยยา 2 มก./ชั่วโมงมาหารกับปริมาณยาเริ่มต้นคือ 100 มก
|
เอาอัตราคงที่ในการปล่อยยา 2 มก./ชั่วโมงมาหารกับปริมาณยาเริ่มต้นคือ 100 มก
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
อนุภาคนาโนซิงค์ออกไซด์ ( ZnO NP) มีความเข้มข้น 0.5 กรัม/ลิตร หากคุณมีสารละลายนี้ 2 ลิตร จะมี ZnO NP อยู่ในสารละลาย กี่กรัม
|
1.0 กรัม |
|
คิดเลข
|
อ่านจากคำถาม
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|