ตรวจข้อสอบ > วรวิทร์ ไวยกัญญา > ชีววิทยาเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biology in Medical Science > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 18 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is the primary goal of contact tracing in public health?

To stop the spread of diseases by identifying and informing contacts

การติดตามผู้สัมผัส (Contact Tracing) เป็นกระบวนการที่สำคัญมากในการควบคุมโรคติดต่อ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว เช่น โรค COVID-19 จุดประสงค์หลัก คือการระบุบุคคลที่อาจสัมผัสกับผู้ป่วยเพื่อให้สามารถแจ้งเตือนและแนะนำมาตรการป้องกันได้ทันท่วงที ทำให้สามารถควบคุมการแพร่กระจายของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวเลือกอื่นๆ นั้นเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข แต่ไม่ได้เป็นจุดประสงค์หลักของการติดตามผู้สัมผัสโดยตรง

ระบาดวิทยา: เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเกิด การแพร่กระจาย และการควบคุมโรคในประชากร การติดตามผู้สัมผัสเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการศึกษาและควบคุมโรค การควบคุมโรคติดต่อ: เป็นกระบวนการที่มุ่งเน้นการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค การติดตามผู้สัมผัสเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ สุขอนามัยส่วนบุคคลและสาธารณะ: การติดตามผู้สัมผัสเป็นการส่งเสริมสุขอนามัยของทั้งบุคคลและชุมชน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


During the COVID-19 pandemic, what was one main reason people were motivated to isolate themselves after testing positive?

To avoid infecting others, particularly vulnerable populations

การกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด: สาเหตุหลักที่ผู้คนถูกกระตุ้นให้กักตัวหลังจากตรวจพบเชื้อ COVID-19 คือ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือเด็กเล็ก การกักตัวช่วยลดโอกาสในการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อผ่านละอองฝอยหรือการสัมผัสสิ่งของปนเปื้อน ความรับผิดชอบต่อสังคม: การกักตัวเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของโรค และปกป้องสุขภาพของผู้อื่น นโยบายสาธารณะ: รัฐบาลหลายประเทศทั่วโลกได้ออกนโยบายบังคับให้ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ต้องกักตัว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

ทฤษฎีการป้องกันโรคติดต่อ: ทฤษฎีนี้เน้นความสำคัญของการป้องกันไม่ให้โรคแพร่กระจาย โดยมีมาตรการต่างๆ เช่น การกักตัว การเว้นระยะห่างทางสังคม และการสวมหน้ากากอนามัย จริยธรรมทางสาธารณสุข: จริยธรรมทางสาธารณสุขเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพของชุมชน และการกระทำที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม การกักตัวเป็นการปฏิบัติตามหลักจริยธรรมทางสาธารณสุข เพื่อปกป้องสุขภาพของคนส่วนใหญ่ พฤติกรรมสุขภาพ: พฤติกรรมสุขภาพของบุคคลได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความรู้ ความเชื่อ และแรงจูงใจ การตัดสินใจที่จะกักตัวเป็นผลมาจากความเข้าใจถึงความสำคัญของการป้องกันการแพร่ระบาด และความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


What method was commonly used for focus group discussions in the study on COVID-19 contact tracing?

Virtual, synchronous meetings

ความปลอดภัยและป้องกันการแพร่ระบาด: ในช่วงที่มีการระบาดของโรค COVID-19 การจัดประชุมแบบออนไลน์ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่กระจายโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสะดวกและเข้าถึงได้ง่าย: ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าร่วมการประชุมได้จากทุกที่ที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้สะดวกและเข้าถึงได้ง่ายกว่าการจัดประชุมแบบพบหน้ากัน การบันทึกข้อมูล: การประชุมออนไลน์สามารถบันทึกเสียงและวิดีโอได้ ทำให้สามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ซ้ำได้หลายครั้ง การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ: โปรแกรมที่ใช้ในการประชุมออนไลน์หลายโปรแกรมมีฟังก์ชันในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น การนับจำนวนครั้งที่ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ

ทฤษฎีการสื่อสาร: การประชุมออนไลน์เป็นการสื่อสารแบบสองทางที่ผู้เข้าร่วมสามารถโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของทฤษฎีการสื่อสาร ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม: การได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่นในกลุ่มสนทนา ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่นและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองได้ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม หลักการของการวิจัยเชิงคุณภาพ: การจัดกลุ่มสนทนาเป็นหนึ่งในวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพที่มุ่งเน้นการสำรวจความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้คน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการของการวิจัยเชิงคุณภาพ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


What factor did NOT influence the success of case investigation and contact tracing according to the article?

The color of the quarantine facilities

ความไม่เกี่ยวข้องโดยตรง: สีของสถานที่กักกันเป็นปัจจัยทางกายภาพที่มองเห็นได้ แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าสีมีผลต่อประสิทธิภาพของการสอบสวนคดีหรือการติดตามผู้สัมผัส ปัจจัยสำคัญอื่นๆ: ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของกระบวนการเหล่านี้มีหลายด้าน เช่น ความพร้อมของการตรวจสอบ ความร่วมมือของประชาชน การเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อถือได้ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ จิตวิทยา: แม้ว่าสีจะมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกของคน แต่ผลกระทบนี้ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงและขึ้นอยู่กับปัจบุคคลและวัฒนธรรม การใช้สีในการออกแบบสถานที่กักกันอาจมีผลต่อสภาพจิตใจของผู้ถูกกักกัน แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กำหนดความสำเร็จของการสอบสวนคดี

ทฤษฎีสุขภาพสาธารณะ: ทฤษฎีนี้เน้นความสำคัญของปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพของประชากร ทฤษฎีการสื่อสาร: ทฤษฎีนี้ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการสื่อสารและผลกระทบของการสื่อสารต่อพฤติกรรมของมนุษย์ ทฤษฎีจิตวิทยา: ทฤษฎีนี้ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ อารมณ์ ความรู้สึก และความคิด ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้คนในสถานการณ์ต่างๆ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


Which demographic factor was reported to affect the experiences and behaviors of individuals regarding CI/CT?

Type of employment

บทบาทในองค์กร: ประเภทของการทำงานเกี่ยวข้องโดยตรงกับบทบาทและความรับผิดชอบของบุคคลในองค์กร ซึ่งส่งผลต่อการเข้าถึงเทคโนโลยี CI/CT, การฝึกอบรม, และความคาดหวังในการนำไปใช้งาน วัฒนธรรมองค์กร: องค์กรต่างๆ มีวัฒนธรรมในการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงทัศนคติที่มีต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ การยอมรับความเสี่ยง และการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวัฒนธรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อการรับรู้และการใช้ CI/CT ของพนักงาน ทักษะและความรู้: ประเภทของการทำงานมักจะกำหนดทักษะและความรู้เฉพาะทางที่บุคคลต้องมี ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการใช้งานและประเมินประสิทธิภาพของ CI/CT แรงจูงใจ: ประเภทของการทำงานอาจส่งผลต่อแรงจูงใจในการเรียนรู้และนำ CI/CT ไปใช้ เช่น พนักงานในสายงานวิศวกรรมอาจมีความสนใจและแรงจูงใจในการใช้เครื่องมือ CI/CT มากกว่าพนักงานในสายงานอื่นๆ

ทฤษฎีพฤติกรรมองค์กร (Organizational Behavior Theory): ทฤษฎีนี้เน้นศึกษาพฤติกรรมของบุคคลในองค์กร ซึ่งรวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อพฤติกรรม เช่น วัฒนธรรมองค์กร บทบาทในองค์กร และแรงจูงใจ ทฤษฎีการยอมรับเทคโนโลยี (Technology Acceptance Model - TAM): ทฤษฎีนี้ใช้ในการทำความเข้าใจว่าบุคคลจะยอมรับและใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือไม่ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความง่ายในการใช้งาน (ease of use) และประโยชน์ที่ได้รับ (perceived usefulness) ทฤษฎีการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ (Adult Learning Theory): ทฤษฎีนี้เน้นศึกษาหลักการและกระบวนการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรเกี่ยวกับ CI/CT

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


What did participants report feeling after learning they were exposed to COVID-19?

Worry about their health and that of their contacts

ความไม่แน่นอนและความเสี่ยง: เมื่อทราบว่าสัมผัสเชื้อ COVID-19 จะเกิดความไม่แน่นอนสูงเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่จะตามมา เช่น อาการป่วยรุนแรงแค่ไหน จะแพร่เชื้อให้ผู้อื่นหรือไม่ ซึ่งความไม่แน่นอนนี้มักก่อให้เกิดความวิตกกังวล ผลกระทบต่อสุขภาพ: COVID-19 เป็นโรคติดเชื้อที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้หลากหลายระดับตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต การตระหนักถึงความเสี่ยงนี้ย่อมก่อให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง ความรับผิดชอบต่อผู้อื่น: ผู้ที่ทราบว่าสัมผัสเชื้อมักกังวลว่าจะแพร่เชื้อให้กับคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนในสังคม ซึ่งเป็นความรู้สึกผิดชอบที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวล ความไม่รู้: ในช่วงแรกของการระบาด มีข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 ค่อนข้างจำกัด ทำให้ผู้คนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคนี้สูง

Stress and Coping Theory: ทฤษฎีนี้กล่าวถึงปฏิกิริยาของมนุษย์ต่อสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียด การทราบว่าสัมผัสเชื้อ COVID-19 เป็นสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดสูง ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายและจิตใจมีปฏิกิริยาตอบสนอง เช่น ความวิตกกังวล Health Belief Model: ทฤษฎีนี้ใช้ในการทำความเข้าใจพฤติกรรมด้านสุขภาพของบุคคล เมื่อบุคคลรับรู้ถึงความรุนแรงของโรคและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง จะมีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และมีพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรค ซึ่งรวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพด้วย Social Cognitive Theory: ทฤษฎีนี้เน้นย้ำถึงบทบาทของปัจจัยทางสังคมในการกำหนดพฤติกรรมของบุคคล การเห็นข่าวสารเกี่ยวกับ COVID-19 และการพูดคุยกับผู้อื่นเกี่ยวกับโรคนี้ จะส่งผลต่อความเชื่อและความรู้สึกของบุคคลเกี่ยวกับโรค ซึ่งอาจนำไปสู่ความวิตกกังวล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


What was a common source of information for participants when they learned about their COVID-19 status?

Family, friends, and healthcare providers

ความน่าเชื่อถือ: โดยทั่วไปแล้วบุคคลมักจะให้ความเชื่อถือกับข้อมูลที่ได้รับจากคนใกล้ชิด เช่น ครอบครัว เพื่อน หรือผู้ให้บริการด้านสุขภาพ เนื่องจากเป็นแหล่งข้อมูลที่สามารถสอบถามและปรึกษาได้โดยตรง ความเข้าใจส่วนตัว: การได้รับข้อมูลจากคนใกล้ชิดจะช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ได้ดีขึ้น เนื่องจากสามารถอธิบายในภาษาที่เข้าใจง่ายและให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล การสนับสนุนทางอารมณ์: การได้รับกำลังใจและการสนับสนุนจากคนใกล้ชิดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บทบาทของผู้ให้บริการด้านสุขภาพ: ผู้ให้บริการด้านสุขภาพเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรค COVID-19 การได้รับข้อมูลจากแพทย์หรือพยาบาลจึงเป็นวิธีที่น่าเชื่อถือที่สุดในการเรียนรู้เกี่ยวกับสถานะของโรค

เครือข่ายทางสังคม (Social Network): ทฤษฎีนี้เน้นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งส่งผลต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการรับรู้ของแต่ละบุคคล ทฤษฎีการสื่อสาร: ทฤษฎีนี้ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการสื่อสารและปัจจัยที่มีผลต่อการรับรู้และการตีความข้อมูล สุขภาพสารสนเทศ (Health Information): ศึกษาเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพ การใช้ข้อมูล และผลกระทบของข้อมูลที่มีต่อสุขภาพและพฤติกรรมของบุคคล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


Which of the following was NOT a method for collecting data in the study described?

None of the above

จากตัวเลือกที่ให้มา ทั้งหมดล้วนเป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในงานวิจัย โดยแต่ละวิธีมีจุดเด่นและเหมาะสมกับการศึกษาในลักษณะที่แตกต่างกัน: สัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว: เหมาะสำหรับการเจาะลึกความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนบุคคล กลุ่มโฟกัสเสมือนจริง: ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มตัวอย่างที่กระจายตัวทางภูมิศาสตร์ และเก็บข้อมูลได้รวดเร็ว การสังเกตโดยตรงที่บ้าน: เหมาะสำหรับศึกษาพฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ในสภาพแวดล้อมจริง แบบสอบถาม: เป็นวิธีการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณที่รวดเร็วและสามารถเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมากได้ ดังนั้น หากไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยที่กล่าวถึง เราจึงไม่สามารถระบุได้ว่าวิธีการใดไม่ได้ถูกนำมาใช้

การเลือกใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลจะขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์ของการวิจัย และ กรอบแนวคิด ที่ใช้ในการศึกษา ตัวอย่างเช่น: ทฤษฎีการสร้างสรรค์แนวคิด (Grounded Theory): มักเน้นการใช้การสัมภาษณ์แบบเปิดและการสังเกตเพื่อสร้างแนวคิดใหม่ ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม: อาจเน้นการใช้การสังเกตโดยตรงเพื่อศึกษาพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง ทฤษฎีสำรวจ: มักใช้แบบสอบถามเพื่อเก็บข้อมูลเชิงปริมาณและวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


What ethical considerations were emphasized during the focus group discussions?

Ensuring privacy and voluntary participation

Ensuring Privacy And Voluntary Participation เป็นข้อพิจารณาทางจริยธรรมที่ถูกเน้นย้ำในการอภิปรายกลุ่มมากที่สุด เนื่องจาก: ความเป็นส่วนตัว: ข้อมูลที่ได้จากการอภิปรายกลุ่มเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ผู้เข้าร่วมอาจเปิดเผยความคิดเห็นหรือข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้บุคคลอื่นรู้ การรับรองความเป็นส่วนตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความไว้วางใจและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย การเข้าร่วมโดยสมัครใจ: ผู้เข้าร่วมทุกคนควรมีสิทธิที่จะตัดสินใจเข้าร่วมการอภิปรายกลุ่มโดยสมัครใจ ไม่ถูกบังคับหรือล่อลวงให้เข้าร่วม และมีสิทธิที่จะหยุดการเข้าร่วมได้ตลอดเวลา

หลักจริยธรรมในการวิจัย: เป็นหลักการที่กำหนดขอบเขตและแนวทางในการดำเนินการวิจัยอย่างเหมาะสม โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมการวิจัย หลักการของเบลมอนต์ (Belmont Report): เป็นหลักการทางจริยธรรมที่สำคัญในการวิจัยกับมนุษย์ ประกอบด้วย 3 หลักการหลัก ได้แก่ หลักการความเคารพบุคคล (Respect for persons): เน้นความสำคัญของการให้ความเคารพต่อความเป็นอิสระในการตัดสินใจของผู้เข้าร่วม และการปกป้องผู้ที่ไม่สามารถตัดสินใจได้เอง หลักการทำประโยชน์ (Beneficence): เน้นความสำคัญของการทำประโยชน์ให้กับสังคมและผู้เข้าร่วมการวิจัย และการลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย หลักการความยุติธรรม (Justice): เน้นความสำคัญของการกระจายผลประโยชน์และภาระของการวิจัยอย่างเป็นธรรม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


How did the availability of self-tests in 2021 impact the public health response to COVID-19?

It increased the speed at which people could learn their infection status

การมีชุดตรวจ COVID-19 แบบใช้เองในปี 2564 นั้นมีผลกระทบอย่างมากต่อการตอบสนองด้านสาธารณสุขต่อการระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเพิ่มความเร็วในการตรวจหาผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค เหตุผลที่สนับสนุนคำตอบนี้มีดังนี้: การเข้าถึงการตรวจที่รวดเร็ว: ชุดตรวจแบบใช้เองทำให้ผู้คนสามารถตรวจหาเชื้อได้ด้วยตนเองที่บ้านหรือสถานที่อื่นๆ โดยไม่ต้องรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ ทำให้ทราบผลได้รวดเร็วขึ้น การตัดสินใจส่วนบุคคล: ผู้คนสามารถใช้ผลตรวจเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง เช่น การกักตัว การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น ซึ่งช่วยลดโอกาสในการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น การระบุคลัสเตอร์: การตรวจหาเชื้อในวงกว้างและรวดเร็วช่วยให้สามารถระบุคลัสเตอร์ของผู้ติดเชื้อได้อย่างรวดเร็ว และดำเนินมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่นั้นได้ทันท่วงที การลดภาระของระบบสาธารณสุข: การตรวจหาเชื้อด้วยตนเองช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก

ทฤษฎีการควบคุมโรคติดต่อ: การตรวจหาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็วและการแยกผู้ป่วยออกจากชุมชนเป็นกลยุทธ์สำคัญในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ทฤษฎีพฤติกรรมสุขภาพ: การให้ความรู้และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจหาเชื้อและป้องกันโรคเป็นปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพของประชาชน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is urban ecology primarily concerned with?

The interactions between urban environments and ecosystems

นิยามของนิเวศวิทยาในเมือง: นิเวศวิทยาในเมืองเป็นสาขาหนึ่งของนิเวศวิทยาที่ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เมือง โดยให้ความสนใจกับปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างมนุษย์ สัตว์ พืช และสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ ขอบเขตการศึกษา: นักนิเวศวิทยาในเมืองศึกษาหลากหลายประเด็น เช่น ผลกระทบของการ urbanisation ต่อความหลากหลายทางชีวภาพ การเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติในเมือง การวางแผนเมืองที่ยั่งยืน และการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตต่อสภาพแวดล้อมในเมือง ความสำคัญ: การทำความเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างเมืองและระบบนิเวศมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมือง การวางแผนการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน และการสร้างเมืองที่น่าอยู่

ทฤษฎีระบบนิเวศ: เป็นพื้นฐานสำคัญของนิเวศวิทยาในเมือง โดยมองเมืองเป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อนที่มีการแลกเปลี่ยนพลังงานและวัตถุระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ทฤษฎีความหลากหลายทางชีวภาพ: ศึกษาความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพในเมืองและผลกระทบของการ urbanisation ต่อความหลากหลายนี้ ทฤษฎีการวิวัฒนาการ: อธิบายการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตต่อสภาพแวดล้อมในเมือง ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทฤษฎีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ: เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในเมืองอย่างยั่งยืน เช่น น้ำ อากาศ และพื้นที่สีเขียว เหตุผลที่ไม่ใช่ตัวเลือกอื่น: การศึกษาสภาพแวดล้อมชนบท: นิเวศวิทยาในเมืองเน้นศึกษาสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ใช่สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน: เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา แต่ไม่ใช่แก่นแท้ของนิเวศวิทยาในเมือง การเติบโตทางเศรษฐกิจ: เป็นผลลัพธ์ของการพัฒนาเมือง แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของการศึกษา ระบบการเมือง: มีผลกระทบต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมในเมือง แต่ไม่ใช่แก่นแท้ของนิเวศวิทยาในเมือง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Which continent is noted as rapidly urbanizing within the study?

Asia

ประชากรจำนวนมาก: เอเชียเป็นทวีปที่มีประชากรมากที่สุดในโลก การเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เกิดการอพยพเข้าเมืองเพื่อหางานและโอกาสที่ดีกว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจ: หลายประเทศในเอเชียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ซึ่งดึงดูดทั้งแรงงานและทุนการลงทุนเข้าสู่เมืองใหญ่ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม เช่น การเพิ่มขึ้นของการศึกษาและการเข้าถึงเทคโนโลยี ส่งผลให้คนรุ่นใหม่มีความต้องการในการใช้ชีวิตในเมืองมากขึ้น นโยบายภาครัฐ: นโยบายของรัฐบาลหลายประเทศในเอเชียที่สนับสนุนการเติบโตของเมือง เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมอุตสาหกรรมในเมือง ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ

ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Theory of Social Change): ทฤษฎีนี้ช่วยอธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เช่น การเติบโตของเมือง เกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ทฤษฎีระบบโลก (World-Systems Theory): ทฤษฎีนี้มองว่าโลกเป็นระบบเศรษฐกิจเดียวที่เชื่อมโยงกัน และการเติบโตของเมืองในประเทศกำลังพัฒนาเป็นผลมาจากการรวมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก ทฤษฎีการพัฒนา (Development Theory): ทฤษฎีนี้ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการพัฒนาของประเทศและสังคม โดยให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เกิดขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What significant bias is present in the study of urban ecology in Africa?

Limited to capital cities

ความหลากหลายของเมืองแอฟริกา: แอฟริกามีเมืองหลากหลายขนาด ตั้งแต่เมืองหลวงขนาดใหญ่ไปจนถึงเมืองเล็ก ๆ และชุมชนชนบท การจำกัดการศึกษาเพียงแค่เมืองหลวงอาจทำให้มองข้ามความหลากหลายทางนิเวศวิทยาและสังคมในพื้นที่อื่น ๆ ทรัพยากรและการสนับสนุน: การศึกษาในเมืองหลวงมักได้รับการสนับสนุนด้านทรัพยากรและงบประมาณมากกว่าเมืองอื่น ๆ ทำให้นักวิจัยมุ่งเน้นไปที่พื้นที่เหล่านี้ การเข้าถึงข้อมูล: ข้อมูลและข้อมูลเชิงสถิติเกี่ยวกับเมืองหลวงมักมีอยู่มากและเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมืองอื่น ๆ ทำให้นักวิจัยเลือกที่จะศึกษาในพื้นที่เหล่านี้ การละเลยปัญหาในเมืองอื่น ๆ: การละเลยการศึกษาในเมืองอื่น ๆ อาจทำให้มองข้ามปัญหาเฉพาะทางด้านนิเวศวิทยาและสังคมที่เกิดขึ้นในพื้นที่เหล่านั้น เช่น ปัญหาการจัดการขยะ การขาดแคลนน้ำสะอาด หรือการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน

ทฤษฎีระบบนิเวศเมือง (Urban Ecosystem Theory): ทฤษฎีนี้เน้นความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทางธรรมชาติและสังคมในเมือง โดยมองเมืองเป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อน แนวคิดความยั่งยืนในเมือง (Urban Sustainability): แนวคิดนี้มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองที่ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อความสามารถของคนรุ่นอนาคตในการตอบสนองความต้องการของตนเอง แนวคิดความยุติธรรมทางสังคม (Social Justice): แนวคิดนี้เน้นความสำคัญของการกระจายผลประโยชน์จากการพัฒนาเมืองอย่างเท่าเทียมกัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


What factor did the study NOT find influencing research efforts in African urban ecology?

Urbanization intensity

ปัจจัยทั้งหมดมีศักยภาพที่จะมีผลต่อการวิจัย: GDP: ประเทศที่มี GDP สูงมักจะมีงบประมาณสำหรับการวิจัยสูงตามไปด้วย ความเข้มข้นของการเมือง: นโยบายและความสนใจของรัฐบาลต่อสิ่งแวดล้อมมีผลต่อการสนับสนุนการวิจัย สถานะการอนุรักษ์: พื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงหรือปัญหาสิ่งแวดล้อมรุนแรงมักดึงดูดความสนใจในการวิจัย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี: เทคโนโลยีใหม่ๆ ช่วยให้การวิจัยทำได้ง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การกระจายทางภูมิศาสตร์: การกระจายของการศึกษาบ่งบอกถึงความสนใจและความสำคัญที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่

ทฤษฎีระบบนิเวศ: ช่วยให้เข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ทฤษฎีการพัฒนาที่ยั่งยืน: เน้นความสำคัญของการรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อระบบนิเวศในเมือง ทฤษฎีการวางแผนเชิงพื้นที่: เกี่ยวข้องกับการจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินในเมือง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


Which method was used to gather data for the study?

All of the above

ในการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ การเก็บรวบรวมข้อมูลมักไม่จำกัดอยู่เพียงวิธีการเดียว วิธีการที่หลากหลายจะช่วยให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือมากขึ้น ดังนั้นการตอบว่า "ทั้งหมดข้างต้น" จึงเป็นคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุด Direct Observations: เหมาะสำหรับการศึกษาพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริงในสถานการณ์จริง Experimental Methods: ใช้ในการทดลองเพื่อหาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปร Literature Review: ช่วยให้เข้าใจงานวิจัยก่อนหน้าและสร้างกรอบแนวคิดสำหรับการศึกษา Surveys and Interviews: ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมากและเจาะลึกความคิดเห็นของบุคคล

การเลือกใช้ทฤษฎีและแนวคิดในการอ้างอิงจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และขอบเขตของการวิจัย แต่โดยทั่วไปแล้ว ทฤษฎีและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่: ทฤษฎีการวัด: เกี่ยวข้องกับการสร้างเครื่องมือวัดที่เชื่อถือได้และมีความถูกต้อง ทฤษฎีการสุ่มตัวอย่าง: เกี่ยวข้องกับการเลือกกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนของประชากร ทฤษฎีการวิเคราะห์ข้อมูล: เกี่ยวข้องกับการเลือกวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลที่เหมาะสมกับประเภทของข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


What does the study suggest is needed for urban ecology research in Africa?

A realignment of research priorities

ความเฉพาะเจาะจงของปัญหา: ปัญหาสิ่งแวดล้อมในเมืองแอฟริกามีความหลากหลายและแตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ เช่น ปัญหาขยะ การขาดแคลนน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญของการวิจัยจะช่วยให้การวิจัยมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดในท้องถิ่น การมีส่วนร่วมของชุมชน: การวิจัยควรมีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเพื่อให้ผลการวิจัยสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และสามารถแก้ไขปัญหาที่ชุมชนเผชิญอยู่ การสร้างความร่วมมือ: การวิจัยควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างนักวิจัยในท้องถิ่น นักวิจัยต่างชาติ และองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างฐานความรู้ที่แข็งแกร่งและสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว

นิเวศวิทยาเมือง: ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เมือง ระบบนิเวศ: ระบบที่ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต และมีปฏิสัมพันธ์กัน ความยั่งยืน: การพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการของปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อความสามารถของคนรุ่นหลังในการตอบสนองความต้องการของตนเอง วิทยาศาสตร์แบบมีส่วนร่วม: การวิจัยที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดปัญหา การออกแบบการวิจัย และการนำผลการวิจัยไปใช้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


Which country was mentioned as having the majority of the studies?

South Africa

จากการศึกษาของ [ชื่อผู้เขียน] ในปี [ปีที่ตีพิมพ์] พบว่า South Africa มีจำนวนการศึกษาทางด้าน [สาขาการศึกษา] มากกว่าประเทศอื่นๆ ในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับ [หัวข้อการศึกษา] ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่ South Africa มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ทำให้มีนักวิชาการให้ความสนใจในการศึกษาประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้ องค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งยังให้การสนับสนุนการวิจัยใน South Africa อีกด้วย"

ทฤษฎีการพัฒนา: เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาการศึกษาในแต่ละประเทศ เช่น นโยบายรัฐบาล สภาพเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ทฤษฎีการเรียนรู้: เพื่อวิเคราะห์วิธีการเรียนรู้และการสอนที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทฤษฎีสังคมวิทยา: เพื่อวิเคราะห์ปัจจัยทางสังคมที่ส่งผลต่อการเข้าถึงการศึกษา เช่น เพศ เชื้อชาติ และฐานะทางเศรษฐกิจ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


How did the study categorize the geographic biases in research?

Unevenly distributed

ความเป็นจริง: ในการวิจัยทางสังคมศาสตร์และภูมิศาสตร์ การกระจายตัวของข้อมูลมักไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความหนาแน่นของประชากร, การเข้าถึงทรัพยากร, หรือความสนใจของนักวิจัย ความครอบคลุม: ตัวเลือกนี้ครอบคลุมรูปแบบของอคติทางภูมิศาสตร์ได้กว้างที่สุด อาจหมายถึงการให้ความสำคัญกับพื้นที่บางแห่งมากเกินไป หรือละเลยพื้นที่อื่นๆ ไป ตัวเลือกอื่นๆ: Randomly Dispersed: ไม่น่าจะเป็นไปได้ในโลกจริง เนื่องจากปัจจัยทางสังคมและภูมิศาสตร์มักมีอิทธิพลต่อการกระจายตัวของข้อมูล Centrally Focused: อาจเกิดขึ้นได้ในบางกรณี เช่น การศึกษาที่เน้นเมืองใหญ่ แต่ไม่ครอบคลุมรูปแบบอคติอื่นๆ Predominantly Coastal: เป็นรูปแบบเฉพาะเจาะจง อาจเกิดขึ้นในงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับทะเลหรือชายฝั่ง Well Balanced: เป็นสถานการณ์ในอุดมคติที่ยากจะพบในโลกจริง

อคติทางตัวแปร (Confounding variable): ปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งกับตัวแปรอิสระและตัวแปรตาม ทำให้ผลการวิจัยบิดเบือนไปจากความเป็นจริง ตัวอย่างที่ไม่เป็นตัวแทน (Non-representative sample): กลุ่มตัวอย่างที่ไม่สะท้อนถึงลักษณะของประชากรทั้งหมด ทฤษฎีการสุ่มตัวอย่าง (Sampling theory): วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างเพื่อให้ได้ผลการวิจัยที่เชื่อถือได้ ภูมิศาสตร์เชิงสังคม (Social geography): ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์ทางสังคมกับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


What is a key recommendation from the study for improving urban ecology research in Africa?

Encourage transnational collaborations

ความซับซ้อนของปัญหาในเมือง: ปัญหานิเวศวิทยาในเมืองเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันในระดับโลก การร่วมมือข้ามชาติจะช่วยให้เข้าใจปัญหาได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น การแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากร: นักวิจัยจากประเทศต่างๆ จะนำความรู้ ทักษะ และทรัพยากรที่แตกต่างกันมาแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งจะช่วยให้การวิจัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น การสร้างเครือข่าย: การทำงานร่วมกันจะช่วยสร้างเครือข่ายนักวิจัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน: การร่วมมือข้ามชาติจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับที่กว้างขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น

ทฤษฎีระบบ: ปัญหานิเวศวิทยาในเมืองเป็นระบบที่ซับซ้อนและมีปฏิสัมพันธ์กัน การเข้าใจระบบเหล่านี้จำเป็นต้องมีมุมมองที่ครอบคลุม แนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน: การวิจัยนิเวศวิทยาในเมืองควรมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน ความหลากหลายทางชีวภาพ: ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาระบบนิเวศ การวิจัยควรให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในเมือง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


According to the study, what impacts the number of publications in African urban ecology?

Number of universities in a country

จำนวนมหาวิทยาลัยในประเทศ: ปัจจัยนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลต่อจำนวนสิ่งตีพิมพ์ เนื่องจากมหาวิทยาลัยเป็นแหล่งผลิตงานวิจัย และจำนวนมหาวิทยาลัยที่มากขึ้นอาจหมายถึงมีนักวิจัยมากขึ้น มีโครงการวิจัยมากขึ้น และโอกาสในการตีพิมพ์งานวิจัยก็มากขึ้นตามไปด้วย GDP ของประเทศ: GDP ที่สูงขึ้นอาจบ่งบอกถึงศักยภาพในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนด้านการศึกษาและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้น GDP จึงอาจมีผลต่อจำนวนสิ่งตีพิมพ์ได้ ความสนใจส่วนบุคคลของนักวิจัย: แม้ว่าความสนใจส่วนบุคคลจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการวิจัย แต่ปัจจัยนี้ค่อนข้างเฉพาะเจาะจงและยากที่จะวัดผลในระดับประเทศ ความมั่นคงทางการเมืองของประเทศ: ความมั่นคงทางการเมืองมีผลต่อสภาพแวดล้อมในการทำวิจัย หากประเทศมีความมั่นคงทางการเมืองสูง นักวิจัยจะสามารถทำงานวิจัยได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ จำนวนพื้นที่ชนบท: ปัจจัยนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการศึกษาทางนิเวศวิทยาโดยรวมมากกว่านิเวศวิทยาในเมืองโดยเฉพาะ

ทฤษฎีทุนมนุษย์ (Human Capital Theory): ทฤษฎีนี้เชื่อมโยงระหว่างการลงทุนในด้านการศึกษาและการฝึกอบรมกับผลผลิตทางเศรษฐกิจ โดยการมีจำนวนมหาวิทยาลัยที่มากขึ้นจะเพิ่มปริมาณของทุนมนุษย์ในประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดนวัตกรรมและผลงานวิจัยใหม่ๆ ทฤษฎีการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Growth Theory): ทฤษฎีนี้เชื่อมโยงระหว่างการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดย GDP ที่สูงขึ้นจะทำให้ประเทศมีงบประมาณในการสนับสนุนการวิจัยมากขึ้น ระบบนวัตกรรมแห่งชาติ (National Innovation System): ระบบนี้ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม เช่น มหาวิทยาลัย ภาคอุตสาหกรรม และรัฐบาล การมีระบบนวัตกรรมแห่งชาติที่เข้มแข็งจะส่งเสริมให้เกิดการผลิตงานวิจัยที่มีคุณภาพ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 92.75 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา