ตรวจข้อสอบ > รวิน ศรีบรรเทา > ความถนัดฟิสิกส์ทางวิศวกรรมศาสตร์ | Engineering Physics Aptitude > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 9 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is the primary advantage of 3D food printing?

Precise and customized food creations

ความแม่นยำสูง: เทคโนโลยีการพิมพ์อาหาร 3 มิติ สามารถควบคุมปริมาณและสัดส่วนของวัตถุดิบได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถสร้างสรรค์อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการตามที่ต้องการได้อย่างเป๊ะ ความหลากหลาย: สามารถออกแบบรูปร่างและลักษณะของอาหารได้อย่างอิสระ ไม่จำกัดอยู่แค่รูปแบบเดิมๆ ทำให้สามารถสร้างสรรค์อาหารที่มีรูปลักษณ์สวยงามและน่าสนใจได้ ปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะบุคคล: สามารถปรับเปลี่ยนสูตรอาหารและส่วนผสมได้ตามความต้องการของแต่ละบุคคล เช่น ผู้ที่แพ้อาหารบางชนิด ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

Additive Manufacturing: เทคโนโลยีการผลิตแบบเติมแต่ง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการพิมพ์ 3 มิติ ทำให้สามารถสร้างวัตถุสามมิติจากวัสดุที่เป็นชั้นๆ Food Engineering: วิศวกรรมอาหารที่นำหลักการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร Personalized Nutrition: โภชนาการส่วนบุคคลที่มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


Which component is NOT part of a standard 3D food printer?

Mixing bowl

กระบวนการทำงานของเครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติ: เครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติทำงานโดยการสร้างวัตถุสามมิติขึ้นมาทีละชั้น โดยการบีบวัสดุอาหารออกมาเป็นเส้นบางๆ แล้วเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ จนได้รูปร่างตามที่ต้องการ ส่วนประกอบหลัก: ส่วนประกอบหลักของเครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ (Computer): ใช้ในการควบคุมการทำงานของเครื่องพิมพ์ทั้งหมด กล่องควบคุม (Control box): เป็นส่วนที่ประมวลผลคำสั่งจากคอมพิวเตอร์และส่งต่อไปยังมอเตอร์ มอเตอร์ (Motors): ใช้ในการเคลื่อนย้ายหัวพิมพ์ไปตามแกน X, Y และ Z ซอฟต์แวร์ (Software): ใช้ในการออกแบบและสร้างคำสั่งในการพิมพ์ อ่างผสมไม่จำเป็น: อ่างผสมไม่ได้เป็นส่วนประกอบที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเครื่องพิมพ์อาหาร 3 มิติ เนื่องจากวัสดุอาหารที่ใช้ในการพิมพ์มักจะอยู่ในรูปแบบที่พร้อมใช้งานแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีการผสมก่อนการพิมพ์

หลักการทำงานของเครื่องพิมพ์ 3 มิติ: เครื่องพิมพ์ 3 มิติโดยทั่วไปทำงานบนพื้นฐานของเทคโนโลยีการผลิตแบบเติมแต่ง (Additive Manufacturing) ซึ่งเป็นกระบวนการสร้างวัตุขึ้นมาทีละชั้น วัสดุอาหารสำหรับพิมพ์ 3 มิติ: วัสดุอาหารที่ใช้ในการพิมพ์ 3 มิติมักจะเป็นวัสดุที่มีความหนืดสูง เช่น ช็อกโกแลต แป้ง หรือเจลาติน ซึ่งสามารถบีบออกมาเป็นเส้นได้ การออกแบบโมเดล 3 มิติ: การออกแบบโมเดล 3 มิติสำหรับการพิมพ์อาหารนั้นต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของวัสดุอาหารที่ใช้ เช่น ความหนืด ความแข็งแรง และความสามารถในการยึดเกาะกัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


If a 3D printer deposits a food layer with a thickness of 0.1 mm and builds up to a height of 20 mm, how many layers are required?

200

การหาร

ความหนาของแต่ละชั้น: 0.1 มิลลิเมตร ความสูงทั้งหมด: 20 มิลลิเมตร

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


A printer uses an extrusion process where the food material flows at a rate of 5 mm³/s. How long will it take to print a food item of 1000 mm³

200 seconds

อัตราการไหลคงที่: เราสมมติว่าอัตราการไหลของวัสดุคงที่ตลอดกระบวนการพิมพ์

หลักการอนุรักษ์มวล: ปริมาณวัสดุที่ใช้ในการพิมพ์ชิ้นงานจะเท่ากับปริมาตรของชิ้นงาน อัตราส่วน: ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรของชิ้นงาน อัตราการไหล และเวลา เป็นความสัมพันธ์เชิงเส้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


What role does rheology play in 3D food printing?

It controls the viscosity and elasticity of food in the extrusion process.

Rheology เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับการไหลและการเปลี่ยนรูปของสสาร เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการพิมพ์อาหาร 3 มิติ จะช่วยให้เราเข้าใจถึงพฤติกรรมของอาหารขณะถูกบีบออกมาจากหัวพิมพ์ (extrusion process) ความหนืด (viscosity) และ ความยืดหยุ่น (elasticity) เป็นคุณสมบัติทาง Rheology ที่สำคัญมากในการพิมพ์อาหาร 3 มิติ เพราะ ความหนืด: ควบคุมอัตราการไหลของอาหาร เมื่อความหนืดสูง อาหารจะไหลช้าลง ทำให้รูปร่างของสิ่งที่พิมพ์ออกมาคมชัดขึ้น แต่ถ้าความหนืดต่ำเกินไป อาหารอาจไหลเยิ้มและเสียรูปได้ ความยืดหยุ่น: ช่วยให้อาหารรักษารูปร่างหลังจากถูกบีบออกมาจากหัวพิมพ์ หากความยืดหยุ่นสูงเกินไป อาหารอาจเกิดการหดตัวหรือบิดเบี้ยวได้

กฎของนิวตัน (Newtonian fluid): อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงเฉือน (shear stress) และอัตราการเฉือน (shear rate) ในของเหลวที่มีความหนืดคงที่ แบบจำลองความหนืด (Viscosity models): เช่น แบบจำลองของเพาเวอร์ลอว์ (Power-law model) ใช้ในการอธิบายความหนืดของของเหลวที่ไม่เป็นไปตามกฎของนิวตัน ทฤษฎีความยืดหยุ่น (Elasticity theory): อธิบายพฤติกรรมการยืดตัวและหดตัวของวัสดุเมื่อถูกออกแรง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


If the surface tension of a food material affects its ability to form shapes, what physical property does it influence the most during printing?

Rheology

Rheology คือการศึกษาการไหลของสสาร ซึ่งรวมถึงความหนืด (viscosity) และความยืดหยุ่น (elasticity) ของวัสดุ Surface tension เป็นแรงตึงผิวที่เกิดขึ้นที่ผิวสัมผัสระหว่างของเหลวกับอากาศหรือของแข็ง ความสามารถในการสร้างรูปร่างของวัสดุอาหารขึ้นอยู่กับการไหลและการยืดหยุ่นของวัสดุนั้น ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณสมบัติทางรีโอโลยี

Rheology คือการศึกษาการไหลและการเปลี่ยนรูปของสสารภายใต้แรงที่กระทำ Surface tension เป็นแรงตึงผิวที่เกิดขึ้นที่ผิวสัมผัสระหว่างของเหลวกับอากาศหรือของแข็ง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


Heat transfer in 3D food printing affects the quality of the final product. Which heat transfer method is NOT typically involved in 3D food printing?

Evaporation

กระบวนการพิมพ์อาหาร 3 มิติ มุ่งเน้นไปที่การสร้างรูปทรงสามมิติของอาหารโดยการวางวัสดุอาหารชั้นบางๆ ซ้อนกันทีละชั้น การระเหยเป็นกระบวนการที่ของเหลวเปลี่ยนสถานะเป็นไอ ซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักการของการสร้างวัตถุแข็ง วัสดุอาหารที่ใช้ ในการพิมพ์ 3 มิติมักเป็นวัสดุที่มีความหนืดสูง เช่น เจล หรือเพสต์ การระเหยของน้ำจากวัสดุเหล่านี้จะทำให้เกิดรูพรุนหรือช่องว่างในผลิตภัณฑ์ ทำให้รูปทรงเสีย และคุณภาพของอาหารลดลง สภาพแวดล้อมในการพิมพ์ มักถูกควบคุมให้มีความชื้นสัมพัทธ์สูง เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุอาหารแห้งเร็วเกินไป การระเหยจึงไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ต้องการในกระบวนการนี้

การถ่ายเทความร้อน: เป็นสาขาหนึ่งของวิชาฟิสิกส์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของพลังงานความร้อนจากวัตถุหนึ่งไปยังอีกวัตถุหนึ่ง วิศวกรรมอาหาร: เป็นสาขาที่นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


If a 3D printer uses a laser with a power of 10 W and the efficiency of converting electrical energy to thermal energy is 80%, what is the actual thermal energy used for printing?

8 W

ประสิทธิภาพ: หมายถึง สัดส่วนของพลังงานที่แปลงเป็นพลังงานรูปแบบที่ต้องการเทียบกับพลังงานป้อนเข้าทั้งหมด ในที่นี้ พลังงานไฟฟ้า 10 วัตต์ ถูกแปลงเป็นพลังงานความร้อนได้ 80% คำนวณหาพลังงานความร้อน: พลังงานความร้อนที่ได้ = พลังงานไฟฟ้าป้อนเข้า × ประสิทธิภาพ พลังงานความร้อนที่ได้ = 10 วัตต์ × 80% = 8 วัตต์

กฎการอนุรักษ์พลังงาน: พลังงานไม่สามารถสร้างขึ้นหรือทำลายได้ แต่สามารถเปลี่ยนรูปจากรูปหนึ่งไปเป็นอีกรูปหนึ่งได้ โดยปริมาณพลังงานทั้งหมดในระบบจะคงที่เสมอ ประสิทธิภาพ: เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการแปลงพลังงานจากรูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกรูปหนึ่ง โดยทั่วไป ประสิทธิภาพจะมีค่าน้อยกว่า 1 เนื่องจากมีการสูญเสียพลังงานในกระบวนการแปลง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


Assume the thermal conductivity of a food material is 0.2 W/mK. If the temperature gradient is 10 K/m, what is the heat flux through the material?

2 W/m²

กฎของฟูริเยร์ (Fourier's Law) อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างฟลักซ์ความร้อน (q), ค่าการนำความร้อน (k), และการไล่ระดับอุณหภูมิ (dT/dx) ดังนี้: q = -k * (dT/dx)

กฎของฟูริเยร์(Fourier's Law)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


What is the significance of surface tension in the context of 3D food printing?

It governs the shape and appearance of the printed food surface.

การตึงผิว (Surface Tension): คือแรงที่ดึงโมเลกุลของของเหลวให้รวมตัวกัน ทำให้เกิดผิวหน้าที่ตึงและมีลักษณะคล้ายแผ่นยาง เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการพิมพ์อาหาร 3 มิติ การตึงผิวจะส่งผลต่อรูปร่างและลักษณะพื้นผิวของอาหารที่พิมพ์ออกมาโดยตรง ผลกระทบต่อรูปร่างและลักษณะพื้นผิว: การขึ้นรูปชั้นอาหาร: เมื่อหัวพิมพ์ปล่อยวัสดุอาหารออกมา การตึงผิวจะช่วยให้วัสดุอาหารเกาะกันเป็นชั้นๆ อย่างเรียบร้อยและมีรูปร่างที่ชัดเจน ความละเอียดของพื้นผิว: การตึงผิวที่เหมาะสมจะทำให้พื้นผิวของอาหารมีความละเอียดและเรียบเนียน ซึ่งส่งผลต่อความสวยงามและความน่ารับประทานของอาหาร การเกิดรอยแตก: หากการตึงผิวต่ำเกินไป วัสดุอาหารอาจเกิดการแตกหรือร้าวได้ เนื่องจากโมเลกุลของอาหารไม่สามารถเกาะกันได้อย่างแน่นหนา

ทฤษฎีโมเลกุล: อธิบายถึงแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลของของเหลว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดการตึงผิว กฎของ Laplace: อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแรงดันภายในของหยดของเหลวกับรัศมีของหยดและการตึงผิว ฟิสิกส์ของของไหล: ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของของเหลวภายใต้แรงต่างๆ รวมถึงแรงตึงผิว

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is the primary benefit of using electrostatic field-assisted freezing (EFAF) on gluten?

Improves functional properties of gluten

EFAF ทำงานอย่างไร: เทคโนโลยี EFAF ใช้สนามไฟฟ้าเพื่อจัดเรียงโมเลกุลของน้ำและสารละลายในอาหารระหว่างกระบวนการแช่แข็ง ทำให้เกิดผลึกน้ำแข็งขนาดเล็กและกระจายตัวสม่ำเสมอมากขึ้น ผลกระทบต่อกลูเตน: เมื่อนำ EFAF มาใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีกลูเตน เช่น แป้งสาลี จะส่งผลให้โครงสร้างของโปรตีนกลูเตนมีความเสถียรมากขึ้น ทำให้: เพิ่มความยืดหยุ่นและความเหนียว: ช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีเนื้อสัมผัสที่ดีขึ้น เช่น ขนมปังมีเนื้อนุ่มและยืดหยุ่น ปรับปรุงความสามารถในการกักเก็บน้ำ: ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความชุ่มชื้นอยู่ได้นานขึ้น ลดการสูญเสียน้ำระหว่างการปรุงอาหารและการเก็บรักษา ลดความเสียหายของโปรตีน: เนื่องจากผลึกน้ำแข็งมีขนาดเล็กและกระจายตัวสม่ำเสมอ จึงลดความเสียหายต่อโครงสร้างของโปรตีนกลูเตน ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีขึ้น

ทฤษฎีการก่อตัวของผลึกน้ำแข็ง: EFAF ทำงานบนพื้นฐานของทฤษฎีที่ว่าสนามไฟฟ้าสามารถควบคุมการก่อตัวและการเจริญเติบโตของผลึกน้ำแข็งได้ โครงสร้างของโปรตีนกลูเตน: การเข้าใจโครงสร้างของโปรตีนกลูเตนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างโมเลกุลของโปรตีนกับน้ำมีความสำคัญในการอธิบายผลกระทบของ EFAF คุณสมบัติทางกายภาพของอาหาร: การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เกิดจาก EFAF เช่น ความหนาแน่น ความแข็ง และความเหนียวของผลิตภัณฑ์ สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางฟิสิกส์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Which functional property of gluten is NOT improved by EFAF according to the article?

Nutritional value

efaf คืออะไร: จากการค้นคว้าเบื้องต้น ไม่พบข้อมูลที่ระบุว่า "efaf" คือสารเคมี หรือกระบวนการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงคุณสมบัติของกลูเตนโดยตรง ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุได้ว่า efaf มีผลต่อคุณสมบัติของกลูเตนอย่างไร

โครงสร้างและหน้าที่ของโปรตีน: การทำความเข้าใจโครงสร้างของโปรตีนกลูเตน และพันธะระหว่างโมเลกุลของโปรตีน จะช่วยให้เข้าใจกลไกการทำงานของสารเติมแต่งต่างๆ ที่ใช้ในการปรับปรุงคุณสมบัติของกลูเตน วิทยาศาสตร์อาหาร: การศึกษาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อาหาร จะช่วยให้เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทางเคมีของอาหารกับคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของอาหาร รวมถึงกระบวนการแปรรูปอาหารต่างๆ ที่มีผลต่อคุณสมบัติของอาหาร

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


If the WHC (Water Holding Capacity) of gluten increased by 0.25% under 900 V electrostatic field compared to the control, what would be the new WHC if the original was 55%?

55.15%

คำตอบอื่น ๆ มีค่าที่ห่างจากค่าที่คำนวณได้จริงมากเกินไป การปัดเศษทศนิยมทำให้ค่า 55.1375% ใกล้เคียงกับ 55.15% มากที่สุดในตัวเลือกที่ให้มา

ความสามารถในการอุ้มน้ำ (Water Holding Capacity, WHC): เป็นคุณสมบัติของวัสดุที่บ่งบอกถึงปริมาณน้ำสูงสุดที่วัสดุนั้นสามารถดูดซับและกักเก็บไว้ได้ สนามไฟฟ้าสถิต: เป็นสนามไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากประจุไฟฟ้าที่อยู่นิ่ง สนามไฟฟ้าสถิตสามารถมีผลต่อโครงสร้างของโมเลกุล ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในคุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของวัสดุ กลูเตน: เป็นโปรตีนที่พบในข้าวสาลี มีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างของแป้งและมีผลต่อความหนืดและความยืดหยุ่นของแป้ง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


If a sample of gluten (50 mg) is added to 4 mL of water and centrifuged, resulting in a dry weight of 20 mg, what is the WHC?

0.6

การคำนวณ Water Holding Capacity (WHC)

WHC = (น้ำหนักตัวอย่างเปียก - น้ำหนักตัวอย่างแห้ง) / น้ำหนักตัวอย่างแห้ง WHC = (4050 mg - 20 mg) / 20 mg = 4030 mg / 20 mg = 201.5

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


How does EFAF affect the α-helix content of gluten proteins?

Decreases α-helix content

การทำงานของ EFAF: EFAF (Enzyme-Hydrolyzed Free Amino Acids) คือกรดอะมิโนอิสระที่ได้จากการย่อยโปรตีนด้วยเอนไซม์ ซึ่งมีขนาดโมเลกุลเล็กกว่าโปรตีนกลูเตน เมื่อเติม EFAF ลงไปในระบบ จะเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ที่มีผลต่อโครงสร้างของโปรตีนกลูเตน โครงสร้างโปรตีน: โปรตีนกลูเตนมีโครงสร้างที่ซับซ้อน ประกอบด้วยทั้งบริเวณที่มีโครงสร้างเป็น α-helix และ β-sheet รวมถึงบริเวณที่ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นกับโปรตีนกลูเตน เช่น การเพิ่ม EFAF เข้าไป อาจส่งผลให้โครงสร้างของโปรตีนเปลี่ยนแปลงไป

การทำลายพันธะไฮโดรเจน: โครงสร้าง α-helix เกิดจากพันธะไฮโดรเจนระหว่างหมู่คาร์บอนิลและหมู่อะมิโนในสายโพลีเปปไทด์ การที่ EFAF เข้าไปเกี่ยวข้องกับโปรตีนกลูเตน อาจทำให้เกิดการทำลายพันธะไฮโดรเจนเหล่านี้ ทำให้โครงสร้าง α-helix คลายตัวออก การเปลี่ยนแปลงประจุ: EFAF เป็นกรดอะมิโนอิสระ ซึ่งอาจมีผลต่อประจุสุทธิของโปรตีนกลูเตน การเปลี่ยนแปลงประจุอาจส่งผลต่อปฏิสัมพันธ์ระหว่างหมู่ข้างของกรดอะมิโนในโปรตีน ทำให้โครงสร้างโปรตีนเปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันในการสร้างพันธะ:

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


What is the effect of EFAF on the depolymerization degree of gluten macromolecules at 600 V?

Remains unchanged

ข้อมูลไม่เพียงพอ: ข้อความเดิมระบุว่าข้อมูลที่ให้มานั้นไม่เพียงพอที่จะระบุผลกระทบของ EFAF ต่อระดับการแตกตัวของเม็ดโปรตีนกลูเตนที่ 600 V ได้อย่างถูกต้อง ปัจจัยที่มีผลกระทบ: มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อระดับการแตกตัวของเม็ดโปรตีนกลูเตน เช่น ความเข้มข้นของ EFAF, เงื่อนไขสนามไฟฟ้า, pH, อุณหภูมิ, แหล่งที่มาของกลูเตน และขั้นตอนการผลิตอื่นๆ ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้: โดยไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดคือการเพิ่มขึ้น, ลดลง หรือไม่เปลี่ยนแปลง

สมดุลระหว่างปฏิกิริยา: EFAF อาจส่งเสริมและยับยั้งปฏิกิริยาแตกตัวพร้อมกัน: EFAF อาจทำหน้าที่เป็นทั้งตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้โมเลกุลกลูเตนแตกตัว และในขณะเดียวกันก็อาจทำหน้าที่เป็นตัวเสริมสร้างพันธะระหว่างโมเลกุล ทำให้เกิดการรวมตัวใหม่ได้ สนามไฟฟ้า 600 V อาจมีผลกระทบต่อโครงสร้างของโมเลกุลกลูเตนในลักษณะที่ตรงกันข้ามกับผลกระทบของ EFAF: สนามไฟฟ้าอาจทำให้โมเลกุลกลูเตนขยายตัวและแตกตัว แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้โมเลกุลจัดเรียงตัวใหม่ในลักษณะที่เสถียรมากขึ้น ผลของทั้งสองปัจจัยอาจหักล้างกัน: ผลกระทบของ EFAF และสนามไฟฟ้าอาจมีขนาดและทิศทางที่เท่ากันแต่ตรงกันข้าม ทำให้ระดับการแตกตัวของโมเลกุลกลูเตนยังคงที่

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


Assuming the electrostatic field changes the orientation of water molecules, what physical property does this directly influence during freezing?

Free energy

Free energy เป็นพลังงานที่สามารถนำไปใช้ทำงานได้ และเป็นตัวกำหนดทิศทางของปฏิกิริยาเคมีหรือกระบวนการทางธรรมชาติ เมื่อสนามไฟฟ้าเปลี่ยนแปลง orientation ของโมเลกุลน้ำ มันจะส่งผลต่อการจัดเรียงตัวของโมเลกุลเหล่านี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่า free energy ของระบบน้ำ การเปลี่ยนแปลง orientation ของโมเลกุลน้ำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของน้ำแข็งที่เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลน้ำ และส่งผลต่อค่า enthalpy และ entropy ของระบบ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในการคำนวณค่า free energy ค่า free energy ที่เปลี่ยนแปลง จะส่งผลต่ออุณหภูมิที่น้ำแข็งละลาย จุดเยือกแข็ง และสมบัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสถานะของน้ำ

Free energy เป็นพลังงานที่สามารถนำไปใช้ทำงานได้ และเป็นตัวกำหนดทิศทางของปฏิกิริยาเคมีหรือกระบวนการทางธรรมชาติ เมื่อสนามไฟฟ้าเปลี่ยนแปลง orientation ของโมเลกุลน้ำ มันจะส่งผลต่อการจัดเรียงตัวของโมเลกุลเหล่านี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่า free energy ของระบบน้ำ การเปลี่ยนแปลง orientation ของโมเลกุลน้ำ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของน้ำแข็งที่เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลน้ำ และส่งผลต่อค่า enthalpy และ entropy ของระบบ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในการคำนวณค่า free energy ค่า free energy ที่เปลี่ยนแปลง จะส่งผลต่ออุณหภูมิที่น้ำแข็งละลาย จุดเยือกแข็ง และสมบัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสถานะของน้ำ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


Given that the electrostatic field is applied at 900 V and improves the water holding capacity by 0.25%, calculate the increase if the original water holding capacity was 2.5 g/g.

0.00625 g/g

คำนวณการเพิ่มขึ้นของความสามารถในการกักเก็บน้ำโดยการคูณความสามารถในการกักเก็บน้ำเดิมด้วยเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของความสามารถในการกักเก็บน้ำ = 2.5 g/g * 0.25% = 2.5 g/g * 0.0025 = 0.00625 g/g

การคำนวณเปอร์เซ็นต์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


If the emulsification stability of gluten increased by 10% under EFAF and the original stability index was 50, what would be the new stability index?

60

ดัชนีความเสถียร: ดัชนีความเสถียรที่กล่าวถึงในโจทย์ไม่ได้ระบุว่าเป็นดัชนีอะไร มีวิธีการวัดและตีความค่าอย่างไร ดัชนีความเสถียรที่แตกต่างกันอาจมีหน่วยวัดและช่วงค่าที่แตกต่างกัน ความสัมพันธ์เชิงเส้น: โจทย์ไม่ได้ระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มขึ้นของความคงตัวของกลูเตนกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนีความเสถียรเป็นเชิงเส้นหรือไม่ หากไม่เป็นเชิงเส้น การเพิ่มขึ้น 10% ของความคงตัวอาจไม่ส่งผลให้ดัชนีความเสถียรเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน

ความคงตัวของอิมัลชัน: ความคงตัวของอิมัลชันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ธรรมชาติของเฟสน้ำและเฟสไขมัน ขนาดของหยด อุณหภูมิ pH และสารเติมแต่งต่างๆ กลูเตน: กลูเตนเป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างของแป้งและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากแป้ง การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของกลูเตนจะส่งผลต่อความคงตัวของอิมัลชัน ดัชนีความเสถียร: มีดัชนีความเสถียรหลายชนิดที่ใช้ในการวัดความเสถียรของอิมัลชัน เช่น ดัชนีความเสถียรทางอุณหภูมิ ดัชนีความเสถียรทางกล และดัชนีความเสถียรทางเคมี แต่ละดัชนีมีวิธีการวัดและตีความค่าที่แตกต่างกัน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


What is the significance of the g-g-g configuration of disulfide bonds in gluten proteins under EFAF?

Represents the most stable energy configuration

โครงสร้าง disulfide bond: เป็นพันธะโคเวเลนต์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากการเชื่อมต่อระหว่างอะตอมกำมะถันของกรดอะมิโนซิสเทอีนสองโมเลกุลในโปรตีนกลูเตน พันธะนี้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดโครงสร้างและคุณสมบัติทางกายภาพของโปรตีนกลูเตน โครงสร้าง g-g-g: เป็นโครงสร้างหนึ่งของ disulfide bond ที่พบในโปรตีนกลูเตน โดยตัวอักษร g แทนการจัดเรียงของพันธะ peptide ในโครงสร้างโปรตีน การจัดเรียงในรูปแบบ g-g-g นี้ทำให้เกิดโครงสร้างที่ค่อนข้างแข็งแรงและเสถียร สภาวะ EFAF: เป็นสภาวะที่ใช้ในการศึกษาโครงสร้างและคุณสมบัติของโปรตีน โดยสภาวะนี้จะช่วยให้โปรตีนอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมต่อการศึกษาโครงสร้าง

ทฤษฎีโครงสร้างของโปรตีน: ทฤษฎีนี้ใช้ในการอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างของโปรตีนกับหน้าที่ของโปรตีน เคมีของโปรตีน: ใช้ในการอธิบายพันธะเคมีที่เกิดขึ้นในโปรตีน รวมถึงพันธะ disulfide bond ฟิสิกส์ของพอลิเมอร์: ใช้ในการอธิบายพฤติกรรมของโมเลกุลโปรตีนที่มีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 79.25 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา