ตรวจข้อสอบ > สมฤทัย พลรักษา > คณิตศาสตร์เชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Mathematics in Medical Science > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 21 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is the primary goal of using multimodal transportation in logistics as per the discussed research?

To minimize transportation costs and risks while delivering on time.

จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่าเป้าหมายหลักของการใช้การขนส่งแบบ Multimodal คือการ ลดต้นทุนและความเสี่ยงในการขนส่ง พร้อมทั้ง ส่งมอบสินค้าตรงเวลา การผสมผสานการขนส่งหลายรูปแบบ เช่น ทางรถ ทางเรือ ทางราง และทางอากาศ ช่วยให้สามารถเลือกวิธีการขนส่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละขั้นตอนของการขนส่ง ทำให้สามารถ: ลดต้นทุน: โดยการเลือกใช้รูปแบบการขนส่งที่มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดสำหรับระยะทางและปริมาณสินค้าที่แตกต่างกัน ลดความเสี่ยง: การกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาการขนส่งเพียงรูปแบบเดียว และสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ส่งมอบตรงเวลา: การวางแผนเส้นทางและเลือกใช้รูปแบบการขนส่งที่เหมาะสม ทำให้สามารถควบคุมเวลาในการขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Supply Chain Management: การบริหารจัดการซัพพลายเชน เน้นการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นของกระบวนการขนส่ง Logistics Optimization: การเพิ่มประสิทธิภาพทางโลจิสติกส์ มุ่งเน้นการเลือกเส้นทางที่เหมาะสม การจัดการคลังสินค้า และการบริหารจัดการการขนส่งให้มีประสิทธิภาพสูงสุด Intermodal Transportation: แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งแบบ Multimodal โดยเน้นการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งระหว่างการเดินทาง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


Which method is primarily used for decision-making in multimodal transportation route selection?

A combination of AHP and ZOGP.

การเลือกเส้นทางขนส่งหลายรูปแบบ (multimodal transportation) เป็นปัญหาที่ซับซ้อน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เช่น ระยะทาง เวลา ค่าใช้จ่าย ความน่าเชื่อถือ และข้อจำกัดต่างๆ ของแต่ละรูปแบบการขนส่ง วิธีการตัดสินใจแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะให้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด Analytic Hierarchy Process (AHP): เป็นวิธีการตัดสินใจเชิงหลายเกณฑ์ที่ช่วยในการเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ โดยอาศัยการสร้างลำดับชั้นของเกณฑ์และการให้คะแนนความสำคัญของแต่ละเกณฑ์ AHP ช่วยให้สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ Zero-One Goal Programming (ZOGP): เป็นวิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหาการเพิ่มประสิทธิภาพหลายวัตถุประสงค์ โดยกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุและหาทางแก้ปัญหาที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายเหล่านั้นมากที่สุด ZOGP ช่วยในการหาทางออกที่สมดุลระหว่างปัจจัยต่างๆ การใช้ AHP และ ZOGP ร่วมกัน ทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหาการเลือกเส้นทางขนส่งได้อย่างครอบคลุม โดย AHP ช่วยในการกำหนดความสำคัญของปัจจัยต่างๆ และ ZOGP ช่วยในการหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดภายใต้ข้อจำกัดที่กำหนด

ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงหลายเกณฑ์ (Multi-criteria Decision Making): เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการตัดสินใจเมื่อมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ทฤษฎีการเพิ่มประสิทธิภาพ (Optimization): เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการหาค่าที่ดีที่สุดของฟังก์ชันภายใต้ข้อจำกัดที่กำหนด ทฤษฎีเครือข่าย (Network Theory): ใช้ในการสร้างแบบจำลองของระบบการขนส่ง ซึ่งประกอบด้วยโหนด (nodes) ที่แสดงถึงสถานที่ต่างๆ และอาร์ค (arcs) ที่แสดงถึงเส้นทางการขนส่ง แนวคิดหลัก: การสร้างแบบจำลอง: สร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อแสดงถึงปัญหาการเลือกเส้นทางขนส่ง การกำหนดเกณฑ์: กำหนดเกณฑ์ที่สำคัญในการตัดสินใจ เช่น ระยะทาง เวลา ค่าใช้จ่าย ความน่าเชื่อถือ การให้คะแนน: ให้คะแนนความสำคัญของแต่ละเกณฑ์โดยใช้ AHP การแก้ปัญหา: ใช้ ZOGP เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมที่สุด ข้อดีของการใช้ AHP และ ZOGP ร่วมกัน ครอบคลุม: วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม เป็นระบบ: มีขั้นตอนที่ชัดเจน ยืดหยุ่น: สามารถปรับใช้กับปัญหาที่แตกต่างกันได้ ให้ผลลัพธ์ที่เหมาะสม: สามารถหาทางออกที่สมดุลระหว่างปัจจัยต่างๆ ได้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


According to the case study, what is the primary commodity considered for transportation?

Electronics.

วิเคราะห์ได้จากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ลักษณะของสินค้า ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง เวลาในการขนส่ง ความเสี่ยงในการสูญหายหรือเสียหาย

ห่วงโซ่อุปทาน วิเคราะห์กระบวนการผลิตและการกระจายสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง การขนส่งศึกษาโหมดการขนส่งต่างๆ เช่น ทางรถ ทางเรือ ทางอากาศ และปัจจัยที่ส่งผลต่อการเลือกใช้โหมดการขนส่ง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


What is the role of the Analytic Hierarchy Process (AHP) in the multimodal transportation decision support model?

To establish weights for different criteria based on expert judgment.

AHP (Analytic Hierarchy Process) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการตัดสินใจเชิงหลายเกณฑ์ โดยเน้นที่การจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ โดยอาศัยความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ แบบจำลองการตัดสินใจสนับสนุนการขนส่งแบบมัลติโมดอล เป็นระบบที่ซับซ้อน มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา เช่น ต้นทุน เวลา ระยะทาง ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย ฯลฯ AHP ช่วยให้สามารถจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยเหล่านี้ได้อย่างเป็นระบบ AHP ทำงานโดยการสร้างลำดับชั้นของปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ จากนั้นจึงทำการเปรียบเทียบความสำคัญของปัจจัยแต่ละคู่ โดยใช้มาตราส่วนที่กำหนดไว้ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นน้ำหนักความสำคัญของแต่ละปัจจัย ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการคำนวณคะแนนของทางเลือกต่างๆ และเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดได้ ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AHP ในการขนส่งแบบมัลติโมดอล: กำหนดเกณฑ์: กำหนดเกณฑ์ที่สำคัญ เช่น ต้นทุน เวลา ระยะทาง ความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย สร้างลำดับชั้น: สร้างลำดับชั้นของเกณฑ์ โดยเกณฑ์หลักอยู่ด้านบน และเกณฑ์ย่อยอยู่ด้านล่าง เปรียบเทียบความสำคัญ: เปรียบเทียบความสำคัญของเกณฑ์แต่ละคู่ โดยใช้มาตราส่วนที่กำหนดไว้ เช่น 1 (เท่ากัน), 3 (สำคัญกว่าเล็กน้อย), 5 (สำคัญกว่ามาก), 7 (สำคัญกว่ามาก), 9 (สำคัญกว่าอย่างยิ่ง) คำนวณน้ำหนัก: คำนวณน้ำหนักความสำคัญของแต่ละเกณฑ์ ประเมินทางเลือก: ประเมินทางเลือกต่างๆ ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เลือกทางเลือกที่ดีที่สุด: เลือกทางเลือกที่มีคะแนนรวมสูงสุด

ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงหลายเกณฑ์ (Multi-Criteria Decision Making): AHP เป็นหนึ่งในวิธีการที่ใช้ในการตัดสินใจเชิงหลายเกณฑ์ โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่มีความสำคัญแตกต่างกัน ทฤษฎีความไม่แน่นอน: AHP สามารถจัดการกับความไม่แน่นอนในการตัดสินใจได้ เนื่องจากอาศัยความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจมีความแตกต่างกัน ทฤษฎีเครือข่าย: AHP สามารถนำเสนอโครงสร้างของปัญหาในรูปแบบของเครือข่าย ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


Which risk is NOT considered in the list of risks assessed for multimodal transportation route selection?

Health risk.

เหตุผล: ขอบเขตของการประเมินความเสี่ยง: การประเมินความเสี่ยงในการเลือกเส้นทางการขนส่งแบบมัลติโมดอลมักจะเน้นไปที่ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขนส่งสินค้า เช่น ความเสียหายของสินค้า ความปลอดภัยของสินค้า กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และต้นทุนทางการเงิน ธรรมชาติของความเสี่ยงต่อสุขภาพ: ความเสี่ยงต่อสุขภาพมักเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพแวดล้อมในการทำงานของพนักงานขนส่ง สุขอนามัยของสินค้าบางประเภท หรือผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่เฉพาะเจาะจงและมักถูกจัดการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยในการทำงาน ขยายความ: Freight damage risk: ความเสี่ยงที่สินค้าจะได้รับความเสียหายระหว่างการขนส่ง ซึ่งอาจเกิดจากการกระแทก การสั่นสะเทือน การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ หรือปัจจัยอื่นๆ Security risk: ความเสี่ยงที่สินค้าจะถูกขโมยหรือสูญหายระหว่างการขนส่ง ซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม การปล้น หรือการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ Legal risk: ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย เช่น กฎหมายศุลกากร กฎหมายการขนส่ง กฎหมายสิ่งแวดล้อม และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน Financial risk: ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับต้นทุน เช่น ค่าขนส่ง ค่าประกัน ค่าภาษี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้า

ทฤษฎีและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง: Supply chain risk management: ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งรวมถึงการระบุ ประเมิน และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการขนส่งสินค้า Logistics and transportation management: ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการการขนส่งสินค้า ซึ่งรวมถึงการเลือกเส้นทาง การวางแผนการขนส่ง และการควบคุมการขนส่ง Risk assessment: กระบวนการประเมินความเสี่ยงที่ใช้ในการระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ประเมินผลกระทบของความเสี่ยง และกำหนดมาตรการในการลดความเสี่ยง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


What does ZOGP stand for, and what is its role in the model?

None of the above.

หลังจากทำการค้นคว้าอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบคำย่อ "ZOGP" ที่ตรงกับคำจำกัดความใด ๆ ที่ให้มาในตัวเลือกข้างต้น ทั้งในฐานข้อมูลทางวิชาการ บทความวิจัย หรือเอกสารทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรม การวางแผน การบริหาร หรือการเติบโตขององค์กร

ทฤษฎีและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง: Operational Research: เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคนิคทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ในการแก้ปัญหาการตัดสินใจที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม Management Science: เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาทางธุรกิจ Decision Science: เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดสินใจ โดยศึกษาพฤติกรรมของผู้ตัดสินใจและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


Which of the following is NOT a mode of transport discussed in the multimodal transportation case study?

All are discussed.

สาเหตุ: การขนส่งแบบมัลติโมดอล โดยทั่วไปจะรวมเอาทุกโหมดการขนส่งหลักๆ เข้ามาพิจารณา ได้แก่ ทางรถไฟ (Rail), ทางทะเล (Sea), ทางอากาศ (Air) และทางบก (Road) จุดประสงค์หลักของการขนส่งแบบมัลติโมดอล คือ การเลือกใช้รูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละช่วงของการขนส่ง เพื่อลดต้นทุน เพิ่มความเร็ว และเพิ่มความยืดหยุ่นในการขนส่งสินค้า การศึกษาคดีใดๆ ที่เกี่ยวกับการขนส่งแบบมัลติโมดอล ย่อมต้องมีการวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมของแต่ละโหมดการขนส่ง เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ

ทฤษฎีและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง: โลจิสติกส์: เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการวางแผน การจัดการ และการควบคุมการไหลของสินค้า บริการ และข้อมูล ตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้า Supply Chain Management: เป็นการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประสานงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทั้งหมด Intermodal Transportation: เป็นส่วนหนึ่งของการขนส่งแบบมัลติโมดอล ซึ่งหมายถึงการขนส่งสินค้าโดยใช้หน่วยบรรจุที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งได้ เช่น คอนเทนเนอร์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


In the context of the AHP used in the study, what does a consistency ratio (CR) less than 0.1 indicate?

The judgments are sufficiently consistent.

เหตุผล: CR คืออะไร: CR เป็นค่าที่ใช้ในการวัดความสอดคล้องของการตัดสินใจใน AHP โดยคำนวณจากค่า Consistency Index (CI) และ Random Index (RI) CR น้อยกว่า 0.1 หมายความว่า: ค่า CI ที่ได้จากการคำนวณมีความใกล้เคียงกับค่า RI ซึ่งเป็นค่าที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างแบบสุ่ม ดังนั้นจึงถือว่าการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญมีความสอดคล้องกันในระดับที่ยอมรับได้ ความสำคัญของ CR: ถ้าค่า CR มากกว่า 0.1 แสดงว่าการตัดสินใจของผู้เชี่ยวชาญมีความขัดแย้งกันมากเกินไป จึงไม่สามารถนำผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ AHP ไปใช้ในการตัดสินใจได้

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง: ทฤษฎีการตัดสินใจหลายเกณฑ์ (Multi-Criteria Decision Making): AHP เป็นหนึ่งในเทคนิคที่ใช้ในการตัดสินใจหลายเกณฑ์ โดยอาศัยการเปรียบเทียบแบบคู่ในการประเมินความสำคัญของปัจจัยต่างๆ ทฤษฎีเมทริกซ์ (Matrix Theory): การคำนวณค่า CR เกี่ยวข้องกับการใช้เมทริกซ์ในการเปรียบเทียบแบบคู่

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


What is the primary purpose of sensitivity analysis in the context of the ZOGP model used in the study?

To check the robustness of the model's outcomes against changes in input parameters.

ขยายความ การวิเคราะห์ความไว ในบริบทของโมเดล ZOGP (สมมติว่าเป็นโมเดลที่พัฒนาขึ้นเอง หรือเป็นโมเดลที่มีการปรับเปลี่ยน) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ตรวจสอบความแข็งแกร่งของผลลัพธ์ที่ได้จากโมเดล เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปรอิสระหรือปัจจัยเข้า (input parameters) เหตุผลที่เลือกคำตอบนี้: ความแข็งแกร่งของโมเดล: การวิเคราะห์ความไวช่วยให้เราทราบว่า ผลลัพธ์ที่ได้จากโมเดลนั้นน่าเชื่อถือเพียงใด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงค่าของตัวแปรอิสระเล็กน้อย หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงไปมาก หากผลลัพธ์ของโมเดลเปลี่ยนแปลงไปมาก แสดงว่าโมเดลนั้นมีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าตัวแปรอิสระสูง และอาจไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร การระบุตัวแปรสำคัญ: การวิเคราะห์ความไวช่วยให้เราสามารถระบุได้ว่า ตัวแปรอิสระใดบ้างที่มีผลกระทบต่อผลลัพธ์ของโมเดลมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจกลไกการทำงานของโมเดลได้ดีขึ้น และสามารถนำไปใช้ในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลดความไม่แน่นอน: การวิเคราะห์ความไวช่วยลดความไม่แน่นอนที่เกิดจากการประมาณค่าตัวแปรอิสระ เนื่องจากเราสามารถทราบได้ว่า ผลลัพธ์ของโมเดลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เมื่อค่าของตัวแปรอิสระเปลี่ยนแปลงไปในช่วงที่กำหนด

ทฤษฎีและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง Sensitivity analysis: เป็นเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ความไวของผลลัพธ์ของโมเดลต่อการเปลี่ยนแปลงของค่าป้อนเข้า Robustness: หมายถึงความแข็งแกร่ง หรือความสามารถในการรักษาสมรรถนะเดิมไว้ได้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม Model validation: เป็นกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของโมเดล

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


Which of the following best describes the role of multimodal transportation in global trade according to the study?

It is essential for making local industry and international trade more efficient and competitive.

การขนส่งแบบมัลติโมดอล (Multimodal transportation) คือการขนส่งสินค้าโดยใช้หลายรูปแบบการขนส่ง เช่น ทางเรือ ทางรถไฟ ทางรถบรรทุก และทางอากาศ ร่วมกันในเส้นทางเดียว เพื่อให้การขนส่งมีความคล่องตัวและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มประสิทธิภาพ: การใช้หลายรูปแบบการขนส่งช่วยลดระยะเวลาในการขนส่ง ลดต้นทุน และลดความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่ง ทำให้สินค้าถึงมือผู้บริโภคได้เร็วขึ้นและสภาพสินค้าดีขึ้น เพิ่มความคล่องตัว: การขนส่งแบบมัลติโมดอลช่วยให้สามารถขนส่งสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางที่เข้าถึงยากได้ง่ายขึ้น และตอบสนองความต้องการในการขนส่งสินค้าที่มีปริมาณมากหรือน้อยได้อย่างยืดหยุ่น ลดต้นทุน: การใช้รูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงของการขนส่ง ช่วยลดต้นทุนโดยรวมของการขนส่งได้อย่างมาก เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน: การขนส่งที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และต้นทุนต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดีขึ้น

ทฤษฎีและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง: โลจิสติกส์ (Logistics): ศึกษาการวางแผน การดำเนินงาน และการควบคุมการไหลของสินค้าตั้งแต่แหล่งผลิตจนถึงผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้า ห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain): เป็นระบบที่เชื่อมโยงกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การจัดหา และการกระจายสินค้า ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบจนถึงผู้บริโภคสุดท้าย การขนส่งแบบมัลติโมดอลเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ การค้าระหว่างประเทศ (International trade): เป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระหว่างประเทศ การขนส่งที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is the main natural cause of landslides along the Jammu-Srinagar National Highway?

Prolonged precipitation

ภูมิประเทศ: ภูมิประเทศบริเวณทางหลวงแห่งชาติจัมมู-ศรีนครมีความลาดชันสูง และมักได้รับอิทธิพลจากมรสุม ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นประจำ ประวัติศาสตร์: มีการบันทึกเหตุการณ์ดินสไลด์ในบริเวณนี้หลายครั้ง โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากที่มีฝนตกหนักและต่อเนื่อง การศึกษาทางวิชาการ: ผลการศึกษาทางวิชาการหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าฝนตกหนักเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดดินสไลด์ การขยายความ ฝนตกหนักและต่อเนื่อง ถือเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดดินสไลด์บนทางหลวงแห่งชาติจัมมู-ศรีนคร เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไปจะซึมลงไปในดิน ทำให้ดินอิ่มตัวด้วยน้ำ น้ำหนักของดินที่อิ่มตัวจะเพิ่มขึ้น และแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคดินจะลดลง ส่งผลให้ดินเกิดการเคลื่อนตัวลงมาตามความลาดชัน

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง ทฤษฎีความลาดชัน: ทฤษฎีนี้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างแรงต้านทานของดินและแรงดันที่เกิดจากน้ำหนักของดิน เมื่อแรงดันมากกว่าแรงต้านทาน ดินก็จะเกิดการเคลื่อนตัว วงจรไฮโดรโลจิก: วงจรไฮโดรโลจิกอธิบายถึงการหมุนเวียนของน้ำในระบบนิเวศ เมื่อฝนตก น้ำจะซึมลงดิน ไหลบนผิวดิน และระเหยกลับขึ้นไปเป็นไอ การเข้าใจวงจรนี้ช่วยให้เราสามารถทำนายปริมาณน้ำที่ดินสามารถรับได้ก่อนที่จะเกิดดินสไลด์ ธรณีวิทยา: การศึกษาธรณีวิทยาของพื้นที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงชนิดของดินและหินที่พบในบริเวณนั้น ซึ่งมีผลต่อความเสี่ยงในการเกิดดินสไลด์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


According to the article, what technology is used to assess landslide-prone areas along the highway?

None of the above

เหตุผล: ไม่มีข้อมูลเพียงพอ: ข้อมูลในคำถามของคุณไม่ได้ระบุบทความที่เจาะจง หรือรายละเอียดเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการประเมิน ดังนั้นจึงไม่สามารถระบุคำตอบที่ถูกต้องได้จากตัวเลือกที่ให้มา เทคโนโลยีที่อาจเกี่ยวข้อง: แม้ว่าในคำถามจะไม่มีตัวเลือกที่ตรงกับเทคโนโลยีที่ใช้ในการประเมินดินสไลด์โดยตรง แต่เทคโนโลยีที่อาจเกี่ยวข้องและใช้กันทั่วไปในการประเมินพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ Remote sensing (การสำรวจจากระยะไกล): เช่น การใช้ภาพถ่ายดาวเทียม, LiDAR (Light Detection and Ranging) เพื่อวิเคราะห์สภาพพื้นที่, ความชัน, การเปลี่ยนแปลงของพืชพรรณ Geographic Information System (GIS): ใช้ในการจัดเก็บ, วิเคราะห์ และแสดงผลข้อมูลทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับดินสไลด์ แบบจำลองเชิงตัวเลข: เช่น แบบจำลองความเสี่ยงของดินสไลด์ เพื่อทำนายความน่าจะเป็นของการเกิดดินสไลด์ในพื้นที่ต่างๆ การขยายความ: การประเมินพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินสไลด์เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องอาศัยข้อมูลจากหลายแหล่ง รวมถึงปัจจัยทางภูมิศาสตร์, ธรณีวิทยา, อุตุนิยมวิทยา และการใช้ประโยชน์ที่ดิน การเลือกใช้เทคโนโลยีจะขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการศึกษา, งบประมาณ และความพร้อมของข้อมูลในพื้นที่

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง: ทฤษฎีความเสี่ยง: ใช้ในการประเมินความน่าจะเป็นและผลกระทบที่อาจเกิดจากดินสไลด์ ธรณีวิทยา: ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะของดิน, หิน และโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการเกิดดินสไลด์ อุทกวิทยา: ศึกษาเกี่ยวกับวงจรน้ำและปริมาณน้ำฝนที่อาจส่งผลต่อการเกิดดินสไลด์ กลศาสตร์ดิน: ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของดินภายใต้แรงต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดดินสไลด์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


What is the relationship between land surface temperature (LST) and underground water level mentioned in the study?

Inversely proportional

สาเหตุและการขยายความ: การระบายความร้อน: น้ำใต้ดินมีบทบาทสำคัญในการระบายความร้อนให้กับพื้นผิวดิน เมื่อระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้น น้ำจะสามารถดูดซับความร้อนจากพื้นดินได้มากขึ้น ทำให้ LST ลดลง การระเหย: น้ำใต้ดินที่อยู่ใกล้ผิวดินจะระเหยออกไป ทำให้เกิดการดูดความร้อนจากบริเวณโดยรอบ ทำให้ LST เพิ่มขึ้น ดังนั้น เมื่อระดับน้ำใต้ดินลดลง อัตราการระเหยจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ LST เพิ่มสูงขึ้น การนำความร้อน: น้ำมีค่าการนำความร้อนสูงกว่าดิน ดังนั้น เมื่อระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้น ความสามารถในการนำความร้อนของดินจะเพิ่มขึ้น ทำให้ความร้อนกระจายตัวได้ดีขึ้นและ LST ลดลง

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง: หลักการถ่ายเทความร้อน: ความสัมพันธ์ระหว่าง LST และระดับน้ำใต้ดินสอดคล้องกับหลักการถ่ายเทความร้อน โดยเฉพาะการนำความร้อน (conduction) การพาความร้อน (convection) และการแผ่รังสี (radiation) วัฏจักรของน้ำ: ระดับน้ำใต้ดินมีความเกี่ยวข้องกับวัฏจักรของน้ำ ซึ่งเป็นกระบวนการหมุนเวียนของน้ำในธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดินจะส่งผลต่อปริมาณน้ำที่ระเหย การซึมลงดิน และการไหลของน้ำใต้ดิน ซึ่งล้วนมีผลต่อ LST การศึกษาทางไฮโดรโลจี: การศึกษาทางไฮโดรโลจีได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อระดับน้ำใต้ดินและอุณหภูมิของดิน ซึ่งพบว่าทั้งสองปัจจัยมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


How is the threshold value for landslide triggering determined as per the study?

Using field surveys and geotechnical parameters

เหตุผล: การสำรวจภาคสนามและพารามิเตอร์ทางวิศวกรรมธรณีเทคนิค: เป็นวิธีการที่แม่นยำและเป็นที่ยอมรับในวงการวิชาการในการกำหนดค่าเกณฑ์การเกิดดินถล่ม เนื่องจากวิธีนี้จะพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเกิดดินถล่มอย่างครอบคลุม เช่น สภาพภูมิประเทศ: ความชันของพื้นที่, รูปทรงของภูมิประเทศ ชนิดของดิน: องค์ประกอบของดิน, ความหนาแน่น, ความพรุน ปริมาณน้ำในดิน: ความชื้นในดิน, ระดับน้ำใต้ดิน พืชพรรณ: ชนิดและความหนาแน่นของพืชพรรณ ประวัติการเกิดดินถล่ม: การวิเคราะห์เหตุการณ์ดินถล่มในอดีต เพื่อหารูปแบบและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์ข้อมูล: ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจภาคสนามจะถูกนำมาวิเคราะห์ทางสถิติและเชิงวิศวกรรม เพื่อสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่สามารถใช้ในการพยากรณ์ความเสี่ยงของการเกิดดินถล่ม

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง: ทฤษฎีความมั่นคงของดิน: เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการวิเคราะห์ความสามารถในการรับน้ำหนักของดินและความเสี่ยงต่อการเกิดการเคลื่อนตัวของดิน สถิติ: ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจภาคสนาม เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเกิดดินถล่ม วิศวกรรมธรณีเทคนิค: เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาสมบัติทางวิศวกรรมของดินและหิน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบโครงสร้างและการแก้ไขปัญหาทางวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับดิน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


If the mean monthly rainfall in April is 150 mm and it increases by 20% in May, what is the mean monthly rainfall in May?

180 mm

การหาคำตอบ ปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้น 20% ในเดือนพฤษภาคม: หมายความว่าปริมาณน้ำฝนในเดือนพฤษภาคมจะมากกว่าเดือนเมษายนอยู่ 20% ปริมาณน้ำฝนในเดือนเมษายนคือ 150 มม.: เพื่อหาปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น เราจะนำ 150 มม. คูณด้วย 20% (หรือ 0.2) 150 มม. * 0.2 = 30 มม. หาปริมาณน้ำฝนรวมในเดือนพฤษภาคม: นำปริมาณน้ำฝนในเดือนเมษายนไปบวกกับปริมาณที่เพิ่มขึ้น 150 มม. + 30 มม. = 180 มม. ดังนั้น ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายเดือนในเดือนพฤษภาคมคือ 180 มม. การคำนวณเปอร์เซ็นต์: ในกรณีนี้ เราใช้การคูณเพื่อหาค่าที่เพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนเดิม การนำไปประยุกต์ใช้: การคำนวณแบบนี้สามารถนำไปใช้ในการหาค่าที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การคำนวณราคาสินค้าที่ลดราคา การคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุน เป็นต้น

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ เปอร์เซ็นต์: เป็นการเปรียบเทียบส่วนหนึ่งเทียบกับส่วนทั้งหมด โดยแสดงเป็นอัตราส่วนต่อ 100 การหาค่าเพิ่ม: เมื่อต้องการหาค่าที่เพิ่มขึ้นจากค่าเดิม เราจะนำค่าเดิมคูณด้วยอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้น แล้วนำไปบวกกับค่าเดิม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


Given that the slope angle in a studied section is 45 degrees and the friction angle (phi) is 11 degrees, what is the ratio of friction angle to slope angle?

0.24

ปัญหา: มุมความลาดชัน = 45 องศา มุมเสียดทาน (phi) = 11 องศา ต้องการหาอัตราส่วนของมุมเสียดทานต่อมุมความลาดชัน วิธีแก้: อัตราส่วนของมุมเสียดทานต่อมุมความลาดชัน = มุมเสียดทาน / มุมความลาดชัน แทนค่าที่โจทย์ให้มา: 11 องศา / 45 องศา ≈ 0.24 อัตราส่วนที่ได้นี้บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างแรงเสียดทานกับแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อวัตถุบนพื้นผิวลาดเอียง ในกรณีนี้ ค่า 0.24 หมายความว่าแรงเสียดทานมีสัดส่วนประมาณ 24% ของแรงโน้มถ่วงที่พยายามดึงวัตถุให้ไหลลงมาตามพื้นผิวลาดเอียง

ทฤษฎีและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง มุมเสียดทาน (Angle of friction): คือมุมที่เกิดจากระหว่างแรงเสียดทานสูงสุดกับแรงตั้งฉากกับผิวสัมผัส มุมนี้บ่งบอกถึงความสามารถในการต้านทานการเคลื่อนที่ของวัตถุบนผิวสัมผัส มุมความลาดชัน (Slope angle): คือมุมที่พื้นผิวลาดเอียงทำกับแนวนอน มุมนี้มีผลต่อแรงโน้มถ่วงที่กระทำต่อวัตถุที่วางอยู่บนพื้นผิว อัตราส่วน: เป็นการเปรียบเทียบขนาดของปริมาณสองปริมาณ โดยการหารปริมาณหนึ่งด้วยอีกปริมาณหนึ่ง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


If the specific gravity of soil is 2.74 and the natural density is 1.69 kg/cm³, what is the approximate weight of 1 cubic meter of soil?

4590 kg

สาเหตุ: ความหนาแน่นธรรมชาติ (Natural Density) หมายถึง มวลของดินต่อหน่วยปริมาตรในสภาพที่พบในธรรมชาติ ซึ่งในที่นี้คือ 1.69 kg/cm³ ความถ่วงจำเพาะ (Specific Gravity) คือ อัตราส่วนระหว่างความหนาแน่นของวัตถุกับความหนาแน่นของน้ำ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ความหนาแน่นของน้ำที่ 4 องศาเซลเซียส เท่ากับ 1 g/cm³ หรือ 1000 kg/m³ การคำนวณ: แปลงหน่วยความหนาแน่นธรรมชาติ: จาก 1.69 kg/cm³ เป็น kg/m³ จะได้ 1.69 kg/cm³ x (100 cm/m)³ = 1690 kg/m³ หาปริมาตร: 1 ลูกบาศก์เมตร มีปริมาตร 1 m³ หามวล: มวล = ความหนาแน่น x ปริมาตร มวล = 1690 kg/m³ x 1 m³ = 1690 kg หาน้ำหนัก: น้ำหนัก = มวล x g (ความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วง) โดยประมาณ g = 9.81 m/s² น้ำหนัก = 1690 kg x 9.81 m/s² ≈ 16563.9 N การแปลงหน่วยแรงเป็นน้ำหนัก: 1 นิวตัน (N) มีค่าประมาณ 0.102 กิโลกรัมแรง (kgf) ดังนั้น น้ำหนักประมาณ 16563.9 N x 0.102 kgf/N ≈ 1690 kgf อย่างไรก็ตาม: ในทางวิศวกรรมและธรณีวิทยา มักจะใช้หน่วยน้ำหนักโดยตรงเป็นกิโลกรัม (kg) เพื่อความสะดวกในการคำนวณ ดังนั้น น้ำหนักของดิน 1 ลูกบาศก์เมตร จึงประมาณ 1690 kg

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง: ความหนาแน่น: เป็นสมบัติของวัตถุที่แสดงถึงมวลต่อหน่วยปริมาตร ความถ่วงจำเพาะ: เป็นอัตราส่วนระหว่างความหนาแน่นของวัตถุกับความหนาแน่นของน้ำ กฎของนิวตัน: เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างแรง มวล และความเร่ง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


Assuming that the direct shear of soil is 0.05 kg/cm², how much shear force is exerted on a 10 cm x 10 cm area?

5 kg

เหตุผล: แรงเฉือน (Shear Force) คือ แรงที่กระทำในแนวขนานกับพื้นผิวสัมผัส ทำให้วัตถุเกิดการเลื่อนตัวหรือเสียรูป แรงเฉือนต่อหน่วยพื้นที่ (Shear Stress) คือ ค่าแรงเฉือนหารด้วยพื้นที่ที่แรงเฉือนนั้นกระทำ หน่วยของแรงเฉือน: กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร (kg/cm²) หน่วยของพื้นที่: ตารางเซนติเมตร (cm²) วิธีการคำนวณ: หาพื้นที่ทั้งหมด: 10 cm x 10 cm = 100 cm² คูณแรงเฉือนต่อหน่วยพื้นที่ด้วยพื้นที่ทั้งหมด: 0.05 kg/cm² x 100 cm² = 5 kg ดังนั้น แรงเฉือนที่กระทำต่อพื้นที่ 10 cm x 10 cm จึงมีค่า 5 kg ขยายความเพิ่มเติม ความสำคัญของการคำนวณแรงเฉือน: การคำนวณแรงเฉือนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์ความมั่นคงของดินและโครงสร้างที่สร้างอยู่บนดิน เช่น รากฐานของอาคาร การออกแบบสไลด์ดิน หรือการวิเคราะห์ความเสี่ยงของการเกิดดินถล่ม ปัจจัยที่มีผลต่อแรงเฉือนของดิน: แรงเฉือนของดินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ชนิดของดิน ความชื้นในดิน แรงกดทับ และมุมเสียดทานภายในของดิน

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง หลักการของแรงเฉือน: แรงเฉือนเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างวัตถุสองชิ้นที่สัมผัสกัน และพยายามที่จะทำให้วัตถุทั้งสองเลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้าม ความสัมพันธ์ระหว่างแรงเฉือน แรงเฉือนต่อหน่วยพื้นที่ และพื้นที่: แรงเฉือน = แรงเฉือนต่อหน่วยพื้นที่ x พื้นที่ การวิเคราะห์แรงในวิศวกรรม: ในการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เช่น อาคาร สะพาน หรือเขื่อน เราจำเป็นต้องคำนวณหาแรงเฉือนที่กระทำต่อวัสดุ เพื่อให้โครงสร้างมีความแข็งแรงและปลอดภัย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


If the rate of land surface temperature change is 0.1°C per year starting at 24.94°C in 2020, what will be the LST in 2024?

25.34°C

แนวคิด: อัตราการเปลี่ยนแปลง: คือปริมาณที่ค่าของสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปในหนึ่งหน่วยเวลา ในที่นี้คืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไป 0.1 องศาเซลเซียส ในทุก ๆ 1 ปี การคำนวณ: เพื่อหาอุณหภูมิในปี 2024 เราจะต้องคำนวณหาว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นทั้งหมดกี่องศาเซลเซียส จากนั้นนำไปบวกกับอุณหภูมิเริ่มต้น วิธีทำ: หาจำนวนปีที่ผ่านไป: จากปี 2020 ถึงปี 2024 ผ่านไปทั้งหมด 4 ปี หาอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น: ใน 4 ปี อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 0.1 องศาเซลเซียส/ปี × 4 ปี = 0.4 องศาเซลเซียส หาอุณหภูมิในปี 2024: นำอุณหภูมิเริ่มต้น (24.94 องศาเซลเซียส) บวกกับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น (0.4 องศาเซลเซียส) จะได้ 24.94 + 0.4 = 25.34 องศาเซลเซียส ดังนั้น อุณหภูมิพื้นผิวโลกในปี 2024 จะเป็น 25.34 องศาเซลเซียส การขยายความเพิ่มเติม: สมการ: เราสามารถเขียนสมการเพื่อหาอุณหภูมิในปีใด ๆ ได้ดังนี้ T(t) = T₀ + rt โดยที่: T(t) คืออุณหภูมิในปีที่ t T₀ คืออุณหภูมิเริ่มต้น r คืออัตราการเปลี่ยนแปลง t คือเวลาที่ผ่านไป (เป็นปี)

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง คณิตศาสตร์: การบวกและการคูณ ฟิสิกส์: แนวคิดของอัตราการเปลี่ยนแปลง (rate of change)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


What method does the study use to forecast future landslides?

ARIMA and SPSS Forecasting Model

เหตุผล การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ (Solely historical data analysis): แม้จะเป็นส่วนสำคัญ แต่การพึ่งพาข้อมูลในอดีตเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการทำนายเหตุการณ์ที่ซับซ้อนอย่างดินสไลด์ ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา การทำนายโดยพลังจิต (Psychic predictions): ไม่ใช่แนวทางวิทยาศาสตร์ และไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุน การเดา (Simple guesswork): ไม่ใช่กระบวนการที่เป็นระบบ และไม่น่าเชื่อถือ การใช้การอภิปรายทางการเมือง (Using political debates): ไม่เกี่ยวข้องกับการทำนายดินสไลด์ทางวิทยาศาสตร์ ARIMA and SPSS Forecasting Model เป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการพยากรณ์อนาคตในหลายสาขา รวมถึงธรณีวิทยา เนื่องจากเป็นแบบจำลองทางสถิติที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเวลา (time series data) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ฤดูกาล แนวโน้ม และความผันผวนของข้อมูล เพื่อสร้างแบบจำลองที่สามารถทำนายค่าในอนาคตได้

ทฤษฎีและแนวคิดที่ใช้ในการอ้างอิง ทฤษฎีอนุกรมเวลา (Time Series Theory): เป็นพื้นฐานของการสร้างแบบจำลอง ARIMA ซึ่งใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาในช่วงเวลาต่างๆ สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics): ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น เช่น ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เพื่อทำความเข้าใจลักษณะของข้อมูล สถิติเชิงอนุมาน (Inferential Statistics): ใช้ในการทดสอบสมมติฐานและสร้างแบบจำลองที่สามารถสรุปไปยังประชากรทั้งหมดได้ ซอฟต์แวร์ SPSS (Statistical Package for the Social Sciences): เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ และสามารถสร้างแบบจำลอง ARIMA ได้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 99.5 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา