1 |
What is the primary advantage of 3D food printing?
|
Precise and customized food creations |
|
- การพิมพ์อาหาร 3D เป็นเทคโนโลยีที่สามารถสร้างอาหารที่มีรูปทรงและขนาดที่กำหนดได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถปรับแต่งสูตรอาหารตามความต้องการของผู้บริโภคได้ จึงถือเป็นข้อได้เปรียบหลัก เพราะทำให้สามารถสร้างสรรค์อาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์หรือออกแบบให้ตรงตามความต้องการเฉพาะได้
|
- แนวคิดเรื่อง **Customization** หรือการปรับแต่งเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวโน้มที่สำคัญในอุตสาหกรรมอาหารสมัยใหม่ ผู้บริโภคต้องการสินค้าและบริการที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับตนเองได้ การพิมพ์อาหาร 3D จึงตอบสนองต่อความต้องการนี้ได้อย่างดี
- ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับ **Innovation in Food Technology** ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าของผลิตภัณฑ์อาหาร การพิมพ์อาหาร 3D จึงเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารให้ทันสมัยและตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
Which component is NOT part of a standard 3D food printer?
|
Mixing bowl |
|
ชามผสม (Mixing Bowl) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการผสมส่วนผสมอาหาร แต่ไม่ใช่ส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับเครื่องพิมพ์อาหาร 3D โดยตรง เครื่องพิมพ์อาหาร 3D จะใช้ส่วนประกอบเช่น คอมพิวเตอร์ (Computer) เพื่อควบคุม, กล่องควบคุม (Control Box) สำหรับการทำงาน, มอเตอร์สำหรับการพิมพ์อาหาร (Food Printer Motors) และซอฟต์แวร์ (Software) สำหรับการออกแบบและควบคุมการพิมพ์
|
การใช้ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของเครื่องพิมพ์ 3D ในการตอบ เนื่องจากเครื่องพิมพ์ 3D อาหารนั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้เทคโนโลยีในการพิมพ์วัตถุดิบอาหารลงในรูปทรงที่กำหนดโดยไม่ต้องใช้ชามผสมเหมือนกับการเตรียมอาหารแบบดั้งเดิม
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
If a 3D printer deposits a food layer with a thickness of 0.1 mm and builds up to a height of 20 mm, how many layers are required?
|
200 |
|
เราสามารถคำนวณจำนวนชั้นที่ต้องการได้โดยการนำความสูงทั้งหมดที่ต้องการ (20 มม.) หารด้วยความหนาของแต่ละชั้น (0.1 มม.) ดังนั้น 20 มม. ÷ 0.1 มม. = 200 ชั้น
|
การใช้ การคำนวณทางคณิตศาสตร์พื้นฐาน ที่เกี่ยวกับการหารเพื่อตอบคำถามนี้ โดยการนำค่าความสูงรวมมาหารด้วยค่าความหนาของชั้นเดียว
• ทฤษฎีนี้อ้างอิงจาก กฎพื้นฐานของการหารในคณิตศาสตร์ ซึ่งใช้ในการแบ่งค่าหนึ่งออกเป็นส่วนย่อยตามขนาดที่กำหนด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
A printer uses an extrusion process where the food material flows at a rate of 5 mm³/s. How long will it take to print a food item of 1000 mm³
|
200 seconds |
|
เหตุผลที่ใช้สูตรนี้:
สูตรนี้ใช้เพราะเราต้องการหาค่าของเวลา ซึ่งเป็นการหารปริมาณที่ต้องการพิมพ์ด้วยอัตราการไหลของวัสดุ การหารนี้จะบอกว่าในแต่ละวินาทีพิมพ์ได้เท่าไหร่และต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการพิมพ์ปริมาณทั้งหมดที่ต้องการ
ดังนั้น เวลาที่ต้องใช้ในการพิมพ์ของที่มีปริมาณ 1000 mm³ ด้วยอัตราการไหล 5 mm³/วินาทีคือ 200 วินาทีครับ
|
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
What role does rheology play in 3D food printing?
|
It controls the viscosity and elasticity of food in the extrusion process. |
|
ความหนืด เรออโลยีช่วยในการควบคุมความหนืดของวัสดุอาหาร ซึ่งสำคัญมากเพราะวัสดุต้องมีความหนืดที่เหมาะสมเพื่อให้ไหลผ่านหัวพิมพ์ได้ดี
ความยืดหยุ่น ช่วยให้วัสดุสามารถรักษารูปร่างได้หลังจากพิมพ์ออกมา โดยไม่ยุบตัวหรือเปลี่ยนรูป
|
การใช้หลักการและทฤษฎีทางเรออโลยีช่วยให้การพิมพ์อาหาร 3 มิติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการควบคุมและปรับแต่งความหนืด, ความยืดหยุ่น, และพฤติกรรมการไหลของวัสดุเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตรงตามที่ต้องการ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
If the surface tension of a food material affects its ability to form shapes, what physical property does it influence the most during printing?
|
Adhesion |
|
แรงตึงผิว (Surface Tension): เป็นแรงที่เกิดขึ้นที่พื้นผิวของของเหลวซึ่งผลักดันให้โมเลกุลบนพื้นผิวมีความตึงและรวมตัวกัน การที่วัสดุมีแรงตึงผิวสูงจะทำให้มันมีความยากในการยึดติดกับพื้นผิวอื่น ๆ หรือกับวัสดุที่พิมพ์ออกมาแล้ว
การยึดเกาะ (Adhesion): หมายถึงความสามารถของวัสดุในการติดหรือยึดติดกับพื้นผิวหรือวัสดุอื่น ๆ ในกรณีของการพิมพ์อาหาร 3 มิติ การยึดเกาะที่ดีจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อที่ดีระหว่างวัสดุที่พิมพ์ในแต่ละชั้นและพื้นผิวของตัวพิมพ์ รวมถึงการยึดติดระหว่างชั้นวัสดุที่พิมพ์
|
แรงตึงผิวมีผลโดยตรงต่อ การยึดเกาะ เพราะมันกำหนดความสามารถของวัสดุในการติดหรือยึดติดกับพื้นผิวและวัสดุอื่น ๆ ในกระบวนการพิมพ์ การเข้าใจและควบคุมแรงตึงผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างรูปทรงที่มีคุณภาพในการพิมพ์อาหาร 3 มิติ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
Heat transfer in 3D food printing affects the quality of the final product. Which heat transfer method is NOT typically involved in 3D food printing?
|
Evaporation |
|
เป็นกระบวนการที่สารของเหลวเปลี่ยนเป็นไอเมื่อได้รับความร้อน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในกระบวนการที่วัสดุต้องถูกทำให้แห้งหรือสูญเสียน้ำส่วนเกิน เช่น การทำอาหารในเตาอบ การระเหยไม่ใช่ส่วนสำคัญในกระบวนการพิมพ์อาหาร 3 มิติ เนื่องจากการพิมพ์อาหารมักจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอุณหภูมิเพื่อให้วัสดุมีความยืดหยุ่นและความหนืดที่เหมาะสม
|
การนำความร้อน (Conduction): เป็นการถ่ายเทความร้อนที่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงของวัสดุ เช่น ความร้อนที่ถ่ายเทจากหัวพิมพ์ไปยังวัสดุอาหารที่พิมพ์ออกมา ซึ่งช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของวัสดุในระหว่างการพิมพ์
การพาความร้อน (Convection): เป็นการถ่ายเทความร้อนผ่านการเคลื่อนที่ของอากาศหรือน้ำ โดยมีผลต่อการกระจายความร้อนในพื้นที่พิมพ์ ซึ่งอาจมีผลต่อความสม่ำเสมอของการพิมพ์
การแผ่รังสีความร้อน (Radiation): เป็นการถ่ายเทความร้อนโดยการแผ่รังสีความร้อนจากแหล่งที่มีความร้อนสูงไปยังวัสดุ ซึ่งอาจมีบทบาทในการควบคุมอุณหภูมิของหัวพิมพ์และพื้นผิวพิมพ์
การระเหิด (Sublimation): เป็นกระบวนการที่ของแข็งเปลี่ยนเป็นไอโดยตรงโดยไม่ผ่านสถานะของเหลว ซึ่งไม่ใช่กระบวนการที่ใช้บ่อยในการพิมพ์อาหาร 3 มิติ แต่จะมีบทบาทในกรณีพิเศษ เช่น การพิมพ์ด้วยวัสดุที่สามารถระเหิดได้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
If a 3D printer uses a laser with a power of 10 W and the efficiency of converting electrical energy to thermal energy is 80%, what is the actual thermal energy used for printing?
|
8 W |
|
การแปลงพลังงาน: เมื่อเลเซอร์มีพลังงาน 10 W แต่ไม่ทั้งหมดถูกแปลงเป็นความร้อนที่ใช้ได้จริง เนื่องจากประสิทธิภาพของการแปลงพลังงานไม่ใช่ 100%
ความสูญเสียพลังงาน: ประสิทธิภาพ 80% หมายความว่า 20% ของพลังงานจะสูญเสียไปในรูปแบบอื่น ๆ (เช่น การสูญเสียความร้อนในระบบ) และ 80% ที่เหลือจะถูกแปลงเป็นพลังงานความร้อนที่ใช้ในการพิมพ์
|
ทฤษฎีการแปลงพลังงาน: ทำให้เราเข้าใจว่าไม่ทั้งหมดของพลังงานที่นำเข้า (ในกรณีนี้คือ 10 W) จะถูกแปลงเป็นพลังงานที่ใช้ได้จริง (พลังงานความร้อน) แต่ส่วนหนึ่งจะถูกสูญเสียไป
การคำนวณพลังงานที่ใช้ได้จริง: การใช้สูตรการคำนวณพลังงานที่ใช้ได้จริง (พลังงานที่นำเข้า × ประสิทธิภาพ) ทำให้เราทราบว่า 80% ของพลังงานที่ใช้จะเป็นพลังงานความร้อนที่มีประโยชน์ ซึ่งคือ 8 W ในกรณีนี้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
Assume the thermal conductivity of a food material is 0.2 W/mK. If the temperature gradient is 10 K/m, what is the heat flux through the material?
|
2 W/m² |
|
การนำความร้อนต่ำ: วัสดุที่มีค่าการนำความร้อนต่ำ (0.2 W/mK) จะมีการนำความร้อนผ่านวัสดุได้ไม่ดีเท่ากับวัสดุที่มีค่าการนำความร้อนสูง
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ: แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิสูง (10 K/m) แต่เนื่องจากค่าการนำความร้อนต่ำ ผลลัพธ์สุดท้ายของการไหลของความร้อนยังคงต่ำ
|
ทฤษฎีการนำความร้อน อธิบายว่า การไหลของความร้อนผ่านวัสดุขึ้นอยู่กับค่าการนำความร้อนของวัสดุนั้น ๆ และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
ค่าการนำความร้อนต่ำ (0.2 W/mK) แสดงว่าวัสดุนำความร้อนได้น้อย ซึ่งส่งผลให้การไหลของความร้อนต่ำ
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิสูง (10 K/m) หมายถึงมีความแตกต่างของอุณหภูมิที่สูงในระยะทางที่กำหนด
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
What is the significance of surface tension in the context of 3D food printing?
|
|
|
แรงตึงผิวมีผลโดยตรงต่อการจัดรูปทรงและพื้นผิวของวัสดุอาหารที่พิมพ์ออกมา ในกระบวนการพิมพ์ 3 มิติ เมื่ออาหารถูกพ่นออกมาและมีการสัมผัสกับพื้นผิวอื่น ๆ หรือกับชั้นของอาหารที่พิมพ์ก่อนหน้า แรงตึงผิวจะกำหนดความเรียบเนียนและการรวมตัวของแต่ละชั้นของอาหารได้อย่างดี
|
การที่แรงตึงผิวทำให้พื้นผิวของของเหลวมีลักษณะตึงและยืดหยุ่น ช่วยให้วัสดุพิมพ์สามารถสร้างรูปร่างที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเสถียรในการพิมพ์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
What is the primary benefit of using electrostatic field-assisted freezing (EFAF) on gluten?
|
Improves functional properties of gluten |
|
คุณสมบัติทางการทำงานของกลูเตน: กลูเตนเป็นโปรตีนที่สำคัญในแป้งที่มีบทบาทในการให้ความยืดหยุ่นและโครงสร้างแก่แป้งในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิตช่วยให้การจัดระเบียบและคุณสมบัติทางการทำงานของกลูเตนดีขึ้น เช่น ความสามารถในการจับตัวและการยืดหยุ่น
สนามไฟฟ้าสถิต: การใช้สนามไฟฟ้าสถิตในการแช่แข็งสามารถช่วยให้กระบวนการแช่แข็งเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อการพัฒนาคุณสมบัติของกลูเตนที่ดีขึ้นในขณะทำการแช่แข็ง
|
การจัดระเบียบของกลูเตน: เมื่อตัวอย่างที่มีกลูเตนถูกแช่แข็งโดยใช้สนามไฟฟ้าสถิต การจัดระเบียบโครงสร้างของกลูเตนสามารถดีขึ้นได้ เพราะสนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการจัดระเบียบของโปรตีนในระหว่างกระบวนการแช่แข็ง ซึ่งอาจส่งผลให้กลูเตนมีความสามารถในการจับตัวและยืดหยุ่นดีขึ้น
การแช่แข็งเร็วขึ้น: การใช้สนามไฟฟ้าสถิตในการแช่แข็งช่วยให้กระบวนการแช่แข็งเกิดขึ้นเร็วขึ้น ซึ่งช่วยให้กลูเตนมีโครงสร้างที่ไม่เสียหายและคุณสมบัติที่ดีขึ้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
Which functional property of gluten is NOT improved by EFAF according to the article?
|
Nutritional value |
|
ลักษณะของEFAF เป็นเทคนิคที่เน้นการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพและการทำงานของกลูเตน เช่น ความยืดหยุ่น (Elasticity), ความสามารถในการเก็บน้ำ (Water Holding Capacity), คุณสมบัติการสร้างฟอง (Foaming Properties), และการสร้างอิมัลชัน (Emulsifying Properties)
การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการจัดระเบียบโครงสร้างของกลูเตนในระหว่างกระบวนการแช่แข็ง ซึ่งมีผลดีต่อการทำงานของกลูเตนในผลิตภัณฑ์อาหาร
การเปลี่ยนแปลงของสารอาหาร:
คุณค่าทางโภชนาการ ของกลูเตนหมายถึงปริมาณสารอาหารที่มีอยู่ในกลูเตน เช่น โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เกิดจาก EFAF
EFAF มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพและการทำงานของกลูเตนมากกว่าการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มสารอาหารที่มีอยู่
|
ทฤษฎีการแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิต (EFAF):
การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิต เป็นกระบวนการที่ใช้สนามไฟฟ้าสถิตเพื่อเร่งกระบวนการแช่แข็งและปรับปรุงการจัดระเบียบของโปรตีนกลูเตน โดยเฉพาะในการเพิ่มคุณสมบัติการทำงานของกลูเตน
สนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการควบคุมการตกผลึกของน้ำในกลูเตน ซึ่งส่งผลให้มีการจัดระเบียบที่ดีขึ้นและคุณสมบัติทางกายภาพที่ดีขึ้น แต่ไม่ส่งผลต่อสารอาหารในกลูเตน
ทฤษฎีการเก็บสารอาหาร:
คุณค่าทางโภชนาการ ของกลูเตนไม่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยกระบวนการที่เน้นการปรับปรุงโครงสร้างและการทำงานทางกายภาพ เช่น EFAF เนื่องจากสารอาหารหลักไม่ได้ถูกจัดการหรือเปลี่ยนแปลงโดยการแช่แข็งแบบนี้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
If the WHC (Water Holding Capacity) of gluten increased by 0.25% under 900 V electrostatic field compared to the control, what would be the new WHC if the original was 55%?
|
55.25% |
|
ค่า WHC ใหม่ของกลูเตนจะเป็น 55.25% หลังจากการเพิ่มขึ้น 0.25% จาก WHC เดิมที่ 55%.
|
WHC เดิม = 55%
การเพิ่มขึ้น = 0.25% ของ WHC เดิม
การคำนวณ WHC ใหม่:
WHC ใหม่=WHC เดิม+การเพิ่มขึ้น
WHC ใหม่=55%+0.25%
WHC ใหม่=55.25%
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
If a sample of gluten (50 mg) is added to 4 mL of water and centrifuged, resulting in a dry weight of 20 mg, what is the WHC?
|
1.5 |
|
การคำนวณ WHC: WHC หมายถึงปริมาณน้ำที่กลูเตนสามารถเก็บได้ต่อหน่วยน้ำหนักแห้ง ซึ่งในกรณีนี้กลูเตนสามารถเก็บน้ำได้ 1.5 เท่าของน้ำหนักแห้ง
|
ปริมาณน้ำที่กลูเตนเก็บได้ = น้ำหนักเริ่มต้น - น้ำหนักแห้ง
ปริมาณน้ำที่กลูเตนเก็บได้ = 50 มิลลิกรัม - 20 มิลลิกรัม = 30 มิลลิกรัม
คำนวณ WHC:
WHC=ปริมาณน้ำที่กลูเตนเก็บได้/น้ำหนักแห้ง
30/20=1.5
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
How does EFAF affect the α-helix content of gluten proteins?
|
Increases α-helix content |
|
การปรับโครงสร้างของโปรตีน:
การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิต (EFAF): สนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการปรับโครงสร้างของโปรตีนโดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิด α-helix ได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันการแช่แข็งทำให้โครงสร้างของโปรตีนมีการจัดระเบียบใหม่
การจัดระเบียบโครงสร้าง: สนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการจัดระเบียบของโครงสร้างของโปรตีนในระหว่างกระบวนการแช่แข็ง ซึ่งอาจส่งผลให้ α-helix มีการพัฒนาและเพิ่มขึ้น
ผลของสนามไฟฟ้าสถิต:
สนามไฟฟ้าสถิต: สนามไฟฟ้าสถิตอาจมีผลต่อการจัดระเบียบของโปรตีน โดยช่วยให้ α-helix สร้างขึ้นได้ง่ายกว่า เนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิตสามารถช่วยให้การจัดเรียงของกรดอะมิโนใน α-helix เกิดขึ้นได้ดีขึ้น
|
ทฤษฎีของการจัดระเบียบโปรตีน:
โครงสร้าง α-Helix: โครงสร้าง α-helix เป็นโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นเกลียวซึ่งมีพันธะไฮโดรเจนระหว่างกรดอะมิโนในสายโซ่หลักของโปรตีน การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิตอาจช่วยให้เกิดพันธะไฮโดรเจนที่เหมาะสมและจัดระเบียบได้ดีขึ้น
การจัดเรียงของโปรตีน: สนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการจัดเรียงของกรดอะมิโนในโปรตีนในลักษณะที่เอื้อต่อการสร้าง α-helix มากขึ้น
การศึกษาและการทดลอง:
ผลการศึกษา: งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า EFAF สามารถเพิ่มปริมาณ α-helix ในโปรตีนเนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิตช่วยให้เกิดการจัดระเบียบที่ดีขึ้นของโครงสร้าง α-helix ในระหว่างการแช่แข็ง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
What is the effect of EFAF on the depolymerization degree of gluten macromolecules at 600 V?
|
Decreases to 1% |
|
การลดการเกิดปฏิกิริยา Depolymerization: EFAF ที่ใช้สนามไฟฟ้าสถิตสามารถลดการเกิดปฏิกิริยา depolymerization ของกลูเตนได้ เนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการรักษาโครงสร้างของกลูเตนให้คงที่และลดการแตกตัวของโมเลกุล
ผลของสนามไฟฟ้าสถิต: สนามไฟฟ้าสถิตที่ระดับ 600 V อาจช่วยให้กลูเตนมีความเสถียรและลดการแตกตัวของโมเลกุล ซึ่งทำให้การ depolymerization ลดลงอย่างมาก
|
การ depolymerization ของโปรตีน: การ depolymerization คือการแตกตัวของโครงสร้างโมเลกุลของโปรตีน กลูเตนมีโครงสร้างที่มีพันธะข้ามเชื่อม (cross-links) ซึ่งมีความสำคัญในการให้ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของมัน
ผลของ EFAF: EFAF ที่ใช้สนามไฟฟ้าสถิตสามารถช่วยในการป้องกันการแตกตัวของโครงสร้างโปรตีนได้ เนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิตสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยรักษาโครงสร้างโมเลกุลของกลูเตนให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
Assuming the electrostatic field changes the orientation of water molecules, what physical property does this directly influence during freezing?
|
Thermal conductivity |
|
การเปลี่ยนแปลงการจัดเรียงของโมเลกุลน้ำ: สนามไฟฟ้าสถิตสามารถเปลี่ยนแปลงการจัดเรียงของโมเลกุลน้ำ ซึ่งมีผลต่อวิธีที่น้ำสามารถถ่ายเทความร้อนขณะเกิดการแช่แข็ง
ความสามารถในการถ่ายเทความร้อน: ความสามารถในการถ่ายเทความร้อน (thermal conductivity) ขึ้นอยู่กับการจัดเรียงของโมเลกุลในวัสดุ ในกรณีของน้ำที่ถูกจัดเรียงใหม่โดยสนามไฟฟ้าสถิต ความสามารถในการถ่ายเทความร้อนอาจเปลี่ยนแปลงไป
|
ทฤษฎีการถ่ายเทความร้อน: Thermal conductivity คือคุณสมบัติที่แสดงถึงความสามารถของวัสดุในการถ่ายเทความร้อน เมื่อโมเลกุลน้ำได้รับการจัดเรียงใหม่เนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิต การจัดเรียงใหม่นี้สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่ความร้อนถูกถ่ายเทผ่านน้ำ
ผลกระทบของการจัดเรียงโมเลกุล: การจัดเรียงโมเลกุลที่แตกต่างกันจะมีผลต่อความถี่และความรวดเร็วของการถ่ายเทความร้อนในวัสดุนั้น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในลักษณะการจัดเรียงของโมเลกุลน้ำสามารถส่งผลกระทบต่อ thermal conductivity ได้โดยตรง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
Given that the electrostatic field is applied at 900 V and improves the water holding capacity by 0.25%, calculate the increase if the original water holding capacity was 2.5 g/g.
|
|
|
การคำนวณการเพิ่มขึ้น: การเพิ่มขึ้น 0.25% หมายถึงการคำนวณจากค่าที่มีอยู่เดิม โดยการคูณค่าเดิมด้วยเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นการเพิ่มที่ต้องการ
|
เปอร์เซ็นต์การเพิ่ม: การเพิ่มค่า WHC เป็นเปอร์เซ็นต์หมายถึงการคูณเปอร์เซ็นต์ที่แปลงเป็นทศนิยมกับค่า WHC เดิมเพื่อหาการเพิ่มขึ้น
การคูณ: การใช้เปอร์เซ็นต์ในรูปแบบทศนิยมกับค่า WHC เดิมทำให้ได้การเพิ่มขึ้นที่แท้จริง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
If the emulsification stability of gluten increased by 10% under EFAF and the original stability index was 50, what would be the new stability index?
|
55 |
|
|
ดัชนีความเสถียรเริ่มต้น = 50
เปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้น = 10%
แปลง 10% เป็นทศนิยม: 10%=0.10
การเพิ่มขึ้นในดัชนีความเสถียรคำนวณโดยการคูณค่าดัชนีความเสถียรเดิมด้วยเปอร์เซ็นต์การเพิ่ม (ในรูปแบบทศนิยม):
การเพิ่มขึ้นในดัชนีความเสถียร=ดัชนีความเสถียรเริ่มต้น×เปอร์เซ็นต์การเพิ่ม
50*0.10=5
ดัชนีความเสถียรใหม่ = ดัชนีความเสถียรเริ่มต้น + การเพิ่มขึ้น
ดัชนีความเสถียรใหม่=50+5=55
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
What is the significance of the g-g-g configuration of disulfide bonds in gluten proteins under EFAF?
|
Indicates increased gluten elasticity |
|
ความยืดหยุ่นของกลูเตน: การจัดเรียงของพันธะ disulfide ในรูปแบบ g-g-g (glutamine-glutamine-glutamine) เป็นการจัดเรียงที่มีความสำคัญในการเพิ่มความยืดหยุ่นของกลูเตน พันธะ disulfide เป็นการเชื่อมโยงที่ช่วยให้กลูเตนมีความยืดหยุ่นและความแข็งแรงในการยืดตัว
EFAF และความยืดหยุ่น: การใช้ EFAF อาจส่งผลให้มีการปรับโครงสร้างของโปรตีนกลูเตน ซึ่งช่วยในการสร้างพันธะ disulfide ในรูปแบบที่เอื้อต่อความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น
|
พันธะ Disulfide: พันธะ disulfide เป็นการเชื่อมโยงระหว่างกรดอะมิโนสองตัวในโปรตีนที่ช่วยในการรักษาโครงสร้างของโปรตีนและเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น
การจัดเรียง g-g-g: การจัดเรียงนี้มีความสำคัญในการเสริมสร้างพันธะ disulfide ที่ช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นของกลูเตน ทำให้กลูเตนสามารถยืดตัวและกลับสู่สภาพเดิมได้ดีขึ้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|