ตรวจข้อสอบ > วชิรวิทย์ อัปมะระกัง > ความถนัดฟิสิกส์ทางวิศวกรรมศาสตร์ | Engineering Physics Aptitude > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 12 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


What is the primary advantage of 3D food printing?

Precise and customized food creations

- การพิมพ์อาหาร 3D เป็นเทคโนโลยีที่สามารถสร้างอาหารที่มีรูปทรงและขนาดที่กำหนดได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถปรับแต่งสูตรอาหารตามความต้องการของผู้บริโภคได้ จึงถือเป็นข้อได้เปรียบหลัก เพราะทำให้สามารถสร้างสรรค์อาหารที่มีความเป็นเอกลักษณ์หรือออกแบบให้ตรงตามความต้องการเฉพาะได้

- แนวคิดเรื่อง **Customization** หรือการปรับแต่งเฉพาะบุคคล ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวโน้มที่สำคัญในอุตสาหกรรมอาหารสมัยใหม่ ผู้บริโภคต้องการสินค้าและบริการที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับตนเองได้ การพิมพ์อาหาร 3D จึงตอบสนองต่อความต้องการนี้ได้อย่างดี - ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับ **Innovation in Food Technology** ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าและคุณค่าของผลิตภัณฑ์อาหาร การพิมพ์อาหาร 3D จึงเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารให้ทันสมัยและตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


Which component is NOT part of a standard 3D food printer?

Mixing bowl

ชามผสม (Mixing Bowl) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการผสมส่วนผสมอาหาร แต่ไม่ใช่ส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับเครื่องพิมพ์อาหาร 3D โดยตรง เครื่องพิมพ์อาหาร 3D จะใช้ส่วนประกอบเช่น คอมพิวเตอร์ (Computer) เพื่อควบคุม, กล่องควบคุม (Control Box) สำหรับการทำงาน, มอเตอร์สำหรับการพิมพ์อาหาร (Food Printer Motors) และซอฟต์แวร์ (Software) สำหรับการออกแบบและควบคุมการพิมพ์

การใช้ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโครงสร้างและการทำงานของเครื่องพิมพ์ 3D ในการตอบ เนื่องจากเครื่องพิมพ์ 3D อาหารนั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้เทคโนโลยีในการพิมพ์วัตถุดิบอาหารลงในรูปทรงที่กำหนดโดยไม่ต้องใช้ชามผสมเหมือนกับการเตรียมอาหารแบบดั้งเดิม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


If a 3D printer deposits a food layer with a thickness of 0.1 mm and builds up to a height of 20 mm, how many layers are required?

200

เราสามารถคำนวณจำนวนชั้นที่ต้องการได้โดยการนำความสูงทั้งหมดที่ต้องการ (20 มม.) หารด้วยความหนาของแต่ละชั้น (0.1 มม.) ดังนั้น 20 มม. ÷ 0.1 มม. = 200 ชั้น

การใช้ การคำนวณทางคณิตศาสตร์พื้นฐาน ที่เกี่ยวกับการหารเพื่อตอบคำถามนี้ โดยการนำค่าความสูงรวมมาหารด้วยค่าความหนาของชั้นเดียว • ทฤษฎีนี้อ้างอิงจาก กฎพื้นฐานของการหารในคณิตศาสตร์ ซึ่งใช้ในการแบ่งค่าหนึ่งออกเป็นส่วนย่อยตามขนาดที่กำหนด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


A printer uses an extrusion process where the food material flows at a rate of 5 mm³/s. How long will it take to print a food item of 1000 mm³

200 seconds

เหตุผลที่ใช้สูตรนี้: สูตรนี้ใช้เพราะเราต้องการหาค่าของเวลา ซึ่งเป็นการหารปริมาณที่ต้องการพิมพ์ด้วยอัตราการไหลของวัสดุ การหารนี้จะบอกว่าในแต่ละวินาทีพิมพ์ได้เท่าไหร่และต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการพิมพ์ปริมาณทั้งหมดที่ต้องการ ดังนั้น เวลาที่ต้องใช้ในการพิมพ์ของที่มีปริมาณ 1000 mm³ ด้วยอัตราการไหล 5 mm³/วินาทีคือ 200 วินาทีครับ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


What role does rheology play in 3D food printing?

It controls the viscosity and elasticity of food in the extrusion process.

ความหนืด เรออโลยีช่วยในการควบคุมความหนืดของวัสดุอาหาร ซึ่งสำคัญมากเพราะวัสดุต้องมีความหนืดที่เหมาะสมเพื่อให้ไหลผ่านหัวพิมพ์ได้ดี ความยืดหยุ่น ช่วยให้วัสดุสามารถรักษารูปร่างได้หลังจากพิมพ์ออกมา โดยไม่ยุบตัวหรือเปลี่ยนรูป

การใช้หลักการและทฤษฎีทางเรออโลยีช่วยให้การพิมพ์อาหาร 3 มิติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการควบคุมและปรับแต่งความหนืด, ความยืดหยุ่น, และพฤติกรรมการไหลของวัสดุเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตรงตามที่ต้องการ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


If the surface tension of a food material affects its ability to form shapes, what physical property does it influence the most during printing?

Adhesion

แรงตึงผิว (Surface Tension): เป็นแรงที่เกิดขึ้นที่พื้นผิวของของเหลวซึ่งผลักดันให้โมเลกุลบนพื้นผิวมีความตึงและรวมตัวกัน การที่วัสดุมีแรงตึงผิวสูงจะทำให้มันมีความยากในการยึดติดกับพื้นผิวอื่น ๆ หรือกับวัสดุที่พิมพ์ออกมาแล้ว การยึดเกาะ (Adhesion): หมายถึงความสามารถของวัสดุในการติดหรือยึดติดกับพื้นผิวหรือวัสดุอื่น ๆ ในกรณีของการพิมพ์อาหาร 3 มิติ การยึดเกาะที่ดีจำเป็นต้องมีการเชื่อมต่อที่ดีระหว่างวัสดุที่พิมพ์ในแต่ละชั้นและพื้นผิวของตัวพิมพ์ รวมถึงการยึดติดระหว่างชั้นวัสดุที่พิมพ์

แรงตึงผิวมีผลโดยตรงต่อ การยึดเกาะ เพราะมันกำหนดความสามารถของวัสดุในการติดหรือยึดติดกับพื้นผิวและวัสดุอื่น ๆ ในกระบวนการพิมพ์ การเข้าใจและควบคุมแรงตึงผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างรูปทรงที่มีคุณภาพในการพิมพ์อาหาร 3 มิติ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


Heat transfer in 3D food printing affects the quality of the final product. Which heat transfer method is NOT typically involved in 3D food printing?

Evaporation

เป็นกระบวนการที่สารของเหลวเปลี่ยนเป็นไอเมื่อได้รับความร้อน ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในกระบวนการที่วัสดุต้องถูกทำให้แห้งหรือสูญเสียน้ำส่วนเกิน เช่น การทำอาหารในเตาอบ การระเหยไม่ใช่ส่วนสำคัญในกระบวนการพิมพ์อาหาร 3 มิติ เนื่องจากการพิมพ์อาหารมักจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอุณหภูมิเพื่อให้วัสดุมีความยืดหยุ่นและความหนืดที่เหมาะสม

การนำความร้อน (Conduction): เป็นการถ่ายเทความร้อนที่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงของวัสดุ เช่น ความร้อนที่ถ่ายเทจากหัวพิมพ์ไปยังวัสดุอาหารที่พิมพ์ออกมา ซึ่งช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของวัสดุในระหว่างการพิมพ์ การพาความร้อน (Convection): เป็นการถ่ายเทความร้อนผ่านการเคลื่อนที่ของอากาศหรือน้ำ โดยมีผลต่อการกระจายความร้อนในพื้นที่พิมพ์ ซึ่งอาจมีผลต่อความสม่ำเสมอของการพิมพ์ การแผ่รังสีความร้อน (Radiation): เป็นการถ่ายเทความร้อนโดยการแผ่รังสีความร้อนจากแหล่งที่มีความร้อนสูงไปยังวัสดุ ซึ่งอาจมีบทบาทในการควบคุมอุณหภูมิของหัวพิมพ์และพื้นผิวพิมพ์ การระเหิด (Sublimation): เป็นกระบวนการที่ของแข็งเปลี่ยนเป็นไอโดยตรงโดยไม่ผ่านสถานะของเหลว ซึ่งไม่ใช่กระบวนการที่ใช้บ่อยในการพิมพ์อาหาร 3 มิติ แต่จะมีบทบาทในกรณีพิเศษ เช่น การพิมพ์ด้วยวัสดุที่สามารถระเหิดได้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


If a 3D printer uses a laser with a power of 10 W and the efficiency of converting electrical energy to thermal energy is 80%, what is the actual thermal energy used for printing?

8 W

การแปลงพลังงาน: เมื่อเลเซอร์มีพลังงาน 10 W แต่ไม่ทั้งหมดถูกแปลงเป็นความร้อนที่ใช้ได้จริง เนื่องจากประสิทธิภาพของการแปลงพลังงานไม่ใช่ 100% ความสูญเสียพลังงาน: ประสิทธิภาพ 80% หมายความว่า 20% ของพลังงานจะสูญเสียไปในรูปแบบอื่น ๆ (เช่น การสูญเสียความร้อนในระบบ) และ 80% ที่เหลือจะถูกแปลงเป็นพลังงานความร้อนที่ใช้ในการพิมพ์

ทฤษฎีการแปลงพลังงาน: ทำให้เราเข้าใจว่าไม่ทั้งหมดของพลังงานที่นำเข้า (ในกรณีนี้คือ 10 W) จะถูกแปลงเป็นพลังงานที่ใช้ได้จริง (พลังงานความร้อน) แต่ส่วนหนึ่งจะถูกสูญเสียไป การคำนวณพลังงานที่ใช้ได้จริง: การใช้สูตรการคำนวณพลังงานที่ใช้ได้จริง (พลังงานที่นำเข้า × ประสิทธิภาพ) ทำให้เราทราบว่า 80% ของพลังงานที่ใช้จะเป็นพลังงานความร้อนที่มีประโยชน์ ซึ่งคือ 8 W ในกรณีนี้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


Assume the thermal conductivity of a food material is 0.2 W/mK. If the temperature gradient is 10 K/m, what is the heat flux through the material?

2 W/m²

การนำความร้อนต่ำ: วัสดุที่มีค่าการนำความร้อนต่ำ (0.2 W/mK) จะมีการนำความร้อนผ่านวัสดุได้ไม่ดีเท่ากับวัสดุที่มีค่าการนำความร้อนสูง การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ: แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิสูง (10 K/m) แต่เนื่องจากค่าการนำความร้อนต่ำ ผลลัพธ์สุดท้ายของการไหลของความร้อนยังคงต่ำ

ทฤษฎีการนำความร้อน อธิบายว่า การไหลของความร้อนผ่านวัสดุขึ้นอยู่กับค่าการนำความร้อนของวัสดุนั้น ๆ และการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ค่าการนำความร้อนต่ำ (0.2 W/mK) แสดงว่าวัสดุนำความร้อนได้น้อย ซึ่งส่งผลให้การไหลของความร้อนต่ำ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิสูง (10 K/m) หมายถึงมีความแตกต่างของอุณหภูมิที่สูงในระยะทางที่กำหนด

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


What is the significance of surface tension in the context of 3D food printing?

แรงตึงผิวมีผลโดยตรงต่อการจัดรูปทรงและพื้นผิวของวัสดุอาหารที่พิมพ์ออกมา ในกระบวนการพิมพ์ 3 มิติ เมื่ออาหารถูกพ่นออกมาและมีการสัมผัสกับพื้นผิวอื่น ๆ หรือกับชั้นของอาหารที่พิมพ์ก่อนหน้า แรงตึงผิวจะกำหนดความเรียบเนียนและการรวมตัวของแต่ละชั้นของอาหารได้อย่างดี

การที่แรงตึงผิวทำให้พื้นผิวของของเหลวมีลักษณะตึงและยืดหยุ่น ช่วยให้วัสดุพิมพ์สามารถสร้างรูปร่างที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเสถียรในการพิมพ์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


What is the primary benefit of using electrostatic field-assisted freezing (EFAF) on gluten?

Improves functional properties of gluten

คุณสมบัติทางการทำงานของกลูเตน: กลูเตนเป็นโปรตีนที่สำคัญในแป้งที่มีบทบาทในการให้ความยืดหยุ่นและโครงสร้างแก่แป้งในผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิตช่วยให้การจัดระเบียบและคุณสมบัติทางการทำงานของกลูเตนดีขึ้น เช่น ความสามารถในการจับตัวและการยืดหยุ่น สนามไฟฟ้าสถิต: การใช้สนามไฟฟ้าสถิตในการแช่แข็งสามารถช่วยให้กระบวนการแช่แข็งเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อการพัฒนาคุณสมบัติของกลูเตนที่ดีขึ้นในขณะทำการแช่แข็ง

การจัดระเบียบของกลูเตน: เมื่อตัวอย่างที่มีกลูเตนถูกแช่แข็งโดยใช้สนามไฟฟ้าสถิต การจัดระเบียบโครงสร้างของกลูเตนสามารถดีขึ้นได้ เพราะสนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการจัดระเบียบของโปรตีนในระหว่างกระบวนการแช่แข็ง ซึ่งอาจส่งผลให้กลูเตนมีความสามารถในการจับตัวและยืดหยุ่นดีขึ้น การแช่แข็งเร็วขึ้น: การใช้สนามไฟฟ้าสถิตในการแช่แข็งช่วยให้กระบวนการแช่แข็งเกิดขึ้นเร็วขึ้น ซึ่งช่วยให้กลูเตนมีโครงสร้างที่ไม่เสียหายและคุณสมบัติที่ดีขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Which functional property of gluten is NOT improved by EFAF according to the article?

Nutritional value

ลักษณะของEFAF เป็นเทคนิคที่เน้นการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพและการทำงานของกลูเตน เช่น ความยืดหยุ่น (Elasticity), ความสามารถในการเก็บน้ำ (Water Holding Capacity), คุณสมบัติการสร้างฟอง (Foaming Properties), และการสร้างอิมัลชัน (Emulsifying Properties) การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการจัดระเบียบโครงสร้างของกลูเตนในระหว่างกระบวนการแช่แข็ง ซึ่งมีผลดีต่อการทำงานของกลูเตนในผลิตภัณฑ์อาหาร การเปลี่ยนแปลงของสารอาหาร: คุณค่าทางโภชนาการ ของกลูเตนหมายถึงปริมาณสารอาหารที่มีอยู่ในกลูเตน เช่น โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เกิดจาก EFAF EFAF มุ่งเน้นการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพและการทำงานของกลูเตนมากกว่าการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มสารอาหารที่มีอยู่

ทฤษฎีการแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิต (EFAF): การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิต เป็นกระบวนการที่ใช้สนามไฟฟ้าสถิตเพื่อเร่งกระบวนการแช่แข็งและปรับปรุงการจัดระเบียบของโปรตีนกลูเตน โดยเฉพาะในการเพิ่มคุณสมบัติการทำงานของกลูเตน สนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการควบคุมการตกผลึกของน้ำในกลูเตน ซึ่งส่งผลให้มีการจัดระเบียบที่ดีขึ้นและคุณสมบัติทางกายภาพที่ดีขึ้น แต่ไม่ส่งผลต่อสารอาหารในกลูเตน ทฤษฎีการเก็บสารอาหาร: คุณค่าทางโภชนาการ ของกลูเตนไม่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยกระบวนการที่เน้นการปรับปรุงโครงสร้างและการทำงานทางกายภาพ เช่น EFAF เนื่องจากสารอาหารหลักไม่ได้ถูกจัดการหรือเปลี่ยนแปลงโดยการแช่แข็งแบบนี้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


If the WHC (Water Holding Capacity) of gluten increased by 0.25% under 900 V electrostatic field compared to the control, what would be the new WHC if the original was 55%?

55.25%

ค่า WHC ใหม่ของกลูเตนจะเป็น 55.25% หลังจากการเพิ่มขึ้น 0.25% จาก WHC เดิมที่ 55%.

WHC เดิม = 55% การเพิ่มขึ้น = 0.25% ของ WHC เดิม การคำนวณ WHC ใหม่: WHC ใหม่=WHC เดิม+การเพิ่มขึ้น WHC ใหม่=55%+0.25% WHC ใหม่=55.25%

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


If a sample of gluten (50 mg) is added to 4 mL of water and centrifuged, resulting in a dry weight of 20 mg, what is the WHC?

1.5

การคำนวณ WHC: WHC หมายถึงปริมาณน้ำที่กลูเตนสามารถเก็บได้ต่อหน่วยน้ำหนักแห้ง ซึ่งในกรณีนี้กลูเตนสามารถเก็บน้ำได้ 1.5 เท่าของน้ำหนักแห้ง

ปริมาณน้ำที่กลูเตนเก็บได้ = น้ำหนักเริ่มต้น - น้ำหนักแห้ง ปริมาณน้ำที่กลูเตนเก็บได้ = 50 มิลลิกรัม - 20 มิลลิกรัม = 30 มิลลิกรัม คำนวณ WHC: WHC=ปริมาณน้ำที่กลูเตนเก็บได้/น้ำหนักแห้ง 30/20=1.5

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


How does EFAF affect the α-helix content of gluten proteins?

Increases α-helix content

การปรับโครงสร้างของโปรตีน: การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิต (EFAF): สนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการปรับโครงสร้างของโปรตีนโดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเกิด α-helix ได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันการแช่แข็งทำให้โครงสร้างของโปรตีนมีการจัดระเบียบใหม่ การจัดระเบียบโครงสร้าง: สนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการจัดระเบียบของโครงสร้างของโปรตีนในระหว่างกระบวนการแช่แข็ง ซึ่งอาจส่งผลให้ α-helix มีการพัฒนาและเพิ่มขึ้น ผลของสนามไฟฟ้าสถิต: สนามไฟฟ้าสถิต: สนามไฟฟ้าสถิตอาจมีผลต่อการจัดระเบียบของโปรตีน โดยช่วยให้ α-helix สร้างขึ้นได้ง่ายกว่า เนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิตสามารถช่วยให้การจัดเรียงของกรดอะมิโนใน α-helix เกิดขึ้นได้ดีขึ้น

ทฤษฎีของการจัดระเบียบโปรตีน: โครงสร้าง α-Helix: โครงสร้าง α-helix เป็นโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นเกลียวซึ่งมีพันธะไฮโดรเจนระหว่างกรดอะมิโนในสายโซ่หลักของโปรตีน การแช่แข็งด้วยสนามไฟฟ้าสถิตอาจช่วยให้เกิดพันธะไฮโดรเจนที่เหมาะสมและจัดระเบียบได้ดีขึ้น การจัดเรียงของโปรตีน: สนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการจัดเรียงของกรดอะมิโนในโปรตีนในลักษณะที่เอื้อต่อการสร้าง α-helix มากขึ้น การศึกษาและการทดลอง: ผลการศึกษา: งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า EFAF สามารถเพิ่มปริมาณ α-helix ในโปรตีนเนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิตช่วยให้เกิดการจัดระเบียบที่ดีขึ้นของโครงสร้าง α-helix ในระหว่างการแช่แข็ง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


What is the effect of EFAF on the depolymerization degree of gluten macromolecules at 600 V?

Decreases to 1%

การลดการเกิดปฏิกิริยา Depolymerization: EFAF ที่ใช้สนามไฟฟ้าสถิตสามารถลดการเกิดปฏิกิริยา depolymerization ของกลูเตนได้ เนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิตช่วยในการรักษาโครงสร้างของกลูเตนให้คงที่และลดการแตกตัวของโมเลกุล ผลของสนามไฟฟ้าสถิต: สนามไฟฟ้าสถิตที่ระดับ 600 V อาจช่วยให้กลูเตนมีความเสถียรและลดการแตกตัวของโมเลกุล ซึ่งทำให้การ depolymerization ลดลงอย่างมาก

การ depolymerization ของโปรตีน: การ depolymerization คือการแตกตัวของโครงสร้างโมเลกุลของโปรตีน กลูเตนมีโครงสร้างที่มีพันธะข้ามเชื่อม (cross-links) ซึ่งมีความสำคัญในการให้ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของมัน ผลของ EFAF: EFAF ที่ใช้สนามไฟฟ้าสถิตสามารถช่วยในการป้องกันการแตกตัวของโครงสร้างโปรตีนได้ เนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิตสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยรักษาโครงสร้างโมเลกุลของกลูเตนให้อยู่ในสภาพที่ดีขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


Assuming the electrostatic field changes the orientation of water molecules, what physical property does this directly influence during freezing?

Thermal conductivity

การเปลี่ยนแปลงการจัดเรียงของโมเลกุลน้ำ: สนามไฟฟ้าสถิตสามารถเปลี่ยนแปลงการจัดเรียงของโมเลกุลน้ำ ซึ่งมีผลต่อวิธีที่น้ำสามารถถ่ายเทความร้อนขณะเกิดการแช่แข็ง ความสามารถในการถ่ายเทความร้อน: ความสามารถในการถ่ายเทความร้อน (thermal conductivity) ขึ้นอยู่กับการจัดเรียงของโมเลกุลในวัสดุ ในกรณีของน้ำที่ถูกจัดเรียงใหม่โดยสนามไฟฟ้าสถิต ความสามารถในการถ่ายเทความร้อนอาจเปลี่ยนแปลงไป

ทฤษฎีการถ่ายเทความร้อน: Thermal conductivity คือคุณสมบัติที่แสดงถึงความสามารถของวัสดุในการถ่ายเทความร้อน เมื่อโมเลกุลน้ำได้รับการจัดเรียงใหม่เนื่องจากสนามไฟฟ้าสถิต การจัดเรียงใหม่นี้สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีที่ความร้อนถูกถ่ายเทผ่านน้ำ ผลกระทบของการจัดเรียงโมเลกุล: การจัดเรียงโมเลกุลที่แตกต่างกันจะมีผลต่อความถี่และความรวดเร็วของการถ่ายเทความร้อนในวัสดุนั้น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงในลักษณะการจัดเรียงของโมเลกุลน้ำสามารถส่งผลกระทบต่อ thermal conductivity ได้โดยตรง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


Given that the electrostatic field is applied at 900 V and improves the water holding capacity by 0.25%, calculate the increase if the original water holding capacity was 2.5 g/g.

การคำนวณการเพิ่มขึ้น: การเพิ่มขึ้น 0.25% หมายถึงการคำนวณจากค่าที่มีอยู่เดิม โดยการคูณค่าเดิมด้วยเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งให้ผลลัพธ์เป็นการเพิ่มที่ต้องการ

เปอร์เซ็นต์การเพิ่ม: การเพิ่มค่า WHC เป็นเปอร์เซ็นต์หมายถึงการคูณเปอร์เซ็นต์ที่แปลงเป็นทศนิยมกับค่า WHC เดิมเพื่อหาการเพิ่มขึ้น การคูณ: การใช้เปอร์เซ็นต์ในรูปแบบทศนิยมกับค่า WHC เดิมทำให้ได้การเพิ่มขึ้นที่แท้จริง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


If the emulsification stability of gluten increased by 10% under EFAF and the original stability index was 50, what would be the new stability index?

55

ดัชนีความเสถียรเริ่มต้น = 50 เปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้น = 10% แปลง 10% เป็นทศนิยม: 10%=0.10 การเพิ่มขึ้นในดัชนีความเสถียรคำนวณโดยการคูณค่าดัชนีความเสถียรเดิมด้วยเปอร์เซ็นต์การเพิ่ม (ในรูปแบบทศนิยม): การเพิ่มขึ้นในดัชนีความเสถียร=ดัชนีความเสถียรเริ่มต้น×เปอร์เซ็นต์การเพิ่ม 50*0.10=5 ดัชนีความเสถียรใหม่ = ดัชนีความเสถียรเริ่มต้น + การเพิ่มขึ้น ดัชนีความเสถียรใหม่=50+5=55

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


What is the significance of the g-g-g configuration of disulfide bonds in gluten proteins under EFAF?

Indicates increased gluten elasticity

ความยืดหยุ่นของกลูเตน: การจัดเรียงของพันธะ disulfide ในรูปแบบ g-g-g (glutamine-glutamine-glutamine) เป็นการจัดเรียงที่มีความสำคัญในการเพิ่มความยืดหยุ่นของกลูเตน พันธะ disulfide เป็นการเชื่อมโยงที่ช่วยให้กลูเตนมีความยืดหยุ่นและความแข็งแรงในการยืดตัว EFAF และความยืดหยุ่น: การใช้ EFAF อาจส่งผลให้มีการปรับโครงสร้างของโปรตีนกลูเตน ซึ่งช่วยในการสร้างพันธะ disulfide ในรูปแบบที่เอื้อต่อความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น

พันธะ Disulfide: พันธะ disulfide เป็นการเชื่อมโยงระหว่างกรดอะมิโนสองตัวในโปรตีนที่ช่วยในการรักษาโครงสร้างของโปรตีนและเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น การจัดเรียง g-g-g: การจัดเรียงนี้มีความสำคัญในการเสริมสร้างพันธะ disulfide ที่ช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นของกลูเตน ทำให้กลูเตนสามารถยืดตัวและกลับสู่สภาพเดิมได้ดีขึ้น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 81.1 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา