1 |
จุดสนใจหลักของคณะทำงานด้านหลักฐานทางคลินิกเกี่ยวกับโรคโควิด-19 แห่งชาติของออสเตรเลียคืออะไร
|
การพัฒนาแนวปฏิบัติในการดำรงชีวิตเพื่อการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19 |
|
เพราะจากการศึกษาในงานวิจัย พบว่า สาเหตุนี้เป็นจุดสนใจหลักของงานวิจัย มีการทดสอบ ทดลอง หาวิธีการแก้ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการดำรงชีวิตในการดูแลผู้ป่วยโรคโควิด-19
|
ใช้การอ่าน การจับใจความในงานวิจัยที่นำมาซึ่งคำตอบ และรายละเอียดก็สามารสรุปคร่าว ๆ ได้ จากงานวิจัย experiences with COVID-19 case investigation and contact tracing
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
สาระสำคัญของแนวทางการดำเนินชีวิตตามบทความนี้คืออะไร
|
คำแนะนำคงที่ |
|
วิจัยนี้ ผู้วิจัยได้ทำการทดลอง หาแนวทางการดำเนินชีวิตจนได้คำแนะนำที่คงที่ ไม่ว่าจะยุคไหนก็สามารถนำคำแนะนำนี้ไปปฏิบัติ เพื่อรักษาตัวเมื่อติดโควิดได้
|
อ่านจากงานวิจัย และสรุปได้ว่าเป็นการให้แนวทางปฏิบัติที่คงที่ ใช้ได้แนวทางนี้ได้เสมอ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
การปรับปรุงการประเมินผลกระทบเมื่อใด
|
มกราคมและมีนาคม 2565 |
|
งานวิจัยช่วงหนึ่ง ได้บอกว่าเขาได้ไปสัมภาษณ์ เก็บผล และนำผลมาวิเคราะห์ ซึ่งเหตุการณ์นี้อยู่ในช่วง มกราคม และมีนาคม 2565
|
อ้างอิงข้อมูลมาจากงานวิจัย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
ผู้เข้าร่วมร้อยละเท่าใดที่รายงานว่าใช้แนวทางปฏิบัติภายในสถานที่ทำงานของตน
|
60% |
|
เพราะในงานวิจัยได้บอกไว้ว่ามีผู้คนจำนวน 60 เปอรเซนต์ที่ใช้งานแนวทางปฏิบัติภายในสถานที่ทำงาน
|
การอ่านงานวิจัย และการคำนวณ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
เขียนอธิบาย | อภิปรายถึงความสำคัญของแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิตในช่วงที่มีฐานหลักฐานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและขยายตัวในบริบทของการแพร่ระบาด แนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิตจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอย่างไร
|
แนสปฏิบัติมีความสำคัญมาก และสามารถจัดการกับความท้าทายได้ในทุกสถานการณ์ |
|
เนื่องจาก ผู้วิจัยได้ทำการคิดค้นแนวทาง หรือวิธีที่ดีที่สุดแล้วในการปฏิบัติรักษาตัวในช่วงการแพร่ระบาด และแนวทางนี้สามารถจัดการความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ เพราะข้อมูล คำแนะนำมีความคงที่ ผู้เข้าร่วมการทดลองส่วนใหญ่ใช้ได้ผลไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ๆ
|
ข้อมูลจากส่วนนี้ได้มาจากการสรุปงานวิจัย
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
อะไรคือจุดสนใจหลักของระบบหุ่นยนต์ประกอบที่มีความแม่นยำสูงที่นำเสนอ
|
การประกอบชิ้นส่วนที่แม่นยำและขจัดความล้มเหลวในการประกอบ |
|
เพราะงานวิจัยนี้ ผู้วิจัยต้องการศึกษาการประกอบชิ้นส่วนที่แม่นยำและขจัดความล้มเหลวในการประกอบ เพื่อนำกลยุทธ์ AI ไปใช้ปรับปรุงจุดบกพร่องในงานหุ่นยนต์ต่าง ๆ
|
อ่านจากงานวิจัย : Understanding the factors influencing acceptability of AI in medical imaging domains among healthcare professionals
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
วัตถุประสงค์หลักของระบบหุ่นยนต์ตามเนื้อเรื่องคืออะไร
|
การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน |
|
เพราะ ในช่วง introduction เขาได้กล่าวถึงการที่ AI สามารถพัฒนาเพิ่มความเร็ว คุณภาพ และมูลค่าของงานที่ทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างมาก
|
อ่านจากงานวิจัยช่วง introduction ที่มีการบอกเกี่ยวกับคำถามนี้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
เทคโนโลยีใดที่ได้รับการเน้นย้ำว่าเป็นพื้นฐานในการบรรลุการประกอบชิ้นส่วนที่แม่นยำในระบบหุ่นยนต์ที่นำเสนอ
|
คณิตศาสตร์ขั้นสูง |
|
การนำมาซึ่งการพัฒนา ปรับปรุง AI หรือหุ่นยนต์ ย่อมมาจากการใช้กระบวนการทางคณิตศาสตร์ขั้นสูง เลขฐานคณิต สูตรต่าง ๆ
|
การอ่านจากงานวิจัย และความรู้จากการที่ได้ศึกษาระบบการพัฒนาคอมพิวเตอร์จากสื่อโซเชียลมีเดีย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
ระบบหุ่นยนต์ที่นำเสนอมีเป้าหมายที่จะเอาชนะปัญหาอะไรบ้าง
|
ต้นทุนการติดตั้งสูง ความยุ่งยากในการติดตั้ง และไม่สามารถประกอบงานอัตโนมัติได้ |
|
ระบบหุ่นยนต์ใหม่สามารถแก้ปัญหาสิ่งที่ตอบไปข้างต้นได้ ผู้วิจัยได้พัฒนาระบบหุ่นยต์จนสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้
|
จากการอ่านงานวิจัยช่วงสรุปตอนท้าย ผลของการพัฒนาหุ่นยนต์
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
เขียนอธิบาย | อธิบายความสำคัญของการใช้การสัมผัสด้วยปลายนิ้วของมนุษย์ในระบบหุ่นยนต์ประกอบที่มีความแม่นยำสูงที่เสนอ สิ่งนี้มีส่วนช่วยให้บรรลุผลสำเร็จในการประกอบชิ้นส่วนที่แม่นยำอย่างไร และความท้าทายใดที่อาจเกิดขึ้นในการนำแนวทางสัมผัสดังกล่าวมาใช้ในวิทยาการหุ่นยนต์
|
ช่วยในการทำให้เครื่องมือในระบบหุ่นยนต์มีความแม่นยำขึ้น ตรงตามเป้าหมาย สามารถนำไปใช้ด้านการแพทย์ได้ และอาขเกิดความท้าทายในเรื่องของการพัฒนาต่อยอด AI ให้ทำงานได้อย่างหลากหลายและแม่นยำภายในตัวเดียว |
|
เพราะ หุ่นยนต์มีประโยชน์อย่างมากในอนาคต สามารถทำงานอย่างเป็นระบบ
|
เอามาจากงานวิจัยช่วง conclusion บวกกับความคิดของตนเอง
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
จุดสนใจหลักของคณะกรรมการสมาคมระหว่างประเทศเพื่อการบำบัดด้วยเซลล์และยีนเกี่ยวกับจริยธรรมแห่งการบำบัดด้วยเซลล์และยีน ตามที่กล่าวไว้ในบทความนี้คืออะไร
|
การค้าการแทรกแซงที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ |
|
เพราะ ผู้วิจัยมีการพัฒนา ฟื้นฟู สำหรับการถ่ายทอดเซลล์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ STEM-PD โดยการแทรกแซงสินค้าที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์
|
อ่านจากงานวิจัย เรื่อง Preclinical quality, safety, and efficacy of a human embryonic system cell-derived product for the treatment of Pakinson's disease, STEM-PD
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
บทความนี้เน้นถึงแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับเวชศาสตร์ฟื้นฟูอย่างไร
|
การแพร่กระจายของผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ก่อนกำหนด |
|
เพราะในบทความมีการบอกถึงการฟื้นฟูการทำงานอย่างเต็มรุปแบบในพรีคลินิก
|
อ่านจากงานวิจัยที่กล่าวไว้ข้างต้น
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
จุดยืนของคณะกรรมการระหว่างประเทศเพื่อการบำบัดด้วยเซลล์และยีนเกี่ยวกับการดำเนินการเชิงพาณิชย์ก่อนกำหนดของการแทรกแซงด้วยเซลล์และยีนคืออะไร
|
การเป็นกลาง |
|
ผู้วิจัยต้องมีความเป็นกลางก่อนที่จะศึกษางานไม่ว่าจะงานใดก็ตาม
|
ความรู้ที่เคยศึกษามา
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
อะไรคือสิ่งที่เน้นย้ำว่าเป็นหลักการชี้นำสำหรับการพัฒนาทางจริยธรรมของผลิตภัณฑ์เซลล์และผลิตภัณฑ์จากเซลล์ตามบทความนี้
|
ความปลอดภัยของผู้ป่วยและประโยชน์ในการรักษา |
|
จากการศึกษางานวิจัย ผู้วิจับชี้นำให้เห็นถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยและประโยชน์ในการรักษามากที่สุด
|
ได้จากการอ่านข้อมูลงานวิจัยและสรุปคร่าว ๆ
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
เขียนอธิบาย | อภิปรายถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการค้าก่อนกำหนดของการแทรกแซงเซลล์และยีนที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ แนวโน้มนี้จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ป่วยอย่างไร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟูควรคำนึงถึงข้อพิจารณาด้านจริยธรรมอะไรบ้าง
|
เป็นสิ่งที่ดีที่ผู้วิจัยเข้าไปแทรกแซงเซลล์และยีนทีี่ไม่ได้รับการพิสูจน์ เพื่อให้ยาที่ออกมาส่งผลดี และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในอนาคต ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยปลอดภัย มีความสบายใจมากขึ้น ผู้มีส่วนร่วมควรมีจริยธรรมเรื่องความซื่อสัตย์ รับผิดชอบ |
|
เป็นสิ่งที่ผู้วิจัย เจ้าหน้าที่ควรกระทำอยู่แล้ว เพื่อประโยชน์ ปลอดภัยต่อผู้ป่วยเมื่อใช้งานจริง
|
สรุปจากงานวิจัย + ความคิดของตนเองที่มีต่องานวิจัยในเรื่องนี้
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
อะไรคือจุดเน้นหลักของการศึกษาเกี่ยวกับทารกแรกเกิดและลำดับเสียง
|
เอาชนะการรับรู้ในลำดับที่ไม่ต่อเนื่องกัน |
|
เด็กต้องการเอาชนะการรับรู้ในลำดับที่ไม่ต่อเนื่องกัน โดยเด็กก็ไม่รู้ว่าเสียงตัวเองดังแค่ไหน แต่แค่ต้องการเอาชนะเสียงที่เปล่งออกมา
|
แนวคิด และประสบการณ์ของตนเอง
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
นักวิจัยได้จัดการกับลำดับเสียงที่ไม่เท่ากันในการทดลองอย่างไร
|
การสลับเสียงที่เน้นเสียงและไม่เน้นเสียง |
|
นักวิจัยได้จัดการกับลำดับเสียงของทารกที่ไม่มีความเท่ากัน โดยมีการสลับเสียงไปมา
|
อ่านมาจากงานวิจัยที่ทำเกี่ยวกับเรื่องนี้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
อะไรคือความท้าทายหลักในการแยกแยะการเรียนรู้ทางสถิติจากการรับรู้จังหวะในลำดับไอโซโครนัสสำหรับทารกแรกเกิด
|
ความสม่ำเสมอที่แยกไม่ออกในลำดับเสียง |
|
มีอยู่บ้างที่เด็กพูดแต่จะไม่เน้นลำดับเสียงสูง-ต่ำ หนัก-เบา ทำให้เราไม่รู้ว่าเด็กพูดอะไรหรือเปล่า
|
แนวคิด และประสบการณ์ของตนเอง อีกทั้งงานวิจัยได้พูดถึงเรื่องนี้
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
ลำดับประเภทใดที่ชักนำให้เกิดจังหวะในทารกแรกเกิดเมื่อมีจังหวะไม่ตรงเวลา
|
จังหวะเวลากระวนกระวายใจแบบสุ่ม |
|
เพราะเด็กเมื่อกระวนกระวายใจ โดยอาจจะเป็นตอนที่ผู้ปกครองไม่อยู่ กลัว หิว เด็กจะเกิดการกังวล เมื่อพูดจังหวะจะเร็วขึ้น กระวนกระวาย
|
แนวคิดของตนเอง + งานวิจัย
|
7 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
เขียนอธิบาย | อภิปรายวิธีการที่ใช้ในการศึกษาเพื่อแยกการเรียนรู้ทางสถิติออกจากการรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิด นักวิจัยจัดการกับภาวะไอโซโครนีอย่างไร และอะไรคือการค้นพบที่สำคัญเกี่ยวกับตำแหน่งเมตริกในลำดับต่างๆ
|
ศึกษาเพื่อรับรู้ถึงปัญหาของเด็กทารก รู้ถึงจังหวะการพูด เพื่อนำไปจัดการกับภาวะไอโซโครนีในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ การได้รู้ถึงลำดับเสียงไบนารี่ถือเป็นการค้นพบสำคัญ |
|
นักวิจัยได้ไปทำการศึกษา เก็บข้อมูลอย่างใกล้ชิด จึงนำมาซึ่งผลที่แน่นอน และสรุปได้ดังนี้
|
งานวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาเพื่อแยกการเรียนรู้ทางสถิติออกจากการรับรู้จังหวะในทารกแรกเกิด
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|