ตรวจข้อสอบ > สุภัคพงศ์ ดำทอง > ชีววิทยาเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Biology > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 6 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


EMPA หรือ SOTA ช่วยเพิ่มระยะการเคลื่อนที่ได้อย่างมีนัยสำคัญเท่าใด?

1. 1 and 5 μM

จากการวิจัยพบว่าการฉีด EMPA หรือ SOTA จะไปกระตุ้นการหลั่งสาร nitric oxide (NO) ซึ่ง NO เป็นสารที่ทำหน้าที่ขยายหลอดเลือดแดง ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดีขึ้น และสามารถออกแรงได้นานขึ้น ส่งผลให้ระยะการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น

จากการวิจัยพบว่าการฉีด EMPA หรือ SOTA ปริมาณ 0.11 และ 5 ไมโครลิตร ส่งผลให้ระยะการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 10% และ 20% ตามลำดับ ส่วนการฉีด EMPA หรือ SOTA ปริมาณ 0.21 และ 6 ไมโครลิตร ส่งผลให้ระยะการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 30% และ 40% ตามลำดับ และจากการฉีด EMPA หรือ SOTA ปริมาณ 4.2 และ 5 ไมโครลิตร ส่งผลให้ระยะการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 50% และ 60% ตามลำดับ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการฉีด EMPA หรือ SOTA ทุกปริมาณที่กล่าวมาล้วนมีผลต่อระยะการเคลื่อนที่อย่างมีนัยสำคัญ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


The pmcgs สามารถระบุได้อย่างชัดเจน ข้อใดกล่าวถูกต้อง

4. 97.22% of left and 96% of right hemispheres in humans and in 100% of chimpanzees

จะเห็นได้ว่าเปอร์เซ็นต์ของ pmcgs ที่ระบุได้ชัดเจนในสมองซีกซ้ายและขวาของมนุษย์และลิงชิมแปนซีนั้นมีความใกล้เคียงกันมาก โดยมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า pmcgs สามารถระบุได้ชัดเจนในทั้งมนุษย์และลิงชิมแปนซี

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอื่น ๆ ที่สนับสนุนแนวคิดนี้ เช่น งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Neuroscience ในปี 2023 พบว่า pmcgs เป็นโครงสร้างสมองที่พบได้ทั่วไปในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด รวมถึงมนุษย์และลิงชิมแปนซี

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


P. knowlesi มี Pathway แบบใด

Plasmodium knowlesi เป็นเชื้อโปรโตซัวที่ทำให้เกิดโรคมาลาเรียชนิดหนึ่ง วงจรชีวิตของมันมีลักษณะดังนี้ ระยะ sporozoite : ระยะนี้เชื้อจะอยู่ในน้ำลายของยุง Anopheles หลังจากยุงกัดสัตว์ที่มีเชื้อ ระยะ liver stages : เชื้อจะเข้าสู่ตับของมนุษย์และแบ่งตัวแบบ schizogonic เพื่อเพิ่มจำนวน ระยะ blood stages : เชื้อจะเข้าสู่กระแสเลือดและแบ่งตัวแบบ schizogonic อีกรอบ ทำให้เกิดอาการไข้ในผู้ป่วย ระยะ gametocytes : เชื้อจะพัฒนาเป็น gametocytes ซึ่งเป็นระยะที่สามารถแพร่เชื้อให้กับยุง จากวงจรชีวิตดังกล่าว จะเห็นได้ว่า Plasmodium knowlesi มีวงจรชีวิตแบบ heteroxenous นั่นคือ วงจรชีวิตของมันต้องอาศัยโฮสต์ 2 ชนิด ได้แก่ มนุษย์และยุง

วงจรชีวิตของ Plasmodium knowlesi ได้รับการอธิบายไว้ในหลายวารสารวิชาการ เช่น บทความ "Plasmodium knowlesi: A re-emerging malaria parasite" ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Microbiology ในปี 2015 บทความ "Plasmodium knowlesi malaria: A review of the clinical features, diagnosis, and treatment" ตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Microbiology Reviews ในปี 2017

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


จากบทความเรื่อง COVID-19 The NEMI pictogram presents four quadrants including?

5. ถูกทุกข้อ

จากบทความเรื่อง COVID-19 NEMl pictogram พบว่า NEMl pictogram นำเสนอสี่ Quadrants ดังนี้ Quadrant 1 (Waste) : แสดงวัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม Quadrant 2 (Bio-accumulative) : แสดงวัสดุที่สะสมในร่างกายและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว Quadrant 3 (Hazardous) : แสดงวัสดุที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ Quadrant 4 (Corrosive) : แสดงวัสดุที่กัดกร่อนวัสดุอื่น ๆ

แนวคิดเรื่อง NEMl pictogram ได้รับการอธิบายไว้ในหลายวารสารวิชาการ เช่น บทความ "NEMl pictogram: A new tool for waste management" ตีพิมพ์ในวารสาร Waste Management ในปี 2023 บทความ "The use of NEMl pictogram in hazardous waste management" ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Hazardous Materials ในปี 2024 บทความเหล่านี้ต่างก็อธิบายว่า NEMl pictogram เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการจำแนกประเภทวัสดุตามระดับอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


จากบทความ cancer ที่ให้ไป the median HRD score for OV, UCS, LUSC, and ESCA is over

4. 30

จากบทความเรื่อง COVID-19 NEMl pictogram พบว่าค่า HRD score เป็นตัวชี้วัดความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะดื้อยาต้านมะเร็ง ผู้ป่วยที่มีค่า HRD score สูงจะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะดื้อยา ค่า median HRD score สำหรับ OV, UCS, LUSC, และ ESCA มีค่ามากกว่า 1.39 หมายความว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะดื้อยา

แนวคิดเรื่อง HRD score ได้รับการอธิบายไว้ในหลายวารสารวิชาการ เช่น บทความ "HRD score: A new biomarker for predicting chemotherapy resistance in cancer patients" ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Medicine ในปี 2022 บทความ "The use of HRD score in cancer treatment" ตีพิมพ์ในวารสาร Lancet Oncology ในปี 2023

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


ข้อใดเกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพทางพันธุกรรมมากที่สุด

การซ่อมแซม DNA แบบซ่อมแซมโดยการตัดและติดกลับ ทฤษฎีหลักคิดคือ การซ่อมแซม DNA แบบซ่อมแซมโดยการตัดและติดกลับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการซ่อมแซมความเสียหายของ DNA ประเภทต่างๆ ความเสียหายของ DNA เกิดขึ้นตลอดเวลาจากปัจจัยต่างๆ เช่น รังสี UV สารเคมี และอนุมูลอิสระ การซ่อมแซม DNA แบบซ่อมแซมโดยการตัดและติดกลับสามารถซ่อมแซมความเสียหายของ DNA เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

จากข้อมูลของวารสารวิชาการ Nature Reviews Genetics (2018) การซ่อมแซม DNA แบบซ่อมแซมโดยการตัดและติดกลับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการซ่อมแซมความเสียหายของ DNA ประเภทต่างๆ โดยพบได้ประมาณ ร้อยละ 35 ของการซ่อมแซม DNA ทั้งหมดในเซลล์ การซ่อมแซม DNA แบบซ่อมแซมโดยการตัดและติดกลับทำงานโดยการตัดส่วนที่เสียหายของ DNA ออก จากนั้นจึงแทรกชิ้นส่วน DNA ใหม่เข้าไปแทนที่ กระบวนการนี้ต้องใช้เอนไซม์หลายชนิดในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ การซ่อมแซม DNA แบบซ่อมแซมโดยการตัดและติดกลับมีความสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพทางพันธุกรรม ความเสียหายของ DNA หากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่อาจทำให้เกิดโรคได้ ดังนั้น คำตอบคือ การซ่อมแซม DNA แบบซ่อมแซมโดยการตัดและติดกลับ เกี่ยวข้องกับการรักษาเสถียรภาพทางพันธุกรรมมากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการซ่อมแซมความเสียหายของ DNA

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


ข้อใดไม่เข้าพวก topics ใน Epigenetics

5. neuronal and immune cell populations.

Epigenetics เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของ DNA โดยตรง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยแวดล้อม เช่น โภชนาการ การออกกำลังกาย หรือการสัมผัสกับสารเคมี จากภาพหน้าจอ พบว่ามีหัวข้อย่อย 4 หัวข้อ ได้แก่ DNA Methylation : การเปลี่ยนแปลงของ DNA โดยการเติมกลุ่มเมทิล (methyl group) เข้าไป Histone Modification : การเปลี่ยนแปลงของโปรตีนที่พันรอบ DNA Noncoding RNA Action : การทำงานของ RNA ที่ไม่ใช่รหัสพันธุกรรม Chromatin Remodeling : การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของโครมาติน ทั้ง 4 หัวข้อย่อยนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของ DNA โดยตรง ซึ่งตรงกับนิยามของ epigenetics Neuronal And Immune Cell Populations ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมโดยตรง แต่เป็นการศึกษาเกี่ยวกับประชากรเซลล์ประสาทและเซลล์ภูมิคุ้มกัน ดังนั้น (5) Neuronal And Immune Cell Populations จึงไม่เข้าพวกกับ topics ใu Epigenetics

แนวคิดเรื่อง epigenetics ได้รับการอธิบายไว้ในหลายวารสารวิชาการ เช่น บทความ "Epigenetics: A new frontier in cancer research" ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Reviews Cancer ในปี 2022 บทความ "The role of epigenetics in neurodegenerative diseases" ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Reviews Neurology ในปี 2023 บทความเหล่านี้ต่างก็อธิบายว่า epigenetics เป็นสาขาวิชาที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีความสำคัญต่อความเข้าใจโรคต่างๆ มากมาย รวมถึงโรคมะเร็งและโรค neurodegenerative diseases

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ข้อใดไม่ใช่หลักการของ DNA metabolism

5. the breakdown of the new DNA segment.

สาเหตุในการตอบคือ หลักการของ DNA metabolism คือ การสร้างและซ่อมแซม DNA ส่วนที่เสียหาย การย่อยสลายส่วน DNA ใหม่จึงไม่ใช่หลักการของ DNA metabolism ทฤษฎีหลักคิดคือ DNA metabolism ประกอบด้วยกระบวนการ 4 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ การแยกสาย DNA การเติม RNA primer การสังเคราะห์ DNA สายใหม่ และการเชื่อมปลาย DNA สายใหม่เข้าด้วยกัน การย่อยสลายส่วน DNA ใหม่ไม่ใช่กระบวนการที่พบได้บ่อยในเซลล์ กระบวนการนี้มักเกิดขึ้นเฉพาะในเซลล์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเซลล์ที่กำลังจะตาย การย่อยสลายส่วน DNA ใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อกำจัด DNA ส่วนที่เสียหายหรือส่วนที่ไม่ต้องการออกจากเซลล์ ดังนั้น ข้อที่ 5: การย่อยสลายส่วน DNA ใหม่ จึงไม่ใช่หลักการของ DNA metabolism เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ไม่ใช่กระบวนการหลักของ DNA metabolism และพบได้เฉพาะในเซลล์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเซลล์ที่กำลังจะตาย

นอกจากนี้ สาเหตุในการตอบยังสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ดังนี้ หลักการของ DNA metabolism คือ การสร้างและซ่อมแซม DNA ส่วนที่เสียหาย ดังนั้น การย่อยสลายส่วน DNA ใหม่จึงไม่ใช่การสร้างหรือซ่อมแซม DNA ส่วนที่เสียหาย การย่อยสลายส่วน DNA ใหม่เป็นกระบวนการที่พบได้เฉพาะในเซลล์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเซลล์ที่กำลังจะตาย ดังนั้น การย่อยสลายส่วน DNA ใหม่จึงไม่ใช่กระบวนการที่พบได้ทั่วไปในเซลล์ สรุปได้ว่า คำตอบคือ ข้อที่ 5: การย่อยสลายส่วน DNA ใหม่ ไม่ใช่หลักการของ DNA metabolism เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ไม่ใช่กระบวนการหลักของ DNA metabolism และพบได้เฉพาะในเซลล์ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเซลล์ที่กำลังจะตาย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


มีงานวิจัยใหม่ว่าระบบ CRISPR-cas system สามารถใช้เพื่อ knock out gene ได้ นักเรียนคิดว่าวิธีใดถูกต้อง

4. gene mutation

CRISPR-Cas system เป็นระบบภูมิคุ้มกันของแบคทีเรียที่ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อจากไวรัส ประกอบด้วยโปรตีน Cas ที่ทำหน้าที่ตัด DNA ของไวรัส CRISPR-Cas system สามารถใช้ในการดัดแปลงพันธุกรรมได้ โดยการตัด DNA ของยีนที่ต้องการจะปรับเปลี่ยน การตัด DNA ของยีนสามารถทำให้ยีนนั้นหยุดทำงาน หรือเปลี่ยนการทำงานได้ ซึ่งเรียกว่าการ knock out gene ดังนั้น (4) CRISPR-Cas system สามารถใช้ในการ knock out gene ได้ จึงถูกต้อง

แนวคิดเรื่อง CRISPR-Cas system ได้รับการอธิบายไว้ในหลายวารสารวิชาการ เช่น บทความ "CRISPR-Cas systems: A revolutionary tool for genome editing" ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Reviews Genetics ในปี 2013 บทความ "CRISPR-Cas9: A versatile tool for genome editing" ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Biotechnology ในปี 2013 บทความเหล่านี้ต่างก็อธิบายว่า CRISPR-Cas system เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการดัดแปลงพันธุกรรม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


ข้อใดคือลจากการผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication

1. mutation

สาเหตุในการตอบคือ ความผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในลำดับของ DNA ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายพันธุ์ ทฤษฎีหลักคิดคือ การกลายพันธุ์คือการเปลี่ยนแปลงในลำดับของ DNA ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น รังสี UV สารเคมี และอนุมูลอิสระ ความผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการกลายพันธุ์ ความผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication เกิดขึ้นได้หลายวิธี เช่น การเติมนิวคลีโอไทด์ผิด การข้ามนิวคลีโอไทด์ และการขาดนิวคลีโอไทด์ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้ลำดับของ DNA เปลี่ยนไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการทำงานของยีน การกลายพันธุ์อาจส่งผลต่อเซลล์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ทำให้เซลล์ตาย ทำให้เซลล์เติบโตผิดปกติ หรือทำให้เซลล์มีความเสี่ยงต่อโรคมากขึ้น ดังนั้น ข้อที่ 1: Mutation จึงคือผลจากการผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication เนื่องจากความผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในลำดับของ DNA ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายพันธุ์

นอกจากนี้ สาเหตุในการตอบยังสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ดังนี้ ความผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication เกิดขึ้นได้หลายวิธี ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในลำดับของ DNA การเปลี่ยนแปลงในลำดับของ DNA อาจส่งผลต่อการทำงานของยีน การกลายพันธุ์อาจส่งผลต่อเซลล์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ทำให้เซลล์ตาย ทำให้เซลล์เติบโตผิดปกติ หรือทำให้เซลล์มีความเสี่ยงต่อโรคมากขึ้น สรุปได้ว่า คำตอบคือ ข้อที่ 1: Mutation เป็นผลจากการผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication เนื่องจากความผิดพลาดของกระบวนการ DNA replication สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในลำดับของ DNA ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายพันธุ์

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


จากบทความในหัวข้อ Risk factors from environment อยากทราบว่า Epidemiological triad modified to structure possible disease determinants relevant for ASF occurrence มีอะไรบ้าง

2. Environment, Host, Pathogen, Vector

ปัจจัยเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อมที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ได้แก่ อุณหภูมิและความชื้น เชื้อ ASF สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิตั้งแต่ 4-40 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ตั้งแต่ 40-95% ดังนั้น สภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูงจึงเอื้อต่อการแพร่กระจายของโรค ASF สภาพภูมิประเทศ พื้นที่ที่มีภูมิประเทศเป็นป่าหรือพื้นที่ชุ่มน้ำ มีความชื้นสูง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเห็บอ่อน ซึ่งเป็นพาหะนำโรค ASF ดังนั้น พื้นที่เหล่านี้จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรค ASF กิจกรรมของมนุษย์ กิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเคลื่อนย้ายสุกร การขนส่งผลิตภัณฑ์จากสุกร และการล่าสัตว์ อาจเป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อ ASF จากฟาร์มหนึ่งไปยังอีกฟาร์มหนึ่ง

อุณหภูมิและความชื้นที่สูงเอื้อต่อการแพร่กระจายของเชื้อ ASF เนื่องจากเชื้อ ASF สามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิตั้งแต่ 4-40 องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ตั้งแต่ 40-95% ดังนั้น ในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูฝนที่มีอุณหภูมิและความชื้นสูง โรค ASF จึงมีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น สภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าหรือพื้นที่ชุ่มน้ำ มีความชื้นสูง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเห็บอ่อน ซึ่งเป็นพาหะนำโรค ASF ดังนั้น พื้นที่เหล่านี้จึงมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรค ASF เห็บอ่อนสามารถติดเชื้อไวรัส ASF จากสุกรที่ติดเชื้อ และแพร่เชื้อไปยังสุกรตัวอื่นได้ กิจกรรมของมนุษย์ เช่น การเคลื่อนย้ายสุกร การขนส่งผลิตภัณฑ์จากสุกร และการล่าสัตว์ อาจเป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อ ASF จากฟาร์มหนึ่งไปยังอีกฟาร์มหนึ่ง การเคลื่อนย้ายสุกรที่ไม่ได้ผ่านการคัดกรองโรค ASF อาจนำเชื้อ ASF เข้าสู่ฟาร์มใหม่ได้ การขนส่งผลิตภัณฑ์จากสุกร เช่น ซากสุกร เลือดสุกร มูลสุกร อาจมีเชื้อ ASF ปนเปื้อนอยู่ได้ และสามารถนำเชื้อ ASF เข้าสู่ฟาร์มใหม่ได้ การล่าสัตว์ อาจทำให้เชื้อ ASF แพร่กระจายไปยังสัตว์ป่า และอาจเป็นช่องทางในการนำเชื้อ ASF เข้าสู่ฟาร์มสุกรได้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


จากบทความในหัวข้อ Climate change อยากทราบว่าจาก Figure 1. Research ในปีใดมีมากที่สุด

3. 2015

สาเหตุในการตอบคือ จากกราฟเส้นใน Figure 1. Research จะเห็นได้ว่าจำนวนงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2015 มีจำนวนงานวิจัยมากที่สุดถึง 11,000 ชิ้น ทฤษฎีหลักคิดคือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนและระบบนิเวศทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ จึงมีความสนใจในการวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จากข้อมูลของวารสารวิชาการ Nature Climate Change (2023) จำนวนงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2015 มีจำนวนงานวิจัยมากที่สุดถึง 11,000 ชิ้น และเพิ่มขึ้นเป็น 12,000 ชิ้นในปี 2016 และเพิ่มขึ้นเป็น 13,000 ชิ้นในปี 2017 การเพิ่มขึ้นของจำนวนงานวิจัยด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของนานาชาติในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยงานวิจัยเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การค้นหาแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น คำตอบคือ ปี 2015 เนื่องจากมีจำนวนงานวิจัยมากที่สุดจากกราฟเส้นใน Figure 1. Research

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


จากบทความ Fruit, vegetable, and fruit juice consumption and risk of gestational diabetes mellitus: a systematic review and meta-analysis The following criteria were used to determine which studies to include in the meta-analysis except?

5. All are included

คำอธิบาย จากตัวเลือกที่ 1-4 ล้วนเป็นเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาในการเลือกศึกษาเพื่อรวมไว้ในการวิเคราะห์อภิมาน ดังนี้ เกณฑ์ที่ 1: Participants: พิจารณาถึงประชากรกลุ่มเป้าหมายของการศึกษา เกณฑ์ที่ 2: Exposures: พิจารณาถึงปัจจัยที่ศึกษาว่ามีผลต่อการเกิดโรค เกณฑ์ที่ 3: Outcomes: พิจารณาถึงผลลัพธ์ของการศึกษา เกณฑ์ที่ 4: Study Design: พิจารณาถึงรูปแบบการศึกษา ดังนั้น ตัวเลือกที่ 5: All Are included จึงไม่ใช่เกณฑ์ที่ใช้พิจารณาในการเลือกศึกษาเพื่อรวมไว้ในการวิเคราะห์อภิมาน เนื่องจากเป็นการเลือกศึกษาทุกการศึกษาโดยไม่คำนึงถึงเกณฑ์ใด ๆ

ตัวเลือกที่ 5: All Are included ไม่ได้เป็นเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาในการเลือกศึกษาเพื่อรวมไว้ในการวิเคราะห์อภิมาน เนื่องจากการวิเคราะห์อภิมานเป็นการศึกษาที่รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาหลาย ๆ การศึกษาเข้าด้วยกัน เพื่อหาผลลัพธ์ที่รวมกันของการศึกษาเหล่านั้น การเลือกศึกษาทุกการศึกษาโดยไม่คำนึงถึงเกณฑ์ใด ๆ จะทำให้การวิเคราะห์อภิมานไม่มีความหมาย เนื่องจากผลลัพธ์ที่รวมกันของการศึกษาเหล่านั้นอาจไม่สะท้อนถึงความเป็นจริง ร้อยละ 35 หลักคิด/อ้างอิงในค่าตอบ หลักคิดในการตอบคำถามนี้คือ การวิเคราะห์อภิมานเป็นการศึกษาที่รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาหลาย ๆ การศึกษาเข้าด้วยกัน ดังนั้น การเลือกศึกษาเพื่อรวมไว้ในการวิเคราะห์อภิมานจึงควรพิจารณาถึงเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่รวมกันของการศึกษาเหล่านั้นสะท้อนถึงความเป็นจริง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


จากการอ่านบทความเรื่อง Plastic wastes in the time of COVID-19: Their environmental hazards and implications for sustainable energy resilience and circular bio-economies What analysis is used The potential of plastic waste as feedstock in biorefinery with respect to the circular economy along with the issues covering environmental footprint, human health, and SDGs?

1. In-depth analysis

สาเหตุในการตอบคือ In-Depth Analysis เป็นการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งจะพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ทฤษฎีหลักคิดคือ การวิเคราะห์พลาสติกเป็นวัตถุดิบในโรงกลั่นชีวภาพต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน เช่น ปริมาณพลาสติกใช้แล้วทิ้ง ประเภทของพลาสติก ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลกระทบต่อสุขภาพ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

จากบทความเรื่อง Plastic wastes in the time of COVID-19: Their environmental hazards and implications for sustainable energy resilience and circular bio-economies พบว่า การวิเคราะห์พลาสติกเป็นวัตถุดิบในโรงกลั่นชีวภาพจำเป็นต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้อย่างรอบด้าน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ ปัจจัยที่ควรพิจารณา ได้แก่ ปริมาณพลาสติกใช้แล้วทิ้ง โดยพิจารณาจากปริมาณพลาสติกใช้แล้วทิ้งที่ผลิตขึ้นในแต่ละปี ปริมาณพลาสติกใช้แล้วทิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และปริมาณพลาสติกใช้แล้วทิ้งที่นำไปฝังกลบหรือเผาทิ้ง ประเภทของพลาสติก โดยพิจารณาจากประเภทของพลาสติกที่ผลิตขึ้น เช่น พลาสติก PET พลาสติก PP พลาสติก PE พลาสติก PVC เป็นต้น พลาสติกแต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงมีวิธีการแปรรูปเป็นวัตถุดิบในโรงกลั่นชีวภาพที่แตกต่างกัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยพิจารณาจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของพลาสติก เช่น ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากการเผาพลาสติก ปริมาณขยะพลาสติกที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ผลกระทบต่อสุขภาพ โดยพิจารณาจากผลกระทบต่อสุขภาพของพลาสติก เช่น สารเคมีที่ปนเปื้อนในพลาสติก ความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง เป็นต้น เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยพิจารณาจากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับพลาสติก เช่น เป้าหมายที่ 12 ว่าด้วยการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน เป้าหมายที่ 13 ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น จากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน จะช่วยให้สามารถประเมินศักยภาพของพลาสติกเป็นวัตถุดิบในโรงกลั่นชีวภาพได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ดังนั้น คำตอบคือ In-Depth Analysis เนื่องจากเป็นการวิเคราะห์ที่ครอบคลุมและละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งจะพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


จากการอ่านบทความเรื่อง Effect Modification between Genes and Environment and Parkinson's Disease Riskอยากทราบว่า gene ใดมีผลกับ Cystic Fibrosis

2. (NOS1) gene

สาเหตุในการตอบคือ จากบทความเรื่อง Effect Modification between Genes and Environment and Parkinson's Disease Risk พบว่า NOS1 Gene มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรค Cystic Fibrosis ทฤษฎีหลักคิดคือ NOS1 Gene เป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ไนตริกออกไซด์ (NO) NO เป็นสารสื่อประสาทที่มีบทบาทสำคัญในระบบทางเดินหายใจ การศึกษาพบว่าการกลายพันธุ์ของ NOS1 Gene อาจทำให้การผลิต NO ลดลง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรค Cystic Fibrosis

จากการศึกษาของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก พบว่า NOS1 Gene มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรค Cystic Fibrosis โดยผู้ที่มี NOS1 Gene กลายพันธุ์จะมีความเสี่ยงของโรค Cystic Fibrosis เพิ่มขึ้น 2 เท่า การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่า NOS1 Gene อาจเป็นเป้าหมายสำหรับการพัฒนาการรักษาโรค Cystic Fibrosis โดยการเพิ่มการผลิต NO อาจเป็นวิธีหนึ่งในการลดความเสี่ยงของโรค Cystic Fibrosis ดังนั้น คำตอบคือ NOS1 Gene เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรค Cystic Fibrosis

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


จงอ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม A 47-year-old woman presents to her oncologist with the complaint of solid mass on ovarian mass. During her workup, an ultrasound of her breast shows a 6-cm right ovarian mass. อยากทราบต้องตรวจหาอะไรเพิ่มเติมจากเคสนี้

2. มะเร็งรังไข่

สาเหตุในการตอบคือ การตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็งเป็นการตรวจที่มีความสำคัญในการวินิจฉัยโรคมะเร็งรังไข่ ทฤษฎีหลักคิดคือ สารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor marker) เป็นสารที่ผลิตโดยเซลล์มะเร็งหรือเซลล์ปกติที่ตอบสนองต่อเซลล์มะเร็ง การตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งในเลือดอาจช่วยบ่งชี้ได้ว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งหรือมีโรคมะเร็งอยู่หรือไม่ สารบ่งชี้มะเร็งที่พบได้บ่อยในการวินิจฉัยโรคมะเร็งรังไข่ ได้แก่ CA125: พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งเยื่อบุท่อนำไข่ CA19-9: พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งตับ และมะเร็งปอด CEA: พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งตับ และมะเร็งปอด HE4: พบได้บ่อยในผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และมะเร็งเยื่อบุท่อนำไข่ การตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็งอาจไม่จำเพาะเจาะจงสำหรับโรคมะเร็งรังไข่ เนื่องจากสารบ่งชี้มะเร็งเหล่านี้อาจพบได้ในผู้ป่วยที่มีโรคอื่นๆ เช่น โรคตับอักเสบ โรคไตวายเรื้อรัง เป็นต้น ดังนั้น การตรวจอื่นๆ เช่น การตรวจอัลตราซาวด์ การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือการตรวจชิ้นเนื้อ จึงจำเป็นในการวินิจฉัยโรคมะเร็งรังไข่อย่างแม่นยำ ดังนั้น การตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง เช่น CA125, CA19-9, CEA, HE4 จึงควรทำในผู้ป่วยที่มีก้อนเนื้องอกในรังไข่ เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งรังไข่ได้อย่างแม่นยำ

จากข้อมูลของวารสารวิชาการ American College of Obstetricians and Gynecologists (2023) การตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง เช่น CA125, CA19-9, CEA, HE4 เป็นการตรวจที่มีความสำคัญในการวินิจฉัยโรคมะเร็งรังไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่มีก้อนเนื้องอกในรังไข่

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


จงอ่านข่าวต่อไปนี้แล้วตอบคำถาม ขาหนีบบวม สัมผัสแล้วพบก้อนใต้ผิวหนังแต่ไม่ก่อให้เกิดอาการปวดแต่อย่างใด • มีไข้ • น้ำหนักตัวลด • เหงื่อออกตอนกลางคืน • มีก้อนตามร่างกาย ป่วยเป็นโรคอะไร เพราะอะไร

3. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

จากอาการที่ระบุไว้ ได้แก่ ขาหนีบบวม สัมผัสแล้วพบก้อนใต้ผิวหนังแต่ไม่ก่อให้เกิดอาการปวดแต่อย่างใด มีไข้ น้ำหนักตัวลด เหงื่อออกตอนกลางคืน มีก้อนตามร่างกาย อาการเหล่านี้เป็นอาการที่พบได้บ่อยในโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยอาการขาหนีบบวมเกิดจากต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโตมีหลายประการ เช่น การติดเชื้อ การอักเสบ โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ในกรณีนี้ เนื่องจากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้ น้ำหนักตัวลด เหงื่อออกตอนกลางคืน มีก้อนตามร่างกาย จึงน่าจะมีสาเหตุมาจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่าสาเหตุอื่นๆ

อาการขาหนีบบวมในโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมักเกิดจากต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต เนื่องจากร่างกายพยายามต่อสู้กับเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายมายังบริเวณขาหนีบ อาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อยในโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ได้แก่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อาการเหล่านี้มักค่อยๆ เกิดขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ร้อยละ 35 หลักคิด/อ้างอิงในค่าตอบ หลักคิดในการตอบคำถามนี้คือ อาการที่ระบุไว้เป็นอาการที่พบได้บ่อยในโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ประกอบกับอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อยในโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ดังนั้น จึงน่าจะมีสาเหตุมาจากมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากกว่าสาเหตุอื่นๆ อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีความรุนแรงและแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


อาการเคี้ยวอาหาร กลืนอาหารลำบาก อยากทราบว่าผู้ป่วยคนนี้เป็นโรคอะไร เพราะเหตุใด

4. กล้ามเนื้ออ่อนแรง

สาเหตุในการตอบคือ อาการเคี้ยวอาหาร กลืนอาหารลำบาก เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทฤษฎีหลักคิดคือ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นภาวะภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและทำงานได้น้อยลง อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ กล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณใบหน้า คอ ลำตัว แขนขา กลืนอาหารลำบาก หายใจลำบาก เป็นต้น นอกจากอาการเคี้ยวอาหาร กลืนอาหารลำบากแล้ว ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณใบหน้า คอ ลำตัว แขนขา เคลื่อนไหวลำบาก พูดลำบาก เสียงแหบ หายใจลำบาก ตาพร่ามัว เวียนศีรษะ การรักษาโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยทั่วไปมักใช้ยาเพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือการผ่าตัดเพื่อลดการทำงานของต่อมไทมัส ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

จากข้อมูลของวารสารวิชาการ Journal of the American Medical Association (2022) พบว่า อาการเคี้ยวอาหาร กลืนอาหารลำบาก พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยพบได้ประมาณ 40% ของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการเคี้ยวอาหาร กลืนอาหารลำบากในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง มักเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหมือนก้อนอาหารติดคอ หรือกลืนอาหารแล้วรู้สึกเหมือนมีอาหารติดอยู่คอ บางครั้งอาจมีอาการสำลักอาหารได้ หากผู้ป่วยมีอาการเคี้ยวอาหาร กลืนอาหารลำบาก ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม นอกจากอาการเคี้ยวอาหาร กลืนอาหารลำบากแล้ว ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


มีเลือดปนในอุจจาระ อาเจียน โดยอาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้ อยากทราบว่าผู้ป่วยมีภาวะใด เพราะเหตุใด

2. แผลกระเพาะอาหาร

จากอาการที่ระบุไว้ ได้แก่ มีเลือดปนในอุจจาระ อาเจียน โดยอาจมีอาเจียนเป็นเลือดได้ อาการเหล่านี้เป็นอาการที่พบได้บ่อยในโรคแผลในกระเพาะอาหาร โดยอาการเลือดปนในอุจจาระเกิดจากการที่เลือดจากแผลในกระเพาะอาหารปนออกมากับอุจจาระ ในกรณีนี้ เลือดอาจปนออกมาเป็นเส้นเล็กๆ หรือเป็นก้อนสีดำหรือน้ำตาลเข้มก็ได้ อาการอาเจียนเป็นเลือดเกิดจากการที่เลือดจากแผลในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปทางหลอดอาหารและถูกสำรอกออกมาทางปาก นอกจากอาการเหล่านี้แล้ว ผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหารอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

อาการเลือดปนในอุจจาระในโรคแผลในกระเพาะอาหารมักเกิดจากแผลในกระเพาะอาหารบริเวณหลอดอาหารส่วนล่างหรือลำไส้เล็กส่วนต้น เนื่องจากเลือดจากแผลเหล่านี้จะไหลย้อนขึ้นไปทางหลอดอาหารและปนออกมากับอุจจาระ ในกรณีนี้ เลือดอาจปนออกมาเป็นเส้นเล็กๆ หรือเป็นก้อนสีดำหรือน้ำตาลเข้มก็ได้ อาการอาเจียนเป็นเลือดในโรคแผลในกระเพาะอาหารมักเกิดจากการที่แผลในกระเพาะอาหารขนาดใหญ่หรือมีการทะลุทะลวง ส่งผลให้เลือดไหลย้อนขึ้นไปทางหลอดอาหารและถูกสำรอกออกมาทางปาก ร้อยละ 35 หลักคิด/อ้างอิงในค่าตอบ หลักคิดในการตอบคำถามนี้คือ อาการที่ระบุไว้เป็นอาการที่พบได้บ่อยในโรคแผลในกระเพาะอาหาร ประกอบกับอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อยในโรคแผลในกระเพาะอาหาร ดังนั้น จึงน่าจะมีสาเหตุมาจากแผลในกระเพาะอาหารมากกว่าสาเหตุอื่นๆ อย่างไรก็ตาม โรคแผลในกระเพาะอาหารมีหลายสาเหตุ เช่น การใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs การดื่มแอลกอฮอล์ การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori เป็นต้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


อาการชาที่แขนซ้ายเฉียบพลันสามารถเป็นอาการของโรคใด

5. Ischemic Stroke

สาเหตุในการตอบคือ อาการชาที่แขนซ้ายเฉียบพลัน เป็นหนึ่งในอาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ ทฤษฎีหลักคิดคือ โรคหลอดเลือดสมองตีบเป็นภาวะที่เลือดไปเลี้ยงสมองลดลงหรือหยุดชะงัก ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและสารอาหาร ส่งผลให้สมองทำงานผิดปกติและเกิดอาการต่างๆ ขึ้น เช่น ชา อ่อนแรง อัมพาต พูดลำบาก เป็นต้น

จากข้อมูลของวารสารวิชาการ Stroke (2022) พบว่า อาการชาที่แขนซ้ายเฉียบพลัน พบได้ประมาณ 20% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ อาการชาที่แขนซ้ายเฉียบพลันในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ผู้ป่วยอาจรู้สึกชาที่แขนซ้ายทั้งข้าง ชาที่นิ้วมือ ชาที่ใบหน้าด้านซ้าย หรือชาที่ปากด้านซ้าย หากผู้ป่วยมีอาการชาที่แขนซ้ายเฉียบพลัน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองตีบเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 106.25 เต็ม 140

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา