ตรวจข้อสอบ > ดาเนียล เจสเซนเจอร์ > เคมีเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ | Chemistry > Part 1 > ตรวจ

ใช้เวลาสอบ 177 นาที

Back

# คำถาม คำตอบ ถูก / ผิด สาเหตุ/ขยายความ ทฤษฎีหลักคิด/อ้างอิงในการตอบ คะแนนเต็ม ให้คะแนน
1


4.พันธะไฮโดรเจนคล้ายกัน

เกิดจากการเดาโดยสังเกตจากข้อมูลที่โจทย์ให้มา

-

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

2


3. Neostigmine

เกิดจากการเดาโดยสังเกตจากข้อมูลที่โจทย์ให้มา

-

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

3


5. ถูกมากกว่า 1 ข้อ

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

จากที่โจทย์ถามมา ข้อใดเป็นลักษณะโมเลกุลที่เหมือนข้ออื่น ย่อมมีคำตอบมากกว่าหนึ่งอยุ่เเล้ว

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

4


3. Neostigmine

เกิดจากการเดาโดยสังเกตจากข้อมูลที่โจทย์ให้มา

-

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

5


การจับยากับตำแหน่งจับของโปรตีน disulfide bond ไม่เกี่ยวข้องกับโรคใด

5. ผิดมากกว่า 1 ข้อ

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

การจับยากับตำแหน่งจับของโปรตีน disulfide bond ไม่เกี่ยวข้องกับโรคใดๆ โดยตรง แต่มีความสำคัญในการพัฒนายาใหม่ๆ หรือการปรับปรุงยาเดิมๆ เพื่อให้สามารถจับตำแหน่งที่แน่นอนของโปรตีนต่างๆ ที่ทำหน้าที่สร้าง disulfide bond ซึ่งเป็นการยึดติดกันของกลุ่มจุลธรรมชาติที่ช่วยให้โปรตีนเกิดการพับหรือดำเนินการที่จำเป็นต่อการทำงานของโปรตีนนั้น ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการออกแบบยาใหม่ หรือปรับปรุงยาเดิมเพื่อให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และมีผลกระทบที่น้อยต่อร่างกายของผู้รับประทานยาอีกด้วย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

6


ความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดของผู้ป่วยหลังจาก t ชั่วโมง จำลองตามสูตร C (t) = 5(8)^t โดยที่ C วัดเป็นมิลลิกรัมต่อลิตร ความเข้มข้นของยาจะเป็น 80 มิลลิกรัมต่อลิตร ที่กี่ชั่วโมง

3. 1.89

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

มันอยุ่ในการคำนวณ

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

7


ข้อใดเกี่ยวข้องกับ plasma measures of GFAP

4. CSQ levels

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

ข้อเกี่ยวข้องกับ plasma measures of GFAP คือการวัดระดับ GFAP ในเลือด (plasma) เพื่อใช้ในการวินิจฉัยการเจ็บป่วยที่ทำให้เนื้อเยื่อสมองเสียหาย เช่น การชนที่ทำให้เกิดสัญญาณนิวรอนที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อสมอง รวมถึงช่วงหลังอุบัติเหตุที่เป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อสมอง วิธีการวัด plasma measures of GFAP มีความสามารถในการวินิจฉัยว่าร่างกายมีการเสียหายเนื่องจากการชนหรือไม่พอดี โดยวัดจำนวน GFAP ในเลือดที่ได้รับออกซิเจนต่ำสุด (minimum plasma GFAP level) ในช่วง 6-12 ชั่วโมงหลังการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุแล้วเปรียบเทียบกับระดับ GFAP ของบุคคลปกติ ระดับ GFAP ที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นสัญญาณชี้วัดว่ามีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเนื่องจากการชนหรืออุบัติเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อสมอง ผลการวิจัยจะช่วยให้แพทย์และผู้ดูแลสามารถตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาที่เหมาะสมแก่ผู้ป่วยได้แม่นยำมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้วิธีการซับซ้อนที่เป็นอันตรายเช่นการนำเข้าสารเคมีตรวจวิเคราะห์ภายในสมอง (invasive brain tissue sampling)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

8


ข้อความใดต่อไปนี้ถูกต้องเกี่ยวกับอันตรกิริยาการจับที่เป็นไปได้ของเอไมด์ทุติยภูมิ

3. สามารถมีส่วนร่วมในพันธะไฮโดรเจนได้ทั้งในฐานะผู้ให้พันธะไฮโดรเจนและตัวรับพันธะไฮโดรเจน

เกิดจากการเดาโดยสังเกตจากข้อมูลที่โจทย์ให้มา

-

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

9


ความเข้มข้นของยาในกระแสเลือดของผู้ป่วยหลังจาก t ชั่วโมง จำลองตามสูตร C (t) = 5(0.5)^t โดยที่ C วัดเป็นมิลลิกรัมต่อลิตร ต้องใช้เวลานานเท่าใดที่ความเข้มข้นจะลดลงถึง 70% ของระดับเริ่มต้น

1. 3.8 hr

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

ใช้สูตรลดลงของยาเท่ากับ 70% หรือ C(t) = C0(0.3)^t เพื่อหาเวลาที่ความเข้มข้นลดลงถึง 70% ของระดับเริ่มต้น 0.7C0 = 5(0.5)^t 0.7C0/5 = (0.5)^t log(0.7C0/5) = tlog(0.5) t = log(0.7C0/5)/log(0.5) เมื่อ C0 = 5 จะได้ t = log(0.7(5)/5)/log(0.5) = 1.51 ชั่วโมง ดังนั้น จะใช้เวลาประมาณ 1.51 ชั่วโมง ในการลดลงความเข้มข้นของยาถึงระดับ 70% ของระดับเริ่มต้น หรือเหลือปริมาณยาอยู่ 30% ของปริมาณเริ่มต้นที่ตั้งไว้

5

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

10


ข้อใดมีผลต่อ Aβ-dependent tau phosphorylation

1. Astrocyte reactivity

เกิดจากการเดาโดยสังเกตจากข้อมูลที่โจทย์ให้มา

-

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

11


Drug Concentrations Exponential functions can be used to model the concentration of a drug in a patient’s body. Suppose the concentration of Drug X in a patient’s bloodstream is modeled by, C (t) = C0 e^(-rt), ถ้า r = 0.041 /hr Co = 9 mg/L t = 7 จากสมการจงหาความเข้มข้นของยา ณ เวลาที่ฉีด

3. 0.99 mg/L

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

C(7) = 9e^(-0.041*7) mg/L C(7) ≈ 5.23 mg/L ดังนั้น ความเข้มข้นของยาในเลือด ณ เวลาที่ฉีด คือ 5.23 mg/L

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

12


Drug Concentrations Exponential functions can be used to model the concentration of a drug in a patient’s body. Suppose the concentration of Drug X in a patient’s bloodstream is modeled by, C (t) = C0 e^(-rt), จงหาค่า r ถ้า Initial concentration = 10 mg/L 3 mg/L is shown after 9 hours.

5. ไม่มีข้อถูก

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

หาก C0 = 10 mg/L และ C(9) = 3 mg/L จากสมการ C(t) = C0 e^(-rt) จะได้ C(9) = C0 e^(-r*9) 3 = 10 e^(-9r) แก้สมการเชิงลำดับที่มีหนึ่งตัวแปร e^(-9r) = 3/10 -9r = ln(3/10) r = -ln(3/10)/9 r ≈ 0.09277 /hr ดังนั้นค่า r คือ 0.09277 /hr

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

13


Drug Concentrations Exponential functions can be used to model the concentration of a drug in a patient’s body. Suppose the concentration of Drug X in a patient’s bloodstream is modeled by, C (t) = Co e^(-rt), จงหาสมการที่เป็นไปได้ หากยา x, มี r =0. 09 แล้วมีความเข้มข้นลดลง 80% จาก the model, C(t) = Co e^(-rt)

3. In 0.8 = -0.09t

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

หากความเข้มข้นลดลง 80% จากสมการ C(t) = Co e^(-rt) จะได้ 0.2Co = Co e^(-0.09t) หรือ e^(-0.09t) = 0.2 ln(e^(-0.09t)) = ln(0.2) -0.09t = ln(0.2) t = (ln(0.2))/-0.09 t ≈ 14.57 ดังนั้นสมการที่เป็นไปได้ช่วยในการแสดงความเข้มข้นของยา x หลังจากได้รับจากผู้ป่วยเป็นเวลา 14.57 ชั่วโมง คือ C(t) = Co e^(-0.09t)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

14


การกลายพันธุ์ของยีนใดที่อาจส่งผลต่อระดับ Warfarin

5. ไม่มีข้อถูก

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

ยีน CYP2C9 และ VKORC1 เป็นสองตัวที่มีผลต่อระดับ Warfarin ในร่างกายของมนุษย์ CYP2C9 เป็นยีนที่อยู่บนโครโมโซม 10 และรหัสสำหรับเอ็นไซม์ CYP2C9 ที่สร้างตัวกระตุ้นกระบวนการทำละลายยา Warfarin ซึ่งเป็นยาลดแรงของการจับตัวของวิตามิน K ในกระแสเลือด โดยการกลายพันธุ์ของยีน CYP2C9 สามารถส่งผลต่อความไวต่อการย่อยสลายของยา Warfarin และมีการเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นในการเกิดเลือดออก (bleeding) หรือร่วมกับความเสี่ยงที่ต่ำลงในการควบคุมการ凝เลือด (anticoagulation) VKORC1 เป็นยีนที่รหัสสำหรับวิตามินK จากอาหาร ซึ่งเป็นส่วนประกอบของกระแสเลือด โดย VKORC1 มีบทบาทในกระบวนการต่อยอดของวิตามินK ที่ได้รับจากเครื่องย่อยอาหาร กับ Warfarin ซึ่งออกฤทธิ์ในร่างกายโดยลดลงกระบวนการผลิตวิตามินK. การกลายพันธุ์ของ VKORC1 สามารถส่งผลต่อความต้องการของยา Warfarin ในการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดที่พบอยู่บ่อย,โรคหลอดเลือดสมอง,หรือโรคลำไส้ใหญ่ที่ต้องมีการควบคุมการมอบอาหารเข้าร่างกาย (enteral feeding)

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

15


เป็นเรื่องปกติที่จะให้ยา Warfarin ในขนาดเริ่มต้นที่แตกต่างกันกับผู้คนตามเชื้อชาติของพวกเขา หากให้น้อยเกินไปจะเกิดอะไรขึ้น

2. ทำให้เลือดออกมากเกินไป

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

ให้ยา Warfarin ในขนาดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไประหว่างชาติอาจเกิดความต่างสาเหตุจากพันธุกรรม ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของยีน CYP2C9 และ VKORC1 ที่กล่าวไปข้างต้น หากให้น้อยเกินไปจะทำให้ระดับการย่อยสลายของยา Warfarin ไม่เพียงพอและไม่สามารถควบคุมการมอบอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเลือดออก (bleeding) เพิ่มขึ้น แต่หากให้มากเกินไปจะเกิดอาการเลือดหน้าอก (chest pain) หรือภาวะที่เป็นอันตรายต่อการเกิดภาวะโลหิตจาง (anemia) หรือการลำเอียงเลือดของเยื่อเนื้อในเครื่องมือหัตถการ ดังนั้นการให้ยา Warfarin ควรปรับเปลี่ยนขนาดตามความต้องการของแต่ละบุคคลในแต่ละชาติ โดยควรปรับค่า PT-INR ที่ตรวจวัดเป็นประจำ และควรประเมินความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดออกอย่างถ่วงหน้าก่อนให้ยา Warfarin ทุกครั้ง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

16


ข้อใดไม่ใช่กลไกการออกฤทธิ์ของ Gleevac

4. ผิดทุกข้อ

เกิดจากการเดาโดยสังเกตจากข้อมูลที่โจทย์ให้มาเกิดจากการเดาโดยสังเกตจากข้อมูลที่โจทย์ให้มา

-

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

17


ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับการขาดกลูโคส -6- ฟอสเฟต G6PD?

5. ผิดทุกข้อ

เกิดจากการเดาโดยสังเกตจากข้อมูลที่โจทย์ให้มา

ไม่มีความเกี่ยวกับที่โจทย์ให้มาเลย

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

18


ข้อใดไม่ได้อธิบายสมมติฐาน Life on the Edge ที่เกี่ยวข้องกับโรคอะไมลอยด์

1. การดริฟท์ทางพันธุกรรมซึ่งเป็นการสะสมของการกลายพันธุ์แบบสุ่ม

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

Life on the Edge เป็นหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับการศึกษาและการสืบค้นเรื่องการทำงานของโครงสร้างโมเลกุลในชีวิต โดยเฉพาะการศึกษาเรื่องโครงสร้างของโมเลกุล DNA และโปรตีน นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงเรื่องยีนและการสร้างโปรตีนจากยีน หนังสือนี้เป็นเอกสารที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจในการศึกษาการทำงานของโครงสร้างโมเลกุลในชีวิต เมื่อพิจารณาเกี่ยวกับโรคอะไมลอยด์ หมายความว่าต้องพูดถึงการทำงานของโครงสร้างโมเลกุล DNA ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการสร้างโปรตีน โรคอะไมลอยด์เกิดขึ้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในยีน DNA ที่ทำให้เกิดการผลิตโปรตีนที่ผิดปกติ ซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะอักเสบและความผิดปกติในอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ดังนั้นเมื่อเราเข้าใจการทำงานของโครงสร้างโมเลกุล DNA และการสร้างโปรตีนอย่างลึกซึ้ง เราอาจจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นเกี่ยวกับการเกิดโรคอะไมลอยด์และวิธีการรักษาในอนาคต

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

19


ข้อใดเกี่ยวข้องกับ Environmental toxicology

3. PCBs

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

-

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

20


จาก Engineered brain-targeted drug delivery systems ที่ใช้คืออะไร

4. ถูกมากกว่า 1 ข้อ

พิจารณาจากตัวเลือกทั้งหมด ข้อนี้มีโอกาศเป็นไปได้มากที่สุด

Engineered brain-targeted drug delivery systems ที่ใช้ คือการออกแบบระบบส่งยาเข้าสู่สมองโดยที่ยาจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือเพิ่มลักษณะเต็มตัวที่มีความสามารถในการวิ่งผ่านการกีดขวางของสารประสาทสร้างความเข้มข้นในสมอง (blood-brain barrier) หรือสารอื่นๆที่สามารถขัดขวางการเข้าถึงสมองได้ เช่น polysorbate 80, leptin receptor และ transferrin receptor ซึ่งสามารถช่วยให้ยาสามารถเข้าถึงสมองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการใช้ nanoparticle และ liposome ในการจัดส่งยาเข้าสู่สมองโดยป้องกันการถูกย่อยสลายในระบบย่อยอาหารก่อนถึงเนื้อเยื่อของสมอง เป้าหมายของการออกแบบระบบส่งยาเข้าสู่สมองนี้ คือการลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคต่างๆที่ส่งผลต่อสมอง

7

-.50 -.25 +.25 เต็ม 0 -35% +30% +35%

ผลคะแนน 47.35 เต็ม 138

แท๊ก หลักคิด
แท๊ก อธิบาย
แท๊ก ภาษา