1 |
ตารางแสดงร้อยละของปริมาณสารอาหารที่ไม่ถูกย่อยในอวัยวะ X Y และ Z
อวัยวะ X Y และ Z ควรเป็นอวัยวะใดตามลำดับ
|
3. กระเพาะอาหาร ปาก ลำไส้เล็ก |
|
Z มีการย่อยอาหาร จึงเป็นลำไส้เล็กเพราะจะย่อยอาหารส่วนที่เหลือจาก x ,y ส่วน y มีการย่อยโปรตีน และคาร์โบไฮเดรต จึงเป็นกระเพาะอาหาร ,x มีการย่อยแค่คาร์โบไฮเดรตจึงเป็นปาก
|
การย่อยอาหาร
ปากมีน้ำลายช่วยทำให้อาหารมีความนุ่มง่ายต่อการย่อย และยังมีองค์ประกอบของเอนไซม์ Amylase และ Lipase ที่ช่วยในการย่อยอาหารจำพวกแป้ง และไขมัน
กระเพาะอาหารมีเอนไซม์ที่ถูกสร้างจากเซลล์ในกระเพาะอาหาร ชื่อ เปปซิน (pepsin) และเรนนิน (rennin) ซึ่งย่อยอาหารประเภทโปรตีน และยังมีไลเปส (lipase) ซึ่งจะย่อยอาหารประเภทไขมัน
ลําไส้เล็กทําหน้าที่ผลิตนํ้าย่อย, คลุกเคล้าอาหารให้เข้ากับนํ้าย่อยจากตับ อ่อน และดูดซึมสารอาหารที่ย่อยแล้ว สารอาหารทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จะถูกย่อยอย่างสมบูรณ์
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
2 |
ใช้ตารางข้อมูลต่อไปนี้ประกอบการตอบคำถามข้อที่ 2-3
กำหนดให้คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม มีพลังงาน 4 กิโลแคลอรี โปรตีน 1 กรัม มีพลังงาน 4 กิโลแคลอรี และไขมัน 1 กรัม มีพลังงาน 9 กิโลแคลอรี
หากนาย A รับประทานอาหารกลางวันทุกอย่างในตาราง อย่างละ 1 หน่วย นาย A จะได้รับพลังงานทั้งหมดในมื้ออาหารนี้กี่กิโลแคลอรี
|
3. 2,388 กิโลแคลอรี |
|
คาร์โบไฮเดรตรวม(กรัม)
800กิโลแคลอรี่
โปรตีนรวม (กรัม)
1300กิโลแคลอรี่
ไขมันรวม(กรัม)
288กิโลแคลอรี่
รวมพลังงานที่ได้รับ=2388 กิโลเเคลอรี่
|
คาร์โบไฮเดรตรวม(กรัม)
800กิโลแคลอรี่
โปรตีนรวม (กรัม)
1300กิโลแคลอรี่
ไขมันรวม(กรัม)
288กิโลแคลอรี่
รวมพลังงานที่ได้รับ=2388 กิโลเเคลอรี่
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
3 |
ใช้ตารางข้อมูลต่อไปนี้ประกอบการตอบคำถามข้อที่ 2-3
กำหนดให้คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม มีพลังงาน 4 กิโลแคลอรี โปรตีน 1 กรัม มีพลังงาน 4 กิโลแคลอรี และไขมัน 1 กรัม มีพลังงาน 9 กิโลแคลอรี
นาย A มีความต้องการในการใช้พลังงานต่อวันเท่ากับ 2,500 กิโลแคลอรี หากใน 1 วัน นาย A รับประทานเฉพาะอาหารเช้าและกลางวันด้วยรายการอาหารข้างต้น นาย A ควรเลือกทำกิจกรรมใดเพื่อไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
|
เล่นฟุตบอล 1ชม.
ปั่นจักรยาน 1 ชม.
ว่ายน้ำ 2 ชม. |
|
เล่นฟุตบอล1 ชม.ใช้พลังงาน 800 kcal
ว่ายน้ำ2 ชม.ใช้พลังงาน 1000kcal
ปั่นจักรยาน1 ชม.ใช้พลังงาน 400 kcal
รวม 2200
|
พลังงาน kcalที่ได้จากรับประทานอาหาร = 4776kcal
ต้องการ=2500 kcal
เหลือพลังงานส่วนเกิน=2276 kcal
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
4 |
ในระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ประกอบด้วยเอนไซม์ทริปซินและเอนไซม์เปปซิน ซึ่งจัดเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในการเร่งปฏิกิริยาการย่อยโปรตีนทั้งคู่ กราฟในข้อใดแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง pH กับความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาของเอนไซม์ทริปซินและเอนไซม์เปปซินได้อย่างเหมาะสมที่สุด
|
 |
|
|
|
5 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
5 |
การรับประทานอาหารประเภทใดเป็นประจำส่งผลให้เกิดการผลิตยูเรียในปริมาณสูงขึ้น
|
1. ไข่ต้ม ไก่ทอด นมสด เต้าหู้ |
|
เป็นอาหารประเภทโปรตีน
|
ขับถ่ายของเสีย
ไตทำหน้าที่ขับถ่ายของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารประเภทโปรตีนออกจากร่างกาย ของเสียประเภทนี้ ได้แก่ ยูเรีย ครีอะตินีน กรดยูริก และสารประกอบไนโตรเจนอื่นๆ อาหารประเภทโปรตีนมีมากในเนื้อสัตว์และอาหารจำพวกถั่ว
ยูเรียมี N เป็นส่วนประกอบ Nได้จากโปรตีน
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
6 |
จากภาพ เลือดที่มีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์สูงจากแขนด้านขวา จะกลับเข้าสู่หัวใจเพื่อเดินทางไปแลกเปลี่ยนแก๊สและออกจากหัวใจผ่านทางเส้นเลือดใดตามลำดับ
|
1. 2 -> 3 -> 1 -> 4 |
|
เลือดไหลจากบนขวาไปล่างขวา ไปฟอกที่ปอด และจากปอด เป็นเลือดดีมาที่หัวใจห้องบนซ้าย ไปหัวใจห้องล่างซ้ายและไปเลี้ยงร่างกายส่วนอื่นๆ
|
-หัวในห้องบนซ้าย(Left atrium) มีหน้าที่ รับเลือดที่ผ่านการฟอกที่ปอด
-หัวใจห้องบนขวา(Right atrium) มีหน้าที่ รับเลือดที่ร่างกายใช้แล้ว
-หัวใจห้องล่างขวา(Right ventricle) มีหน้าที่ สูบฉีดเลือดไปฟอกที่ปอด
-หัวใจห้องล่างซ้าย(Left ventricle) มีหน้าที่ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
7 |
ในบุคคลที่มีอาการปวดศีรษะและมีไข้ หลังจากรับประทานยาพาราเซตามอลแล้ว ยาจะถูกย่อยและดูดซึมที่บริเวณลำไส้เล็ก จากนั้น ยาจะถูกลำเลียงไปตามเส้นเลือดต่าง ๆ เพื่อออกฤทธิ์ที่สมอง เส้นทางการลำเลียงของยาจะไม่ผ่านเส้นเลือดใดในภาพ
|
2. 2 |
|
เพราะกระเพาะอาหารไม่ได้อยู่บริเวณส่วนบนของร่างกาย
|
เวนาคาวา ( vena cava ) เป็นเส้นเลือดที่นำเลือดจากส่วนต่างๆของร่างกายเข้าสู่หัวใจ มีอยู่ 2 เส้น คือ
-สุพีเรีย เวนาคาวา (Superior Vena Cava) เป็นเส้นเลือดที่นำเลือดกลับจากหัว อก คอ และแขนเข้าสู่หัวใจ
– อินฟีเรีย เวนาคาวา(Inferior Vena Cava) เป็นเส้นเลือดดำที่นำเลือดจากส่วนต่างๆที่อยู่ต่ำกว่ากะบังลมไปยังหัวใจ
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
8 |
ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับคุณสมบัติของหลอดเลือดในภาพเคลื่อนไหว
A. ผนังของหลอดเลือดมีความบางและมีลิ้นกันเป็นระยะ
B. ตัวอย่างหลอดเลือดในภาพ ได้แก่ หลอดเลือด pulmonary artery
C. เลือดภายในหลอดเลือดนี้ประกอบไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีออกซิเจนสูง
|
5. B และ C |
|
จากฃาำเป็นรูปเส้นเสือดแดงหรือ artery
มีลักษณะตรงกับ B,C
|
A. ผนังของหลอดเลือดมีความบางและมีลิ้นกันเป็นระยะ
Aเป็นลักษณะของเส้นเลือดดำ
B,C เป็นลักษณะเส้นเลือดแดง
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
9 |
ในขณะหายใจออก ความดันในปอดและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
|
3 |
|
การหายใจออก (EXPIRATION)
กะบังลมจะเลื่อนสูง กระดูกซี่โครงจะเลื่อนต่ำลง ทำให้ปริมาตรของช่องอกลดน้อยลง ความดันอากาศในบริเวณรอบ ๆ ปอดสูงกว่าอากาศภายนอก อากาศภายในถุงลมปอดจึงเคลื่อนที่จากถุงลมปอดไปสู่หลอดลมและออกทางจมูก
|
การหายใจออก (EXPIRATION)
กะบังลมจะเลื่อนสูง กระดูกซี่โครงจะเลื่อนต่ำลง ทำให้ปริมาตรของช่องอกลดน้อยลง ความดันอากาศในบริเวณรอบ ๆ ปอดสูงกว่าอากาศภายนอก อากาศภายในถุงลมปอดจึงเคลื่อนที่จากถุงลมปอดไปสู่หลอดลมและออกทางจมูก
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
10 |
ระหว่างการออกกำลังกายที่มีระดับความหนักมาก (high intensity level) สมดุลในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และร่างกายจะต้องใช้กลไกใดเพื่อรักษาสมดุลของร่างกายไว้ให้คงเดิม
|
3 |
|
ในขณะที่เราออกกำลังกาย หรือร่างกายทำงานหนัก เลือดจะเป็นกรดมากขึ้น และจะมีการหายใจ และการไหลเวียนเลือดมากขึ้น
|
ในขณะที่เราออกกำลังกาย หรือร่างกายทำงานหนัก เลือดจะเป็นกรดมากขึ้น เนื่องจากมีการผลิต CO2 ออกมาจากปฏิกิริยาการหายใจระดับเซลล์ เมื่อ CO2 รวมตัวกับน้ำ จะทำให้เกิดกรดคาร์บอกนิก ซึ่งสามารถแตกตัวให้ H+ ได้ เมื่อเลือดเป็นกรด สมองส่วนเมดัลลาออบลองกาตา และพอนส์ จะส่งสัญญาณไปกระตุ้นกล้ามเนื้อกระบังลม และกล้ามเนื้อยึดซี่โครง ให้ทำงานมากขึ้น ทำให้หายใจเร็วและแรงขึ้น เพื่อขับ CO2 ออกจากร่างกาย
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
11 |
จากข้อมูลประวัติสุขภาพของบุคคล A B C และ D ข้อใดกล่าวถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับชนิดของภูมิคุ้มกันที่แต่ละบุคคลได้รับ
|
3 |
|
ภูมิคุ้มกันสร้างขึ้นเองActive Immunity
Active naturally acquired immunity
-ภูมิคุ้มกันเกิดภายหลังจากการเป็นโรคติดเชื้อตามธรรมชาติ
-ป้องกันการติดเชื้อซ้ําได้เช่นหัดสุกใส
-มักมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิตActive artificially acquired immunity
-เกิดจากการได้รับวัคซีน
- กระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน
-ลดความรุนแรงของโรคหากมีการติดเชื้อ
-อยู่ได้ตลอดชีวิต
Passive Immunity
เกิดจากได้
-ภูมิคุ้มกันจากแม่ไปสู่ลก
-ภูมิคุ้มกันผ่านทางน้ํานมแม่
-มีผลคุ้มครองในช่วงต้นของชีวิตเท่านั้นรับ-ภูมิคุ้มกันโดยตรง
Passive artificially acquired immunity
- เกิดจากการได้รับแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกับสําเร็จรูป (ซีรั่ม, Gamma globulin)
- การฉีด Equine Rabies Immunoglobulin (ERIG) ให้กับผู้ที่ถูกสนุัขบ้า
- การฉีด Antivenom ให้กับผู้ที่ถูกงูพิษกัด
-ภูมิคุ้มกันแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน สามารถถูกทําลายโดยร่างกายผู้รับ
|
ภูมิคุ้มกันสร้างขึ้นเองActive Immunity
Active naturally acquired immunity
-ภูมิคุ้มกันเกิดภายหลังจากการเป็นโรคติดเชื้อตามธรรมชาติ
-ป้องกันการติดเชื้อซ้ําได้เช่นหัดสุกใส
-มักมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิตActive artificially acquired immunity
-เกิดจากการได้รับวัคซีน
- กระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน
-ลดความรุนแรงของโรคหากมีการติดเชื้อ
-อยู่ได้ตลอดชีวิต
Passive Immunity
เกิดจากได้
-ภูมิคุ้มกันจากแม่ไปสู่ลก
-ภูมิคุ้มกันผ่านทางน้ํานมแม่
-มีผลคุ้มครองในช่วงต้นของชีวิตเท่านั้นรับ-ภูมิคุ้มกันโดยตรง
Passive artificially acquired immunity
- เกิดจากการได้รับแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกับสําเร็จรูป (ซีรั่ม, Gamma globulin)
- การฉีด Equine Rabies Immunoglobulin (ERIG) ให้กับผู้ที่ถูกสนุัขบ้า
- การฉีด Antivenom ให้กับผู้ที่ถูกงูพิษกัด
-ภูมิคุ้มกันแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน สามารถถูกทําลายโดยร่างกายผู้รับ
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
12 |
ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันที่มีมาแต่กำเนิด (innate immunity)
A. เซลล์เยื่อบุผิวในระบบทางเดินหายใจผลิตเมือกเพื่อช่วยดักจับจุลชีพและสิ่งแปลกปลอม
B. เซลล์เยื่อบุผิวกระเพาะอาหารผลิตกรดไฮโดรคลอริกเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
C. น้ำตาและน้ำลายมีเอนไซม์ชนิดไลโซไซม์เพื่อช่วยทำลายแบคทีเรียที่อาจเข้าสู่ร่างกายได้ในเบื้องต้น
|
5. A B และ C |
|
Innate immunity คือ
-เป็นด่านแรกในการป้องกันเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกาย
-กลไกนี้ไม่จําเพาะเจาะจงกับเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่งแต่ป้องกันโรคได้หลายชนิด
|
Innate immunity คือ
-เป็นด่านแรกในการป้องกันเชื้อโรคที่เข้ามาในร่างกาย
-กลไกนี้ไม่จําเพาะเจาะจงกับเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่งแต่ป้องกันโรคได้หลายชนิด
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
13 |
ในการทดสอบหมู่เลือดของผู้เข้ารับบริการในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มีผลการทดสอบดังนี้
ข้อความใดกล่าวถูกต้อง
|
3. ไม่มีผู้เข้ารับบริการคนใดมีหมู่เลือด AB Rh- |
|
A หมู่เลือด A rh+
B หมู่เลือด O rh-
Cหมู่เลือด B rh-
D หมู่เลือด AB rh+
ตรงกับข้อที่ 3,4,5
|
หมู่โลหิต Rh มี antigen หลักส ำคัญ (Five major Rh antigen) คือ D, C,
E, c และ e ซึ่งสำมำรถตรวจพบบนผิวเม็ดเลือดแดงได้โดยใช้ antibody ที่จ ำเพำะ
คือ anti-D, anti-C, anti-E, anti-c และanti-e ตำมล ำดับ ในงำนประจ ำจะตรวจ
เฉพำะ D antigen หำกตรวจไม่พบจะเรียกว่ำ d หรือ Rh negative
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
14 |
ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ (reflex reaction) เป็นปฏิกิริยาการตอบสนองอย่างรวดเร็วของระบบประสาทต่อสิ่งเร้า หากมือของนักเรียนเผลอไปแตะขอบกระทะที่มีความร้อนสูง ร่างกายจะมีกลไกตอบสนองด้วยปฏิกิริยารีเฟล็กซ์โดยมีลำดับขั้นอย่างไร
A. กล้ามเนื้อต้นแขนด้านหน้าหดตัว
B. รีเซฟเตอร์รับความร้อนบริเวณมือถูกกระตุ้น
C. กระแสประสาทถูกส่งเข้าเซลล์ประสาทรับความรู้สึก
D. กระแสประสาทถูกส่งผ่านเซลล์ประสาทสั่งการ
E. กระแสประสาทถูกส่งเข้าไขสันหลัง
|
2. B -> C -> D -> E -> A |
|
|
ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ (reflex reaction) เป็นปฏิกิริยาการตอบสนองอย่างรวดเร็วของระบบประสาทต่อสิ่งเร้า หากมือของนักเรียนเผลอไปแตะขอบกระทะที่มีความร้อนสูง
รีเฟล็กซ์ หรือ ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ (อังกฤษ: Reflex) เป็นการเคลื่อนไหวของร่างกายโดยนอกการควบคุมของจิตใจ (involuntary) ที่เกิดขึ้นอย่างแทบฉับพลันทันที
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
15 |
ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับหน้าที่ของอวัยวะในภาพ
|
2. พบในบริเวณปลายไขสันหลังถัดขึ้นมาทางศีรษะ |
|
สมองมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว, พฤติกรรม และภาวะธำรงดุล (homeostasis) เช่น การเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น หน้าที่ของสมองยังมีเกี่ยวข้องกับการรู้ (cognition) อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว (motor learning) และความสามารถอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้
|
สมอง คืออวัยวะสำคัญในสัตว์หลายชนิดตามลักษณะทางกายวิภาค หรือที่เรียกว่า encephalon จัดว่าเป็นส่วนกลางของระบบประสาท คำว่า สมอง นั้นส่วนใหญ่จะเรียกระบบประสาทบริเวณหัวของสัตว์มีกระดูกสันหลัง คำนี้บางทีก็ใช้เรียกอวัยวะในระบบประสาทบริเวณหัวของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอีกด้วย
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
16 |
จากภาพเคลื่อนไหวที่กำหนด ข้อใดกล่าวถูกต้องดวงตาในภาพเคลื่อนไหวนี้
|
2. บริเวณสีขาวในดวงตา (sclera) ทำหน้าที่เป็นม่านตา (iris) เพื่อกรองแสงไม่ให้เข้าสู่ดวงตามากเกินไป |
|
ม่านตา (Iris) ส่วนที่มีสีสันของดวงตา ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงที่จะเข้าสู่รูม่านต
|
1.กระจกตา (Cornea) เป็นส่วนที่อยู่หน้าสุดของลูกตา ทำหน้าที่โฟกัสหักเหแสงจากวัตถุให้เข้าในลูกตา
2.รูม่านตา (Pupill) รูสีดำตรงกลางตา ทำหน้าที่ให้แสงผ่าน
3.ม่านตา (Iris) ส่วนที่มีสีสันของดวงตา ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณแสงที่จะเข้าสู่รูม่านต
4. เลนส์แก้วตา (Lens) ทำหน้าที่โฟกัสหักเหแสงเพิ่มขึ้นต่อจากกระจกตา
5.จุดภาพชัด (Macula) ทำหน้าที่รับภาพจากจอตาที่ดวงตา เพื่อไปแปลผลที่สมอง
6.จอประสาทตา (Retina)ประกอบด้วยเซลล์ที่รับแสงและเซลล์ประสาท ทำหน้าที่รับภาพเหมือนฟิล์มถ่ายรูป
7.เส้นประสาทตา (Optic nerve) ทำหน้าที่ รับภาพจากจอตาที่ดวงตา เพื่อไปแปลผลที่สมอง
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
17 |
จากภาพประกอบข้างต้น ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการมองเห็นวัตถุของบุคคลที่มีค่าสายตาแบบต่างๆ
I. ภาพ A แสดงการมองเห็นของบุคคลสายตาปกติ เลนส์จึงรวมแสงให้ภาพตกกระทบที่บริเวณเรตินาพอดี
II. ภาพ B แสดงการมองเห็นของบุคคลสายตาสั้น เนื่องจากเลนส์ตาหดสั้นมากที่สุด เลนส์จึงรวมแสงให้ภาพตกกระทบก่อนถึงบริเวณเรตินา
III. ภาพ C แสดงการมองเห็นของบุคคลสายตาสั้น เนื่องจากกระบอกตาหดสั้นมากที่สุด เลนส์จึงรวมแสงให้ภาพตกกระทบบริเวณหลังเรตินา
|
5. I และ III |
|
2 แสดงการมองเห็นของบุคคลสายตายาว
|
คนสายตาปกติ
เกิดจากการที่แสงตกกระทบวัตถุแล้วเกิดภาพสะท้อนเข้าสู่ตาผ่านเลนส์ตา ไปยังลูกตา และตกกระทบกับจอรับภาพ ทำให้เกิดภาพบนจอเรตินา
คนสายตาสั้น
คนที่สายตาสั้น (Myopia) จะมีภาวะความผิดปกติของเลนส์ตา คือ มีความโค้งมากกว่าปกติ จึงมีกำลังในการหักเหแสงที่มากขึ้น ส่งผลให้จุดโฟกัสของแสงตกก่อนถึงจอประสาทตา จึงไม่สามารถส่งภาพให้สมองประมวลผลได้อย่างชัดเจน
สายตายาว เกิดจากการที่กระจกตามีความโค้งน้อยจนเกินไป หรือกระบอกตามีขนาดสั้นจนเกินไป ทำให้เมื่อแสงเข้าสู่ดวงตา การหักเหของแสงจึงน้อยลง ส่งผลให้จุดรวมแสงตกกระทบที่ด้านหลังจอประสาทตา
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
18 |
จงเติมประโยคต่อไปนี้ให้สมบูรณ์ โดยใช้คำศัพท์ที่กำหนดให้เพื่ออธิบายภาพเคลื่อนไหวด้านบนได้อย่างถูกต้อง
“ภาพแสดงการเคลื่อนไหวของ ________ ซึ่งพบได้ในบริเวณ _______ ทำให้สามารถ __________”
ข้อต่อแบบบานพับ ข้อต่อแบบลูกกลมในเบ้า หัวไหล่ หัวเข่า หมุนได้หลายทิศทาง หมุนได้ในทิศทางขึ้นลง
|
5. ข้อต่อแบบลูกกลมในเบ้า หัวไหล่ หมุนได้ในทิศทางขึ้นลง |
|
ข้อต่อรูปบอลในเบ้า (ball and socket joint) ข้อต่อชนิดนี้ปลายกระดูกข้างหนึ่งมีลักษณะกลม สอดเข้าไปในปลายของกระดูกอีกชิ้นหนึ่งที่มีลักษณะเป็นเบ้า ซึ่งทำให้มีการเคลื่อนไหวได้มากที่สุดเกือบทุกทิศทาง กระดูกที่มีข้อต่อชนิดนี้ คือ ข้อต่อกระดูกสะโพก ข้อต่อกระดูกหัวไหล่
|
ข้อต่อแบบบอลล์ แอนด์ ซอกเคท ( ball and socket joint )
ข้อต่อแบบนี้เกิดจากหัวกระดูกชิ้นหนึ่ง มีลักษณะเป็น ทรงกลม สวมเข้าไปใน เบ้าซี่งมีลักษณะทรงกลม ของกระดูกอีกชิ้นหนึ่ง ทำให้สามารถเคลื่อนไหว ได้อิสระหลายทิศทาง ได้แก่ ข้อต่อหัวไหล่ ข้อต่อบริเวณกระดูกโคนขา กับกระดูกเชิงกราน
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
19 |
ใช้ข้อมูลต่อไปนี้ตอบคำถามข้อที่ 19-20
ลักษณะผิวเผือกเป็นลักษณะทางพันธุกรรมที่ถูกส่งผ่านอัลลีลด้อยบนโครโมโซมร่างกาย ครอบครัวหนึ่งมีพ่อและแม่ผิวปกติทั้งคู่ แต่เพียงแค่พ่อเท่านั้นที่เป็นพาหะของลักษณะผิวเผือก
จงคำนวณโอกาสที่จะมีลูกชายผิวปกติ
|
5. 1 |
|
เป็นการผสมที่ได้ลักษณะเด่นสมบูรณ์
|
ลักษณะเด่นสมบูรณ์ (Complete Dominance) หมายถึง การแสดงออกของลักษณะเด่นที่เกิดจากการที่ยีน
เด่นสามารถข่มการแสดงออกของยีนด้อยได้ 100% ทำให้จีโนไทป์ที่เป็นโฮโมไซกัสยีนของลักษณะเด่น (Homozygous
Dominance) และเฮเทอโรไซกัสยีนมีการแสดงออกของฟีโนไทป์ที่เหมือนกัน
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|
20 |
คำตอบจากข้อ 19 สามารถตีความได้อย่างไร จงอธิบายโดยใช้เหตุผลของหลักการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมประกอบคำอธิบาย
|
มีโอกาส 1 (100%) ที่ลูกจะมีผิวปกติ |
|
เป็นการผสมที่ได้ลักษณะเด่นสมบูรณ์
ลูกจึงจะมีคุณสมบัติลักษณะเด่นเท่านั้น
|
ลักษณะเด่นสมบูรณ์ (Complete Dominance) หมายถึง การแสดงออกของลักษณะเด่นที่เกิดจากการที่ยีน
เด่นสามารถข่มการแสดงออกของยีนด้อยได้ 100% ทำให้จีโนไทป์ที่เป็นโฮโมไซกัสยีนของลักษณะเด่น (Homozygous
Dominance) และเฮเทอโรไซกัสยีนมีการแสดงออกของฟีโนไทป์ที่เหมือนกัน
|
10 |
-.50
-.25
+.25
เต็ม
0
-35%
+30%
+35%
|